การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ในปี 2021

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในกัมพูชาเติบโตร้อยละ 11.2 ในปี 2021 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา ซึ่งการลงทุนจากจีน เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ถือเป็นส่วนที่สำคัญ โดยเฉพาะในภาคการเงิน การผลิต อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและร้านอาหาร เกษตรกรรม และการก่อสร้าง ซึ่งกัมพูชาได้รับการลงทุนจากต่างประเทศรวม 41 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว โดยจีนเป็นแหล่งลงทุนที่ใหญ่ที่สุดคิดเป็นมูลค่า 18 พันล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 43.9 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด ในขณะที่เกาหลีใต้อันดับรองลงมามีมูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ 4.9 พันล้านดอลลาร์ ตามด้วยเวียดนามและสิงคโปร์ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์ และ 2.7 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501063578/cambodia-fdi-surges-11-2-percent-in-2021/

การปรับปรุง EDL ถือเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินงานของ Electricite du Laos (EDL) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างการดำเนินธุรกิจของรัฐวิสาหกิจ EDL ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่สำคัญ มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ การปฏิรูปองค์กรเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้องค์กรสามารถปฏิบัติหน้าที่และตอบสนองต่อความต้องการของคนในท้องถิ่นได้ การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการปฏิรูปจะช่วยเสริมสร้างการดำเนินงานของ EDL และมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การปฏิรูป EDL เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลเห็นรัฐวิสาหกิจจำนวนมากดำเนินการได้ไม่ดี ขาดทุนมหาศาล และก่อให้เกิดหนี้สาธารณะจำนวนมาก สมาชิกรัฐสภาได้ผลักดันให้มีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจในลาวต่อไป หลังจากได้เรียนรู้ว่ารัฐวิสาหกิจในจีนและเวียดนามได้กลายเป็นกลไกขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับประเทศของตน ในขณะที่ลาวยังคงขาดทุนต่อไป

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten78_Revamp.php

มะม่วงเซ่งตะโลงขาดแคลนหนัก หนุนราคาพุ่ง!

นาย U Kyaw Soe Naing เลขาธิการสมาคมพัฒนาตลาดมะม่วงและเทคโนโลยีเมียนมา (เมืองมัณฑะเลย์) เผย ราคามะม่วงมะม่วงเซ่งตะโลง (Seintalone) จำหน่ายอยู่ที่ 33,000-35,000 จัตต่อ 1 ตะกร้า (16 กิโลกรัม จำนวน 50-60 ผล) ส่วนมะม่วงมีคุณภาพต่ำราคาจะอยู่ที่ 300,000-500,000 จัตต่อตันเท่านั้น เพราะเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2565 ที่ผ่านมาเกิดลมแรงในพื้นที่ส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อสวนมะม่วงในมัณฑะเลย์ อีกทั้งปีนี้มีแนวโน้มผลผลิตลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากลมแรงและแมลงศัตรูพืช และชายแดนจีนยังคงปิดตัวอยู่ ดังนั้นจึงพึ่งพาตลาดภายในประเทศเท่านั้น อีทั้งรี้ราคาถุงห่อผลมะม่วงในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นจาก 27 จัตเป็น 47 จัตต่อถุง ทำให้จ้าของสวนบางรายไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนนี้ได้

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/26-april-2022/#article-title

คาดมูลค่าการค้าระหว่าง กัมพูชา-เวียดนาม แตะหมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022

กระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชาและกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามได้ร่วมหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจกรรมทางด้านการค้า โดยให้คำมั่นที่จะผลักดันปริมาณการค้าทวิภาคีให้มีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ภายในปีนี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการหาวิธีแก้ไข Extended Cumulation Rule สำหรับการผลิตจักรยานที่กัมพูชาส่งออกไปยังสหภาพยุโรป หลังจากที่ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหภาพยุโรปได้มีผลบังคับใช้ไปเมื่อในปี 2020 ในขณะที่ประเด็นการส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์และน้ำตาลจากกัมพูชาไปยังเวียดนาม ซึ่งมีอุปสรรคทางเทคนิคบางประการ ทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเต็มความสามารถ โดยในปี 2021 ปริมาณการค้าร่วมระหว่างกัมพูชากับเวียดนามแตะระดับเกือบ 9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้ การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเวียดนามมีมูลค่าแตะ 1.7 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นกัมพูชาส่งออกของกัมพูชาไปยังเวียดนามมูลค่า 758 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ขณะที่กัมพูชานำเข้าสินค้าจากเวียดนามมูลค่า 963 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501063033/cambodia-vietnam-eye-10-billion-bilateral-trade-in-2022/

RCEP โอกาสการค้า กัมพูชา-จีน และกลุ่มประเทศสมาชิก

หลังความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อต้นปี 2022 ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชาและประเทศสมาชิกอื่นๆ ให้เกิดการเร่งการบูรณาการทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ซึ่ง RCEP ถือเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน โดยจีนถือเป็นส่วนสำคัญในข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งปัจจุบันการค้าระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกอีก 14 ประเทศขยายตัวถึงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นมูลค่า 442.75 พันล้านดอลลาร์ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 คิดเป็นร้อยละ 30.4 เมื่อเทียบกับมูลค่าการค้าทั้งหมดของปีก่อน ข้อมูลจากกระทรวงศุลกากรจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501063032/rosy-prospects-ahead-for-economic-ties-between-china-other-rcep-members/

