คาด GDP กัมพูชา ปี 2023 เติบโตต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน กล่าวถึงการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาคาดว่าจะสูงถึงร้อยละ 6.6 ในปี 2023 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัวซึ่งคาดว่าจะสูงถึงเกือบ 2,000 ดอลลาร์ต่อปี รวมถึงคาดว่ากัมพูชาจะยังคงใช้นโยบายภาครัฐแบบเกินดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางกลับเข้ามายังกัมพูชา หลังจากจีนมีกำหนดที่จะเปิดประเทศอีกครั้งในเดือน ม.ค. ซึ่งการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวจีนที่คาดการณ์ไว้จะทำให้เศรษฐกิจกัมพูชากลับมาขยายตัวอีกครั้ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501213048/gdp-increase-expected-for-2023/

การค้าทวิภาคีระหว่าง กัมพูชา-จีน โตกว่า 19%

ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและจีนมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กล่าวโดยนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ซึ่งยังเสริมว่าในอนาคตสินค้ากัมพูชาจะสามารถเข้าไปสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น จากข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน โดยจีนสนับสนุนการส่งออกของกัมพูชาด้วยการยกเว้นภาษีให้กับกัมพูชาถึงร้อยละ 97.53 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ซึ่งการส่งออกของกัมพูชาไปยังจีนส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าประเภทเครื่องนุ่งห่ม สินค้าเกษตร เป็นสำคัญ ในขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาจากจีน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับวัตถุดิบการผลิต เช่น ฝ้าย สิ่งทอ โลหะ วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พลาสติก อะลูมิเนียม เฟอร์นิเจอร์ กระดาษและกระดาษแข็ง เป็นหลัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501211511/cambodia-china-bilateral-trade-volume-surged-19-says-pm/

เศรษฐกิจกัมพูชายังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 5.5% ในปี 2022 กล่าวโดย ฮุน เซน

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจกัมพูชาที่กำลังกลับมาฟื้นตัวและเติบโตสูงถึงร้อยละ 5.5 ในปี 2022 โดยได้แถลงในระหว่างพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างสะพานกระแจะแห่งใหม่ รวมถึงยังได้ระบุว่าภาครัฐบาลสามารถสร้างรายได้มากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ จากการจัดเก็บภาษีแต่เพียงอย่างเดียว โดยที่ยังไม่ได้มีการรวมรายได้จากช่องทางอื่นที่นอกเหนือจากภาษี ส่งผลให้ภาครัฐดำเนินการภายใต้งบประมาณแบบเกินดุลในปัจจุบันหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 และคาดว่าในปี 2023 รัฐบาลจะยังคงดำเนินการแบบเกินดุลเช่นกันกับปีก่อน จากการวางระบบการจัดการทางด้านภาษีใหม่

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501212491/pm-says-cambodias-economy-maintained-5-5-pct-growth-rate/

‘เวียดนาม’ ยอดค้าปลีกและบริการ ปี 65 โต 19.8%

ซินหัว – สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการของเวียดนามในปี 2565 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นอยู่ที่ราว 5,679.9 ล้านล้านดอง (240.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขยายตัว 19.8% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยเฉพาะยอดค้าปลีกของเวียดนาม ประมาณ 4,475.9 ล้านล้านดอง หรือ 190 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 14.4% รองลงมายอดขายสินค้าวัฒนธรรมและการศึกษา และเสื้อผ้า ขยายตัว 22.9% และ 19.1% ตามลำดับ

ที่มา : https://english.news.cn/20230102/f11950bebde74ae6b44049b0f2730529/c.html

ราคาหัวหอมเมียนมาดิ่งลง ในรอบ 3 สัปดาห์

ผู้ค้าส่งหัวหอมในตลาดบุเรงนอง ของเมียนมา เผย ในช่วงต้นปี 2566 ราคาหัวหอมยังคงมีแนวโน้มลดลง จากผลผลิตที่ออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2566 มีผลผลิตหัวหอมจากภูมิภาคต่างๆ จำนวน 210,000 visses (visses เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) โดยราคาหัวในเมืองมยินยาน อยู่ที่ 1,700-2,300 จัตต่อ visses ส่วนราคาหัวหอมในเมืองมิยธา อยู่ที่ 2,000-2,600 จัตต่อ visses ที่ผ่านมาในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ผลผลิตหัวหอมช่วงฤดูมรสุมประมาณ 5 ล้านหัวถูกส่งไปยังเมืองมยินจาน และเมืองปะโคะกู ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อ-ขายหัวหอมของประเทศ ส่งผลให้ราคาหัวหอมลดลงจาก 3,500 จัตต่อ visses เหลือ 1,950-2,100 จัตต่อ visses ในวันที่ 2 มกราคม 2566

ที่มา:  https://www.gnlm.com.mm/onion-price-heads-for-three-week-fall/#article-title

CNN เผย สปป.ลาวเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของการท่องเที่ยวในปี 2566

สำนักข่าว CNN เผย สปป.ลาว ติด 1 ใน 23 ประเทศที่สมควรไปเยือนในปี 2566 ซึ่งการเปิดให้บริการของรถไฟกึ่งความเร็วสูงในปี 2565 ทำให้การเดินทางทั่วประเทศง่ายขึ้นและประหยัดเวลาในการเดินทางหลายชั่วโมงจากที่เคยใช้เวลาเกือบเต็มวันในการเดินทาง นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวสามารถที่จะเลือกสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างมากมาย เช่น ยอดเขาสูงตระหง่านของวังเวียง หรือหลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกเต็มที่ไปด้วยมรดกจากอาณานิคมของฝรั่งเศส พิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่น่าสนใจ และความงามตามธรรมชาติ ทั้งนี้สื่อชั้นนำระดับโลกอย่าง Wanderlust และ Fodor’s ยังได้บรรจุสปป.ลาว เป็นหนึ่งในลิสต์รายชื่อเมืองท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของปี 2566

