CDC อนุมัติโครงการการลงทุนในกัมพูชามูลค่าเกือบ 80 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) อนุมัติโครงการการลงทุนใหม่ 6 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 79.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งโครงการที่ได้รับอนุมัติใหม่นี้คาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นเกือบ 2,741 ตำแหน่ง โดยตั้งอยู่ในจังหวัดกัมปงสปือ กัมปงชนัง กันดาล และกรุงพนมเปญ ซึ่งโครงการลงทุนทั้ง 6 โครงการ ครอบคลุมภาคการผลิตกระป๋อง ถุงพลาสติก เฟอร์นิเจอร์ ผ้า การแปรรูปไม้ไผ่ และการประกอบรถยนต์ เป็นสำคัญ โดยการลงทุนดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค การเมือง และสังคมของกัมพูชา ในขณะที่ประเทศกำลังฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501096391/cdc-approves-almost-80-million-investment-projects/

กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลดลงกว่าร้อยละ 50

กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบตั้งแต่ช่วงเดือน มกราคม-พฤษภาคม ปีนี้ ที่ปริมาณ 394,800 ตัน ลดลงกว่าร้อยละ 50.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานโดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) โดยทำการส่งออกไปยังเวียดนามมากที่สุดถึง 390,000 ตัน รองลงมาคือไทยจำนวน 1,300 ตัน, อินเดีย 98 ตัน, จีน 13 ตัน และญี่ปุ่น 0.14 ตัน ในขณะที่การส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์แปรรูปมีปริมาณรวมอยู่ที่ 274 ตัน ลดลงถึงร้อยละ 69.52 คิดเป็นการส่งออกไปยังจีน 136.68 ตัน, ไทย 108 ตัน, ญี่ปุ่น 20 ตัน และไตหวัน 9.80 ตัน ซึ่งการลดลงของตัวเลขการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้คุณภาพของถั่วไม่เป็นไปตามข้อกำหนด โดยหากคิดจากปริมาณผลผลิตทั้งหมดมีถั่วที่ผ่านเกณฑ์แค่เพียงร้อยละ 20-22 เท่านั้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501095726/50-decline-in-cambodias-cashew-exports/

ไร่องุ่นตัวเมืองนะเมาะ เขตมะกเว ของเมียนมา เริ่มเฟื่องฟู

ชาวสวนเมืองนะเมาะ เขตมะกเว ของเมียนมา เริ่มปลูกองุ่นกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวสวนเลี้ยงชีพได้เป็นอย่างดี ซึ่งองุ่นสามารถเก็บเกี่ยวหลังจากปลูกได้ 6 เดือน โดยราคาขายจะอยู่ที่  3,500-4,000 viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ทว่าในปีนี้มะม่วง Seintalone หรือมะม่วงเพชรน้ำหนึ่ง ได้เข้าสู่ตลาดเป็นอย่างมากอาจกระทบให้ยอดขายนั้นลดลง ทั้งนี้องุ่นที่ปลูกกันในมียนมามีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์อิตาลี, RG, Black Queen, No 3 และ Chun ส่วนที่ปลูกเป็นสายพันธุ์หลักจะเป็น Black Queen และ  Moon Ball ซึ่งราคาขายจะแตกต่างกันไป

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/grape-cultivation-thriving-in-natmauk-town/#article-title

ร้านสะดวกซื้อโตรับโควิด ‘เซเว่น’ครองแชมป์สาขาเยอะสุด

นางสาวจริยา ถ้ำตรงกิจกุล หัวหน้าแผนกพื้นที่ค้าปลีก ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะยังคงเป็นโมเดลที่ไปได้ดีในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในแง่ของความสะดวก โดยพบว่าร้านสะดวกซื้อที่เห็นอยู่ทั่วทุกหัวมุมถนนที่มีบริการเสริมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตง่ายขึ้น จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (OTCC) ในปี 2564 พบว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด และเป็นเจ้าของทั้ง 7-Eleven ที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 73.60% และ Lotus’s Go Fresh (เดิมคือ Tesco Lotus Express) ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 9.45% รองลงมา คือ กลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งเป็นเจ้าของ FamilyMart และ Tops Daily ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกัน 4.79% ส่วนที่เหลืออีก 12.16% เป็นของผู้เล่นรายอื่นๆ