‘IMF’ คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามปี 65 โต 6%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2565 ขยายตัว 6% และจะพุ่งขึ้น 7.2% ในปี 2566 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คาดการณ์ในครั้งนี้เป็นผลมาจากการใช้นโยบายให้ปรับตัวร่วมกับการระบาดของโควิด-19 และการประสบความสำเร็จจากการฉีดวัคซีน ควบคุมการระบาด ทั้งนี้ นาง Era Dabla-Norris หัวหน้าคณะทำงานกองทุนการเงินระหว่างประเทศฝ่ายภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ได้เข้าร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาวุโสของธนาคารกลางเวียดนาม (SBV), กระทรวงการคลัง (MOF), สำนักงานวางแผนและการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะปรึกษาหารือเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการให้คำแนะนำด้านนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ IMF เปิดเผยว่าความขัดแย้งในยูเครน คาดว่าจะส่งผลกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ ถึงแม้ว่าราคาสินค้าสูงขึ้น แต่ภาวะเงินเฟ้อยังสามารถควบคุมได้และอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4%

ที่มา : https://hanoitimes.vn/vietnam-forcast-to-achieve-gdp-growth-of-6-this-year-imf-320607.html

 

‘เวียดนาม’ เผยไตรมาสแรก ปี 65 อุตสาหกรรมเหล็ก ขาดดุลการค้า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) เปิดเผยไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 อุตสาหกรรมเหล็กได้นำเข้า 3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้เกิดการขาดดุลการค้าราว 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ประมาณ 5% แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว เป็นผลมาจากพัฒนาเรื่องระบบการเมืองการปกครองที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต นอกจากนี้ ยอดขายเหล็กสำเร็จรูป 8,137 ตัน เพิ่มขึ้น 11.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปริมาณการใช้เหล็กเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐในโครงการใหม่ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและวิศวกรรมก่อสร้าง ทำให้ต้องนำเข้าเหล็กมากขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/steel-industry-posts-trade-deficit-of-us-800-million-in-first-quarter-post939405.vov

ไฟเขียวต่างชาติลงทุน53ราย สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่าหมื่นล้าน

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือนมีนาคม 2565 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย 53 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 36 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 10,838 ล้านบาท ประกอบธุรกิจในไทย ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ นำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 962 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 447 คน และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีฉพาะด้าน เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมเจาะปิโตรเลียม การใช้โปรแกรมในการออกแบบระบบโซลาร์ขั้นสูง และการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น

ที่มา: https://www.naewna.com/business/649594

สปป.ลาวเรียกร้องให้มีการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนในการประชุมสุดยอดน้ำเอเชียแปซิฟิก

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวพันธุ์คำ วิภาวัณ เรียกร้องให้มีความพยายามร่วมกันเพื่อให้มั่นใจว่าการจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยหัวข้อนี้จะเป็นศูนย์กลางในการประชุมสุดยอดน้ำเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 4 ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวกล่าว “มีความจำเป็นเร่งด่วนที่เราต้องดำเนินการจัดการน้ำและทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน” สปป. ลาวให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับทรัพยากรน้ำและน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้น้ำและทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์และการจัดการที่ยั่งยืนอย่างมีประสิทธิผลสูงสุดจะมีประสิทธิผลสูงสุดและมีศักยภาพในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ลาวให้ความสำคัญกับการทูตน้ำโดยส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติในด้านการจัดการน้ำและทรัพยากรน้ำมาตรการระหว่างประเทศเกี่ยวกับการจัดการน้ำได้รวมอยู่ในมาตรการระดับชาติเพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดการที่เหมาะสมในประเทศลาว ซึ่งรวมถึงการรวม SDG6 เข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อีกทั้งในที่ประชุมผู้นำยังเห็นพ้องที่จะสนับสนุนสถาบันที่เกี่ยวข้องในการทำงานร่วมกันและเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิภาพในภาคส่วนน้ำต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมาย SDG6 ในเรื่องเกี่ยวกับน้ำ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten77_Laos_calls.php

แนวโน้มราคาเกลือเมียนมา พุ่งขึ้น ! ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เกษตรกรนาเกลือ คาดว่า ราคาเกลือจะยังคงอยู่ในระดับสูงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เป็นผลมาจากฝนตกหนักในเดือนที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับนาเกลือ ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้น 320 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ซึ่งสภาพอากาศที่แปรปรวนในเดือนมีนาคมมีผลต่อการผลิตเกลือในเดือนเมษยานและพฤษภาคม ทำให้การผลิตมีการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาพุ่งสูงตามไปด้วย นอกจากนี้ ราคาปัจจุบันยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 4 เท่า ซึ่งเกษตรกรนาเกลือกล่าวว่าการขาดแคลนวัตถุดิบทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤษภาคม จึงคาดการณ์ว่าในอนาคตจะขาดแคลนเกลืออย่างแน่นอน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/salt-prices-likely-to-extend-rise-in-coming-months/#article-title