ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ปีนี้“เวียดนาม” ส่งออกข้าวพุ่ง 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย Phung Duc Tien รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท เปิดเผยในที่ประชุมว่าในช่วงกลางเดือนสิงหาคม เวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวเปลือกทั้งสิ้น 6.7 ล้านเฮกตาร์ ลดลง 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่พื้นที่เก็ยเกี่ยวทั้งสิ้น 4.4 ล้านเฮกตาร์ เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ราคาส่งออกข้าวของเวียดนาม อยู่ที่ 479 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลง 8.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาดข้าวในสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เพิ่มการนำเข้าข้าวของเวียดนามอย่างมาก ทำให้ช่วยราคาส่งออกข้าวของเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้  นาย Nguyen Nhu Cuong ผู้อำนวยการแผนกเพาะปลูกพืช ชี้ว่าหากไม่มีสภาพอากาศที่ผิดปกติหรือเผชิญกับความผิดปกติในพืชพันธุ์ ภาคเกษตรกรรมของเวียดนามจะผลิตข้าวเพียงพอต่อการส่งออก ซึ่งจะบรรลุตามเป้าหมายที่ 6.5-6.7 ล้านตันในปีนี้ สร้างรายได้กว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1314243/vn-to-earn-around-3-3-billion-from-rice-exports-this-year-experts.html

ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในเมียนมาปรับตัวลดลง 2 วันติด

ราคาขายน้ำมัน ณ เมืองย่างกุ้งที่ขายในวันที่ 9 กันยายน 2565 ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2  โดยราคาน้ำมันเบ็นซิน 92 ลดลงเหลือ 2,310 จัตต่อลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาลดลงเลือ 2,485 จัตต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลงมากกว่า 100 จัตต่อลิตร ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงเพียง 10 จัตต่อลิตร ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงภายหลังมีข่าวว่าธนาคารกลางเมียนมาจัดหาเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อพยุงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศประมาณร้อยละ 90 เพื่อบริโภคภายในประเทศ และผลิตเองได้เยงร้อยละ 10 เท่านั้น ทั้งนี้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาการวางแผนและบริหารแห่งรัฐ เปิดเผยว่า เมียนมากำลังวางแผนที่จะซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากรัสเซียเพื่อให้เพียงพอกับการใช้ในประเทศ

ที่มา: https://news-eleven.com/article/237107

โรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ในสปป.ลาว รอไฟเขียวจากรัฐบาลเพื่อขายน้ำมันในประเทศ

นายดาวอง โพนแก้ว รมว.กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ของสปป.ลาว เยี่ยมชมโรงกลั่นน้ำมันสปป.ลาว-จีนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกนี้คาดว่าในระยะเริ่มต้นโรงกลั่นจะผลิตน้ำมันได้ 1 ล้านตันต่อปี และเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จจะผลิตได้ทั้งหมด 3 ล้านตัน โดยได้เริ่มผลิตน้ำมันเพื่อทดลองใช้งานไปเมื่อเดือนพฤษจิกายน 2564 แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถจำหน่ายน้ำมันได้และกำลังรอการอนุมัติจากรัฐบาลสปป.ลาว ก่อน ด้าน นาย. วังเด้งเต๋า รองผู้อำนวยการ บริษัท สปป.ลาว-จีน ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการก่อสร้างโรงกลั่นแบ่งออกเป็น 3 ระยะ เป็นเวลา 3 ปี  และขณะนี้การสร้างโรงกลั่นแห่งแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทั้งนี้ โรงกลั่นน้ำมันเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัทสปป.ลาว-จีน ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และ Yunan Construction Company Group (YCIH) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษไซเสดถา ด้วยทุนจดทะเบียน 36,960,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/09/09/new-oil-refinery-awaits-government-approval-to-start-operations/

