ก.เกษตรฯ เวียดนาม ยืนยันเนื้อหมูไม่ขาดตลาดในช่วงเทศกาลเต็ด

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยว่าจะไม่มีปัญหาจากการขาดแคลนเนื้อหมูตั้งแต่วันนี้จนถึงเทศกาลเต็ด (วันปีใหม่จันทรคติ) เนื่องจากผลผลิตมีจำนวนมากจากการที่ผู้ประกอบการเลี้ยงสุกรขนาดใหญ่ 16 ราย มีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของผลผลิตเนื้อหมูทั้งประเทศที่สามารถจัดจำหน่ายไปสู่ตลาดได้ รวมถึงยังรักษาระดับผลผลิตได้ อย่างไรก็ดี ผลผลิตที่มีจำนวนมากดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อราคาสุกรมีชีวิตปรับตัวลดลงราว 60,000 ดองต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ มองว่าความต้องการเนื้อหมูอาจเพิ่มขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลเต็ด ซึ่งจะทำให้ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้น แต่คาดการณ์ว่าจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเท่าไรนัก นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ขอความร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในหัวเมืองต่างๆ ให้ทำการติดตามตามสถานการณ์ของตลาดอย่างใกล้ชิด รวมถึงแนะนำเกษตรกรดูแลฝูงสัตว์อย่างเหมาะสมและหาแนวทางในการช่วยลดต้นทุนการผลิต เพื่อประกันกำไรของเกษตรกร

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1403545/no-shortage-of-pork-for-tet-holidays-ministry.html

‘เวียดนาม’ ทำรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก ทะลุ 361 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) รายงานว่าเวียดนามส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกและไข่ไปยังทั่วโลก มีมูลค่าอยู่ที่ 361 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์กว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่าผลผลิตในประเทศมีจำนวนมากก็ตาม ทั้งนี้ ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ แนะนำให้ภาคธุรกิจทำการแปรรูปเนื้อสัตว์ปีกให้มีคุณภาพดีขึ้น จัดเก็บสำรองวัตถุดิบและสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารควรให้การสนับสนุนในด้านสินเชื่อแก่เกษตรกร และในระยะยาวนั้น กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องประเมินผลช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้แน่ใจว่าผลประโยชน์จะไปยังมือผู้บริโภคและผู้เพาะพันธุ์สัตว์ รวมถึงพิจารณาจัดตั้งกองทุนรักษาเสียรภาพของราคาเนื้อสัตว์

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-rakes-in-361-million-usd-from-exporting-poultry-products/245355.vnp

กัมพูชาส่งออกไปยังญี่ปุ่นโต 10% มูลค่าแตะ 1.6 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่า 1,658 ล้านดอลลาร์ ไปยังญี่ปุ่นในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ในขณะที่ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคมกัมพูชานำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นมูลค่า 433 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นการค้าทวิภาคีระหว่าง กัมพูชา-ญี่ปุ่น อยู่ที่ 2,081 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังญี่ปุ่น ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง กระดาษและเครื่องใช้สำนักงาน และเครื่องหนัง ขณะที่กัมพูชานำเข้าเครื่องจักร รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าผืน และพลาสติกจากญี่ปุ่นเป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501200556/cambodias-export-to-japan-up-10-at-1-6b/

กัมพูชาตั้งเป้าส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีน

กัมพูชาตั้งเป้าส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนเป็นตลาดหลักสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันทางการกัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ในขณะที่มูลค่าตลาดจีนในปัจจุบันอยู่ที่มูลค่า 805 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 6.0 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมด แต่หากนับเฉพาะสินค้าเกษตรตลาดจีนครองสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 40 หรือคิดเป็นมูลค่า 281 ล้านดอลลาร์ ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดของกัมพูชาที่มูลค่าการส่งออกทั้งหมด 715 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ สำหรับตลาดจีนเน้นไปที่การนำเข้า กล้วย ข้าวสาร และมันสำปะหลังเป็นสินค้าสำคัญ นอกจากนี้ FDI ของจีนยังคงมีสัดส่วนสูงกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าโครงการ FDI ที่ได้รับอนุมัติคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 4.0 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 260 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501200944/cambodias-agricultural-commodities-target-china-as-a-key-export-destination/

ปีงบฯ 65-66 ส่งออกเมียนมา พุ่งขึ้น 15%

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย การส่งออก ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 2 ธันวาคม ของปีงบประมาณ 2565-2566 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 11,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 9,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นมาจากจีนผ่อนปรนกฎและข้อบังคับในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น และปัจจุบันอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าแบบ CMP บูมขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่แรงงงานในโรงงานมากขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร อยู่ที่ 2.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ปศุสัตว์ 18.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าประมง 491.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แร่ธาตุ 205 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ผลิตภัณฑ์จากป่า 97.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าเพื่อการผลิต 7.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสินค้าอื่นๆ 320.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ภาคการส่งออกของประเทศต้องพึ่งพาภาคเกษตรกรรมและการผลิตมากขึ้น ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงให้ความสำคัญกับการลดการขาดดุลการค้า โดยเร่งส่งเสริมการส่งออก เพื่อลดการนำเข้าลง

