การค้าเขตการค้าเมียวดี หดตัวเหลือ 42.262 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย มูลค่าการค้าของเขตการค้าเมียวดีของวันที่ 18-24  มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 42.262 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  แบ่งเป็นการส่งออก 13.165 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  และนำเข้า 29.097 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ซึ่งน้อยกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีการส่งออก 10.786 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้า 0.561 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ การส่งออกลดลงในสินค้าเกษตรและเครื่องนุ่งห่ม ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้นจะเป็นอุปกรณ์โทรศัพท์และการสื่อสาร จำหน่ายและติดตั้งพลังงานไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปุ๋ย วัตถุดิบพลาสติก เภสัชภัณฑ์ และสิ่งทอลูกไม้

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myawady-trade-zone-handled-us-42-262-million-worth-of-trade-volume/#article-title

ออสเตรเลีย งดรับแรงงานเกษตร เข้าประเทศ !

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2565 นาย พอล เคลลี เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำสปป.ลาว กล่าวว่า รัฐบาลออสเตรเลียประกาศงดรับแรงงานต่างชาติในภาคเกษตรผ่านโครงการวีซ่าแรงงานเกษตร ในระหว่างเข้าพบนาง เบย์คัม คัตติยา รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ซึ่ง นาง เบย์คัม คัตติยา แสดงความหวังว่าทั้ง 2 ประเทศ จะทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าแรงงานสปป.ลาวที่ถูกส่งไปทำงานยังออสเตรเลียผ่านโครงการอื่น ๆ จะได้รับประสบการณ์ พัฒนาทักษะแรงงาน และส่งเงินกลับมายังครอบครัวเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น แม้ว่าสปป.ลาวและออสเตรเลียจะยังไม่ได้ลงนาม MoU เกี่ยวกับการส่งออกแรงงาน แต่มีบางบริษัทได้แอบอ้างโฆษณาว่าสามารถพาไปทำงานที่ออสเตรเลีย ทั้งนี้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้เตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อโฆษณาดังกล่าว เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการจ้างงานที่ผิดกฎหมาย

ที่มา: http://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=67833

 

สถาบัน CIEM ชี้ทิศทางเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 2565

สถาบัน Central Institute for Economic Management (CIEM) ได้แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้จะขยายตัวสูงถึง 6.9% ในกรณีฉากทัศน์ที่ดี (Best Case Scenario) ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 7% ในปีนี้ ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.7% ตลอดจนการส่งออกขยายตัว 16.3% และดุลการค้าราว 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ สถาบัน CIEM ระบุว่ายังมีปัจจัยหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปี อาทิ ความสามารถในการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 สายพันธ์ใหม่และโรคอื่นๆ การดำเนินงานตามแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ สำหรับปัจจัยอื่นๆ เช่น ผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามลงนามไว้และการจัดการความเสี่ยงทางด้านการค้าและเทคโนโลยีกับประเทศมหาอำนาจของโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/ciem-provides-two-scenarios-for-vietnam-s-economic-growth-this-year-2040431.html

“เวียดนาม-ยูเค” ยอดการค้าระหว่างประเทศ แตะ 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามข้อมูลของสำนักงานตลาดยุโรป-สหรัฐฯ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าในปีที่แล้ว การส่งออกและการนำเข้าระหว่างเวียดนาม-สหราชอาณาจักร (UK) มีมูลค่าอยู่ที่ 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และจากการคาดการณ์ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ตัวเลขของการค้าทั้งสองประเทศจะสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุหลักมาจากการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหราชอาณาจักร-เวียดนาม (UKVFTA) ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรคาดว่าจะฟื้นตัว หลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดและรัฐบาลฯ ยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ เริ่ม 18 มี.ค.65 ทำให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นโอกาสแก่ผู้ส่งออกเวียดนาม โดยเฉพาะตลาดยูเคที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนามในยุโรป รองจากเยอรมนีและเนเธอแลนด์ นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของสหราชอาณาจักรไปยังเวียดนามในปี 2564 อยู่ที่ 4.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นสองเท่าของมูลค่าก่อนที่จะก่อตั้งหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1268982/viet-nam-uk-trade-expected-to-reach-us-10-billion.html

‘อนุสรณ์’ยันประเทศไทย ไม่วิกฤตซ้ำรอย‘ศรีลังกา-ลาว’

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังกล่าวถึง ความเป็นไปได้ของเศรษฐกิจไทยที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแบบศรีลังกาหรือลาวว่าจะยังไม่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างน้อยในระยะสองสามปีข้างหน้านี้ แต่มีความเสี่ยงเรื่องฐานะทางการคลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในประเทศจะทำให้ภาระต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของหนี้ภาครัฐ หนี้ภาคเอกชน หนี้ครัวเรือน ด้านผลกระทบของวิกฤตในศรีลังกาและลาว ทำให้ปริมาณการค้าต่อกันลดลงโดยเฉพาะการส่งออกของไทยไปศรีลังกาลดลง การเจรจาเปิดเสรีทางการค้าแบบทวิภาคีกับศรีลังกาต้องชะงักไป การค้าชายแดนไทย-ลาวลดลง

ที่มา: https://www.naewna.com/business/667372

แนวโน้มส่งออก มะม่วง-กล้วย ของกัมพูชาพุ่งสูงขึ้น

กัมพูชาส่งออกกล้วยเพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่า 168 ล้านดอลลาร์ ในปี 2021 เทียบกับการส่งออกในปี 2020 ที่มูลค่า 112 ล้านดอลลาร์ โดยการส่งออกกล้วยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เร่งตัวขึ้นมูลค่าแตะ 59 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่การส่งออกมะม่วงในปี 2021 ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันที่มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานทางเศรษฐกิจกัมพูชาของธนาคารโลก (World Bank) เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ในด้านของการผลิตข้าวกัมพูชาก็ปรับตัวดีขึ้นโดยในปี 2021 การผลิตข้าวทั้งหมดของกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 หรือคิดเป็นปริมาณ 12.2 เมตริกตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501109912/mango-banana-most-promising-for-export/