รัฐบาลปลื้มส่งออกข้าวพุ่ง มั่นใจทั้งปียอดทะลุเป้า7.5ล้านตัน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยและสถานการณ์ข้าวไทย ในปี 2565 (มกราคม-สิงหาคม) อินเดียส่งออกข้าวได้มากเป็นอันดับ 1 ของโลก ประมาณ 11.23 ล้านตัน รองลงมาได้แก่ ไทย 4.75 ล้านตัน เวียดนาม 4.25 ล้านตัน ปากีสถาน 2.47 ล้านตัน และสหรัฐฯ 1.49 ล้านตันตามลำดับ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 (มกราคม-สิงหาคม) ในปี 2565ไทยมีปริมาณการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น จาก 3.10 ล้านตันเป็น 4.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 53.23% ปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อยู่ในระดับอ่อนค่า เมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ราคาอยู่ในระดับที่แข่งขันได้  อีกทั้งการส่งออกข้าวไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางโดยเฉพาะอิรัก ยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้มีการนำเข้าข้าวไทยไปใช้ทดแทนข้าวสาลีและข้าวโพดในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นด้วย และจากการหารือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยปี 2565 จากเดิมที่กำหนดไว้ปริมาณ 7 ล้านตัน เป็น 7.5 ล้านตัน ซึ่งหากการส่งออกข้าวไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะทำให้ไทยสามารถส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น 19.05% จากปีก่อน โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กรกฎาคม) ไทยส่งออกข้าวได้ปริมาณ 4.09 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 53.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว ทำให้การส่งออกข้าวไทยในปี 2565 มีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ที่มา: https://www.naewna.com/business/679349

“MoMo” อีวอลเล็ตรายใหญ่ของเวียดนาม เดินหน้าจับมือสตาร์บัคส์ เวียดนาม เป็นครั้งแรก!

ผู้ให้บริการ E-wallet รายใหญ่ในเวียดนามอย่าง “MoMo” และสตาร์บัคส์ เวียดนาม (Starbucks Vietnam) ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจ โดยเปลี่ยนจากการชำระเงินในรูปแบบเดิม หันมาใช้วิธีการชำระเงินแบบบูรณาการเพื่อให้เข้ากับร้านค้าสตาร์บัคส์ทุกแห่งทั่วประเทศ จากความร่วมมือของทั้งสองธุรกิจ ทางสตาร์บัคส์ เวียดนามจะสามารถเชื่อมโยงกับลูกค้าหรือผู้ใช้งานของแพลตฟอร์ม “MoMo” นับล้านคนได้ทันที ทั้งนี้ คุณ Patricia Marques ผู้จัดการทั่วไปของ Starbucks Vietnam กล่าวว่าความสะดวกรวดเร็วในการชำระเงินเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของร้านค้าสตาร์บัคส์ เวียดนาม และยังมองว่า “MoMo” เป็นพันธมิตรในอุดมคติเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและอิทธิพลต่อชุมชนผู้บริโภคในเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/momo-becomes-first-ewallet-integrated-for-payment-at-starbucks-vietnam/236940.vnp

“IMF” ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามมีทิศทางที่ดี

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเวียดนามผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค หลังจากปรับตัวให้ใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ได้และส่งเสริมการฉีดวัคซีน โดยภาครัฐฯ มีการส่งเสริมมาตรการช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจและสังคม อาทิ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและโครงการของภาครัฐอื่นๆ ประกอบกับภาคอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่งและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการค้าปลีก ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนาม อยู่ที่ 7% ในปี 2565 อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ โดยส่วนใหญ่เป็นเพียงบางรายการสินค้า ได้แก่ เชื้อเพลิงและบริการที่เกี่ยวข้อง (การขนส่ง) นอกจากนี้ ราคาผู้บริโภคในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางไว้ที่ 4%

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/imf-optimistic-about-vietnams-economic-growth-post968532.vov

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เมียนมาพุ่งขึ้น จากความต้องการที่ต่ำลง กระทบ ต่ออุตสาหกรรมขนส่งสินค้า