ที่มา : https://www.naewna.com/business/661354

สภาดิจิทัลฯ เล็งชวนต่างชาติ ลงทุนสตาร์ทอัพไทย เชื่อฟื้นเศรษฐกิจได้

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธาน สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาดิจิทัลฯ ขอขอบคุณพันธมิตรทุกรายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน หลังจากรัฐบาลได้ประกาศพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษี Capital Gains เป็นเวลา 10 ปี ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถในการระดมทุนสู่วิสาหกิจเริ่มต้น หรือสตาร์ทอัพได้มากขึ้น โดยคาดว่าจะกระตุ้นการจ้างงานทักษะดิจิทัลขั้นสูงในประเทศ 500,000 ราย ดึงดูดต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยกว่า 10,000 ราย เชื่อมั่นเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาทในปี 2568 เร่งเดินหน้าโรดโชว์ และจัดกิจกรรมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนกลุ่มเป้าหมายทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งกลุ่มสตาร์ทอัพทันที โดยตั้งเป้าหมายดึงเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าการลงทุนใน Tech Companies ในภูมิภาคอาเซียน เข้ามาลงทุนกับธุรกิจสตาร์ทอัพไทย มั่นใจจะมีจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนตำแหน่ง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม 790,000 ล้านบาท

ที่มา: https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7114463

ตลาดอสังหาฯเวียดนาม ดึงดูดนักลงทุนเกาหลีใต้

คุณแอนดรูว์ ลี (Andrew Lee) ผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ “ซาวิลส์” ประจำประเทศเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามมีโครงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นจากนักลงทุนสาธารณรัฐเกาหลี (ROK) เมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากนักลงทุนดังกล่าวแสวงหาโอกาสที่จะขยายกิจการ ผลสำรวจล่าสุดโดย Savills Vietnam ระบุว่านอกเหนือภาคอุตสาหกรรม ตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวนมากจากเกาหลีใต้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนการลงทุนของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2561 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และตัวเลขการลงทุน ณ สิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2563 ทั้งนี้ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ 3 อันดับแรกในเวียดนาม

ที่มา: https://en.vietnamplus.vn/vietnams-real-estate-market-attractive-to-rok-investors-consultancy-company/231159.vnp

“เอชเอสบีซี” ปรับอัตราเงินเฟ้อ ของเวียดนามลดลงเหลือ 3.5%

ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ระบุว่าได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามในปี 2565 อยู่ที่ 3.5% จากคาดการณ์ก่อนหน้าไว้ที่ 3.7% เนื่องจากราคาอาหารในประเทศมีเสถียรภาพ และธนาคารยังรายงานว่าความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อต้นปี ทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่โควิด-19 ระบาด อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ ไทยและฟิลิปปินส์ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่น ในขณะที่เวียดนาม มาเลเซียและอินโดนีเซีย เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งนี้ เวียดนาม จะเผชิญกับราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ราคาค่าขนส่งพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนราคาอาหารเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อทั่วไปของเวียดนาม ถึงแม้ว่าราคาพลังงานจะสูงขึ้น แต่เงินเฟ้อทางด้านอาหารยังคงอยู่ในระดับปานกลาง

ที่มา: https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-ranks-89th-in-cost-of-living-index-rankings-post950321.vov