 

ไตรมาสแรกของปีงบฯ 65-66 ภาคการผลิตเมียนมาดูดเม็ดเงินลงทุนจากจีนไปแล้วกว่า 11.112 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) ของเมียนมา เผย ไตรมาสที่ 1 (เม.ย.-มิ.ย.2565) ของปีงบประมาณ 2565-2566 มีการลงทุนในภาคการผลิตจาก 7 บริษัทของจีน รวมทั้งสิ้น  11.112 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเม็ดเงินลงทุนทั้งหมด 21.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทุนจากฮ่องกง ลงทุนกว่า 5.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ญี่ปุ่นประมาณ 3.1 และไต้หวันอีก 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าสถานประกอบการที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากต้องเผชิญกับผลกระทบของโควิด-19 และความไม่สงบทางการเมือง แต่ขณะนี้เริ่มกลับสู่ภาวะปกติหลังจมีการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับแรงงาน ตั้งแต่เดือนก.ย.2564 ที่ผ่านมา โดยภาคการผลิตส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอที่ผลิตแบบ CMP (การตัด การผลิต และบรรจุภัณฑ์) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของจีดีพีประเทศ ทั้งนี้ ในช่วงงบประมาณย่อยที่ผ่านมา (เดือนต.ค. 2564 ถึงเดือนมี.ค. 2565) เมียนมาดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 647.127 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 49 บริษัทต่างชาติ ในจำนวนนี้ มี 40 บริษัทลงทุนในภาคการผลิต

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-manufacturing-sector-attracts-11-million-from-china-in-q1-april-june/#article-title

สปป.ลาว-เวียดนาม สานสัมพันธ์ด้านสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

นางสวนสวรรค์ วิกนาเกต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว กล่าว่า สปป.ลาวและเวียดนามกำลังต่อยอดจากความสำเร็จในอดีตในด้านข้อมูล วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว และกำลังขยายความสัมพันธ์ไปสู่ความสำเร็จที่มากขึ้นในอนาคต เนื่องในโอกาสปีมิตรภาพและความสามัคคีของลาว-เวียดนาม 2022 ซึ่งสปป.ลาวและเวียดนามทำงานร่วมกับเวียดนามเพื่อฝึกอบรมบุคลากรและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านการจัดหาอุปกรณ์และหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านสื่อ และยังให้ความช่วยเหลือในการสร้างสถานีวิทยุและโทรทัศน์ในจังหวัดหลวงพระบาง จำปาสัก อุดมไซ สะหวันนะเขต บ่อแก้ว และไชยสมบูรณ์ ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเวียดนามได้สร้างโรงเรียนศิลปะแห่งชาติในสปป.ลาว ด้วยงบประมาณาคา 77 พันล้านดอง ซึ่งแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2553 ด้านการท่องเที่ยว สปป.ลาวเตรียมยื่นจดทะเบียนอุทยานแห่งชาติหินน้ำไหลที่มีพื้นที่ติดต่อกับเวียดนามให้ยูเนสโกพิจารณาเป็นมรดกโลก

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_132_Laos_vietnam.php

 

“เวียดนาม” ตั้งเป้ายอดการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมง 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังตลาดอียู

เวียดนามตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงไปยังตลาดยุโรป อยู่ที่ราว 5-5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 ซึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปจะมีสัดส่วน 30% ของสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงของเวียดนามทั้งหมดที่ส่งออกไปยังตลาดอียู และอีกราว 20% ของสินค้าทางการเกษตรจะจำหน่ายในแบบการค้าปลีก โดยร้อยละของสินค้าข้างต้นจะเพิ่มขึ้น 50% และ 30% ตามลำดับ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ได้วางแผนที่จะแก้ไขอุปสรรคครั้งใหญ่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่ การมีส่วนร่วมระหว่างกระทรวงและท้องถิ่น โดยเฉพาะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการผลิตทางการเกษตร รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการแปรรูปอาหารทะเลให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเกษตรของเวียดนามยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งเรื่องความเข็มงวดของคุณภาพสินค้าและมาตรฐานสิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1267910/viet-nam-targets-5-5b-in-agro-forestry-fishery-export-value-to-eu.html

“เวียดนาม” เผยราคาน้ำมันลดลงสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2565

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยข้อมูล ณ วันที่ 11 ก.ค. ชี้ว่าราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่า 3,000 ดอง (0.13 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อลิตร หากพิจารณาเปรียบเทียบราคาน้ำมันกลุ่ม พบว่าราคาเบนซิน 95 (RON 95) ลดลงราว 3,088 ดอง มาอยู่ที่ระดับ 29,675 ดองต่อลิตร และราคาน้ำมัน E5RON92 ลดลง 3,103 ดอล มาอยู่ที่ระดับ 27,788 ดองต่อลิตร ในขณะที่ราคาดีเซล DO 0.05s-II และราคาแก๊ส ปรับตัวลดลง 3,022 ดอง และ 2,008 ดอง อยู่ที่ระดับ 26,593 ดอง และ 26,345 ดอง ต่อลิตร ตามลำดับ ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากน้ำมันปรับขึ้นราคาหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. คณะกรรมการประจำสภาได้ออกพระราชกฤษฎีกา “0/2022/UBTVQH15” เรื่องการลดภาษีสิ่งแวดล้อมและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อช่วยควบคุมราคาน้ำมันในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/petrol-prices-see-highest-decrease-since-2022s-beginning/233498.vnp