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmars-exports-rise-15-per-cent-in-fy-2022-2023/

ปี 65 คาด นักท่องเที่ยวต่างชาติเยือน สปป.ลาว ทะลุเกิน 1 ล้านคน

จากข้อมูลของฝ่ายการตลาดการท่องเที่ยว กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติ 644,756 คนเดินทางเยือนสปป.ลาวตลอดเดือนกันยายน 65  และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 300,000 คนภายในปีนี้ นักท่องเที่ยวเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย (364,515 คน) ซึ่งนักท่องเที่ยวจากไทยตื่นเต้นและนิยมที่จะได้เดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงสปป.ลาว-จีน และท่องเที่ยวสถานที่ยอดนิยม เช่น หลวงพระบางและวังเวียง แม้ว่าชายแดนจีนจะยังคงปิดอยู่ แต่จีนก็รั้งอันดับ 2 โดยมีนักท่องเที่ยวจีน 18,902 คน ที่เข้ามาเที่ยวสปป.ลาว โดยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ พุ่งถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สหรัฐตลอดเดือนกันยายน 2565 และเมื่อเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ตัวเลขนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/12/12/overseas-visitors-to-laos-could-exceed-one-million-in-2022/

“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เข็น มอก.เอส ยานยนต์ไฟฟ้า

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ออกประกาศมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เอส หรือ มอก.เอส ซึ่งเป็น มอก.ที่มอบให้กับเอสเอ็มอีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า จำนวน 2 มอก. ได้แก่ การบริการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้า และการบริการดัดแปลงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับมาตรฐานของเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน (โอทอป) เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และบางส่วนนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอยู่ไปดัดแปลงให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถไฟฟ้าคันใหม่

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2576168

‘นครโฮจิมินห์’ ตั้งเป้า ปี 65 ขยายตัว 7.5-8%

คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDPR) ปี 2566 อยู่ที่ 7.5-8% คุณ Phan Thi Than รองประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ กล่าวในที่ประชุมสภาประชนเทศบาลเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ว่านครโฮจิมินห์มีทั้งโอกาสและความท้าทายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในปีหน้า แต่คาดว่าจะเผชิญกับความยากลำบากและความท้าทายมากขึ้น และเมืองแห่งนี้จะคงมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปการบริหาร ยกระดับการบริการสาธารณะและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ นอกจากนี้ ทำการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานความรู้กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมไปถึงจำเป็นต้องขจัดปัญหาคอขวดต่างๆ และเร่งดำเนินโครงสร้างพื้นฐาน การจราจรและการพัฒนาเมือง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hcm-city-sets-2023-growth-target-of-758/245180.vnp

สื่อสหรัฐฯ ชี้ ศก.เวียดนามมีแนวโน้มสดใส

จากข้อมูลเว็บไซต์ของสหรัฐฯ “Seekingalpha” เปิดเผยว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวก สาเหตุสำคัญมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของการบริโภคภายในประเทศ การได้รับเม็ดเงินทุนจากต่างชาติและการรักษาดุลการค้าเกินดุลกับต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม คาดว่าจะขยายตัวสูงกว่า 8% ในปี 2565 ทั้งนี้ ค่าเงินดองและอัตราดอกเบี้ยของเวียดนามค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงการส่งออกของเวียดนามที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ทำให้การเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวที่ 16.37% บ่งชี้ให้เห็นว่าสถานะทางด้านเศรษฐกิจของเวียดนามมีความแข็งแกร่ง และยังขจัดความยากจนให้กับประชาชนให้หลุดพ้นระดับความยากจนในประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/us-paper-macroeconomic-outlook-of-vietnam-bright-post989157.vov

ตลาดแตงโมและแตงกวาหวานแถบชายแดนเมียนมา-จีน เริ่มกลับมาคึกคัก

ผู้ค้าชายแดน ในเขตการค้า 105 ไมล์ของด่านมูเซ เผย ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2565 ที่ได้มีการผ่อนคลายการล็อกดาวน์แถบชายแดนมูเซของเมียนมา-จีน การค้าแตงโมและแตงกวาหวานฟื้นตัวกลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดเพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยราคาของแตงโมอยู่ที่ลูกละ 1.8 หยวน และแตงกวาหวานมีราคาอยู่ที่ 3 ถึง 4 หยวน ในผ่านมา การส่งออกเมล่อนและแตงกวาถูกจำกัดเนื่องจากการการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ซึ่งในปีงบประมาณ 2651-2562 เมียนมาส่งออกแตงโมมากถึง 800,000 ตัน และแตงกวาหวาน 0.15 ล้านตัน ต่อมาในปีงบประมาณ 2562-2563 มีการส่งออกแตงโมมากถึง 600,000 ตันและแตงกวาหวาน 0.14 ล้านตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/watermelon-and-sweet-cucumber-markets-rebound-at-myanmar-china-border/