ราคาถั่วลิสงพุ่งตามความต้อง จากในประเทศและต่างประเทศ

ศูนย์สินค้าโภคภัณฑ์ของเขตมะกเว มองว่า ราคาถั่วลิสงพุ่งสูงขึ้นภายหลังการขึ้นราคาน้ำมันประกอบอาหาร นอกจากนี้ ผู้ค้าชาวจีนและโรงสีในประเทศเร่งกำลังเสนอราคาที่แข่งขันได้ในปัจจุบัน แต่ในขณะที่ความต้องการถั่วลิสงค่อนข้างต่ำ โดยราคา ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ประมาณ 4,300-4,400 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปหันมาใช้น้ำมันถั่วลิสงเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพและราคาน้ำมันที่นำเข้าจากต่างประเทศเริ่มสูงขึ้น ซึ่งเขตมะกเว ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตถั่วและพัลส์หลักรวมถึงพืชน้ำมันหลักของประเทศ จากสถิติของกรมศุลกากร เผย เมียนมาส่งออกถั่วลิสงส่วนใหญ่ส่งออกไปยังจีน โดยระหว่างวันที่ 1 เม.ย. ถึง 3 มิ.ย.2565 ของปีงบประมาณ 2565-2566 พบว่าเมียนมาส่งออกถั่วลิสงประมาณ 5,600 ตัน -มีมูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/peanut-prices-moving-onwards-on-foreign-and-domestic-demand/#article-title

นายกฯ ผลักดันธุรกิจเกษตร ในเวียงจันทน์

นายทองลุน สีสุลิด เลขาธิการพรรคและประธานาธิบดีแห่งรัฐ เยี่ยมชมธุรกิจการเกษตรและธุรกิจอื่นๆ ในแขวงเวียงจันทน์เมื่อวันอังคาร เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชผลและการผลิตปศุสัตว์ในฐานะเสาหลักสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของสปป.ลาว ฟาร์มที่เยี่ยมชมดังกล่าวเจ้าของได้ลงทุน 21 พันล้านกีบในฟาร์ม ซึ่งปัจจุบันมีวัว 288 ตัว และวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนเป็น 205 พันล้านกีบ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่ที่มีอยู่ 12 เฮกตาร์เป็น 120 เฮกตาร์ และเพิ่มขนาดของฝูงเป็น 2,700 การผลิตเนื้อวัวคุณภาพดีสามารถลดความจำเป็นในการนำเข้าเนื้อวัว ในขณะที่ควรมีการเพาะเลี้ยงฝูงสัตว์ที่แข็งแรงไม่น้อยกว่า 800 ตัวเพื่อให้พอต่อความต้องการในประเทศ ทั้งนี้คาดว่าภายใน 10 ปี ขนาดของฟาร์มจะมีโคเติบโตเป็น 29,428 ตัว มูลค่าประมาณ 700 พันล้านกีบ ประธานาธิบดีแนะนำให้เจ้าของฟาร์มมีส่วนร่วมกับคนในท้องถิ่นมากขึ้นโดยช่วยพวกเขาปลูกหญ้า ข้าวโพดหวาน และผักอินทรีย์ หากฟาร์มขยายตัวในอนาคต จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัวในลักษณะที่เพิ่มมูลค่า อีกทั้งในระหว่างการพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจ เขาได้เน้นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างการผลิตภายในประเทศเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการบริโภคในท้องถิ่นและเพื่อผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตผลทางการเกษตร

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/
FreeConten2022_President114.php

กัมพูชาเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 หรือคิดเป็นมูลค่า 1,726 ล้านดอลลาร์

กัมพูชาจัดเก็บภาษีได้กว่า 1,726 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือน มกราคม-พฤษภาคม ปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในแถลงการณ์ Kong Vibol อธิบดีกรมภาษีอากร กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้จากภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบรรลุเป้าหมายการจัดเก็บภาษีไปแล้วกว่าร้อยละ 61.25 ของเป้าการจัดเก็บประจำปี 2022 โดยในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว กรมภาษีอากร (GDT) จัดเก็บภาษีได้กว่า 255 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 7.98 ของเป้าหมายในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งเป้ารายได้จากการจัดเก็บภาษีไว้ที่ 2,819.94 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงรายได้จากกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ซึ่งทำหน้าที่เก็บภาษีสำหรับสินค้าขาเข้าและขาออก

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501094545/tax-collection-surges-28-percent-to-1726-million/