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/01/03/laos-is-one-of-cnns-best-destinations-to-visit-in-2023/

ผอ.ไอเอ็มเอฟตีระฆัง เตือนโลกรับมือเศรษฐกิจถดถอย ชี้เงินเฟ้อสูง-เพิ่มดอกเบี้ย

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นายคริสตาลีนา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกแถลงการณ์เตือนประชาคมโลกให้เตรียมรับมือกับปัญหาทางเศรษฐกิจ หลังจากการประมาณการเชื่อว่าประเทศต่างๆทั่วโลกราว 1 ใน 3 จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดยสงครามในยูเครน อัตราเงินเฟ้อ และการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่างๆเพื่อพยายามควบคุมค่า ครองชีพไม่ให้สูงไปกว่านี้ ทำให้เศรษฐกิจในปี 2566 มีแนวโน้มจะชะลอตัว แต่การยกเลิกมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลจีน ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในจีน กระทบภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ อัตราการผลิตของจีนหดตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ด้านนางคาทรินา เอล นักเศรษฐกิจประจำหน่วยวิเคราะห์เศรษฐกิจของบริษัทจัดอันดับมูดดี’ส กล่าวว่า นอกจากจีนแล้ว เศรษฐกิจยุโรปย่อมหนีไม่พ้นภาวะถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในสภาพจวนเจียนจะถดถอย เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหาเมื่อไหร่ อุปทานหรือความต้องการสินค้าและบริการจะลดลง นั่นหมายถึงความต้องการสินค้าและบริการจากจีนและประเทศอื่นๆในเอเชียอย่างไทยและเวียดนามจะลดลง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมที่สูง ย่อมทำให้ภาคธุรกิจหลีกเลี่ยงการลงทุน หรือขยายกิจการ อาจจะส่งผลให้บางประเทศโดยเฉพาะประเทศยากจนขาดเงินชำระค่าสินค้านำเข้าที่จำเป็นอย่างอาหารและพลังงาน

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2592990

กัมพูชาส่งออกยางพารามูลค่าแตะ 470 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี

กัมพูชาส่งออกยางพาราและไม้ยางพารา ณ เดือนพฤศจิกายน ขยายตัวต่อเนื่องคิดเป็นมูลค่าเกือบ 470 ล้านดอลลาร์ ข้อมูลดังกล่าวรายงานโดยกรมยาง ซึ่งมูลค่าดังกล่าวแบ่งออกเป็นมูลค่าจากการส่งออกยางพารา 465 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากไม้ยางพาราอยู่ที่ 3.8 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นปริมาณของยางพารา 322,586 ตัน เพิ่มขึ้น 9,139 ตัน ขยายตัวที่ร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การส่งออกไม้ยางพาราสูงถึง 24,989 ลบ.ม. ตามรายงานของ General Department of Rubber ซึ่งราคาขายยางเฉลี่ย ณ เดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 1,231 ดอลลาร์ต่อตัน ลดลง 31 ดอลลาร์ต่อตัน โดยปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกยางพาราทั้งหมดของกัมพูชาอยู่ที่ 404,578 เฮกตาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501205164/cambodia-sees-nearly-470-million-from-rubber-rubber-wood-exports-in-11-months/

ท่องเที่ยวกัมพูชากลับมาฟื้นตัวสะท้อนจากอัตราการฟื้นตัวที่ร้อยละ 26.3

ปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยกัมพูชาเริ่มเห็นการขยายตัวที่อัตราการฟื้นตัวร้อยละ 26.3 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด นับเป็นอันดับที่สามในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน จากข้อมูลของคณะกรรมการที่ปรึกษาการท่องเที่ยวของเวียดนาม ซึ่งสิงคโปร์อยู่อันดับแรกด้วยอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 30.9, มาเลเซียเป็นอันดับที่สองที่อัตราการฟื้นตัวร้อยละ 27.5 รองจากกัมพูชาคืออินโดนีเซียในอันดับที่ 4 ด้วยอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 22.9 ฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 22.1 และไทยอยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 22 โดยกัมพูชาตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวอีก 2 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ และภายในปี 2026-2027 คาดว่าสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวจะกลับมาสู่ภาวะก่อนเกิดการแพร่ระบาด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501204801/tourism-recovery-rate-at-26-3-in-cambodia/

ผู้ประกอบการญี่ปุ่น 60% เดินหน้าขยายธุรกิจในเวียดนาม

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) เปิดเผยผลการสำรวจของธุรกิจ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. – 21 ก.ย.  พบว่าผู้ประกอบการญี่ปุ่นส่วนใหญ่ 60% มีความต้องการที่จะขยายการดำเนินกิจการในตลาดเวียดนาม อีก 2 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้น 4.7 จุด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หากทำการเปรียบเทียบกับประเทศและภูมิภาค จะเห็นว่าเวียดนามเป็นตลาดหลักที่ธุรกิจญี่ปุ่นมีแผนขยายธุรกิจ รองจากอินเดียและบังกลาเทศ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มของธุรกิจ พบว่าผู้ประกอบการ 59.5% มองว่าการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม จะสามารถสร้างผลกำไรได้อีกในอนาคตข้างหน้า ในขณะที่ 20.8% มองว่าการดำเนินธุรกิจแย่ลงหรือเผชิญกับการขาดทุน อีกทั้ง ผู้ประกอบการญี่ปุ่นมองทิศทางเศรษฐกิจของเวียดนามเป็นบวก เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังโควิด-19 โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/60-of-japanese-businesses-keen-to-expand-operations-in-vietnam-post991401.vov