การขนส่งสินค้าปกติของเมียนมาจะลดลงในฤดูมรสุม แต่ในปีนี้ ด้วยปริมาณการขนส่งสินค้าที่ลดลง ความล่าช้าในจากการจราจรในบางเส้นทาง และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลเสียต่อการบริการขนส่งสินค้าของรถบรรทุกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น ปริมาณการขนส่งสินค้าที่มีสั่งซื้อจากเมืองย่างกุ้งและเมืองอื่นก็ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง อีกทั้ง การส่งมอบน้ำมันปาล์มจากย่างกุ้งไปยังภูมิภาคและรัฐอื่นๆ ลดลงมากกว่าครึ่ง นอกจากนี้ ในเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา รถบรรทุกที่เคยวิ่งรับส่งสินค้าในเมืองบุเรงนองจากเดิมที่เคยวิ่ง 10 เที่ยวต่อวัน ลดลงเหลือเพียง 4 เที่ยวต่อวันเท่านั้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/rising-commodities-prices-low-demand-affect-freight-forwarding-service/#article-title

สะพานมิตรภาพ ไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 5 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 50%

สะพานมิตรภาพ ไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 5 ซึ่งเชื่อมระหว่างจังหวัดบอลิคำไซ และจังหวัดบึงกาฬ ก่อสร้างแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 50 ในปัจจุบัน โดยการก่อสร้างเริ่มขึ้นครั้งแรกในช่วงเดือนสิงหาคม 2019 ด้วยเงินกู้กว่า 1 พันล้านบาท จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ในประเทศไทย ซึ่งสะพานข้ามแม่น้ำโขงดังกล่าวคาดว่าจะก่อสร้างด้วยความยาว 535 เมตร นอกจากนี้ยังได้ทำสัญญา ฉบับที่ 2 ในการก่อสร้างสะพาน โดยคาดว่าจะมีความยาวรวม 2,775 เมตร รวมถึงวางแผนก่อสร้าวอาคาร ด่าน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งมีระยะเวลาในการก่อสร้างโดยประมาณ 30 เดือน โดยคาดว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะทำให้การคมนาคมขนส่งระหว่าง ไทย-สปป.ลาว เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2022/09/07/fifth-lao-thai-friendship-bridge-completes-50-construction/

หนี้สาธารณะกัมพูชาพุ่งแตะ 9.7 พันล้านดอลลาร์ ณ เดือนมิถุนายน

รัฐบาลกัมพูชารายงานถึงสถานการณ์หนี้สาธารณะในปัจจุบันอยู่ที่ 9.7 พันล้านดอลลาร์ ณ เดือนมิถุนายน 2022 หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 33-35 ของ GDP ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินในด้านของหนร่สาธารณะที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 40 ของ GDP โดยหนี้สาธารณะดังกล่าวมีแหล่งที่มาจากความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาทวิภาคี (DPs) คิดเป็นร้อยละ 68 และอีกร้อยละ 32 มาจากความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาพหุภาคี ซึ่งในช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน ของปีนี้ รัฐบาลได้ลงนามในเงินกู้สัมปทานใหม่กับ DPs เป็นจำนวนเงินรวม 635.59 ล้านดอลลาร์ โดยจุดประสงค์ในการกู้ยืมเงินคือการพัฒนาโครงการลงทุนสาธารณะ ในภาคส่วนที่มีความสำคัญเพื่อที่จะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และเพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจ เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501147283/cambodias-total-public-debt-stands-at-9-7-billion-as-of-june/

กัมพูชาจัดเก็บภาษีพุ่งเกือบ 4 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง ม.ค.-ส.ค.

กัมพูชาจัดเก็บภาษีและภาษีศุลกากรรวมกว่าประมาณ 3.98 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือน มกราคม-สิงหาคม ของปีนี้ ตามรายงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง โดยมูลค่าดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 93 ของเป้าหมายในการจัดเก็บภาษีประจำปี ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐบาลในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 3.7 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของกรอบงบประมาณการใช้จ่ายประจำปี ซึ่งปัจจุบันกระทรวงได้ดำเนินการปฏิรูปการเงินสาธารณะให้กลับมาสู่ภาวะปกติ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยภาพรวม ภายใต้ความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบาย และกลยุทธ์ อย่างรัดกุม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501147276/cambodia-earns-almost-4-billion-as-income-in-january-august-period/