การค้าระหว่าง ไทย-กัมพูชา มีโอกาสแตะ 7 พันล้านดอลลาร์ ในปีหน้า

รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศของไทย กล่าวว่า ปัจจุบันอาจจะใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการค้าทวิภาคีที่ได้กำหนดไว้ที่มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากทั้งสองประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และอยู่ในช่วงการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ โดยทางการไทยได้คาดการณ์มูลค่าทางการค้าในปีหน้าว่าจะมีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมายครึ่งหนึ่ง หรืออยู่ที่ประมาณ 6-7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะยังคงเป้าหมายการค้าทวิภาคีที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยขยายกรอบเวลาเป็นปี 2025 ซึ่งสินค้าหลักที่กัมพูชานำเข้าจากไทยยังคงเป็นน้ำมัน เครื่องดื่ม ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ในทางกลับกัน สินค้าเกษตรยังคงเป็นสินค้าหลักที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชา ด้านสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เปิดเผยว่าการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาเพิ่มขึ้น ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 คิดเป็นมูลค่าเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2020
ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50991395/bilateral-trade-likely-to-be-6-7b-next-year-thai-foreign-minister-says/

‘เวียดนาม’ เผยยอดการค้าปี 64 ทะยานแตะ 660 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กรมศุลกากรเวียดนาม คาดการณ์การส่งออกและการนำเข้าในปี 2564 มีมูลค่า 660 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามข้อมูลทางสถิติของกรมฯ ชี้ว่าในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศอยู่ที่ 602 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกัน การส่งออกในปีนี้ มีมูลค่า 299.67 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.5% การนำเข้ามีมูลค่า 299.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.5% ส่งผลให้ดุลการค้าของเวียดนาม เกินดุล 225 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. มีกลุ่มสินค้าส่งออกจำนวน 34 รายการที่มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 93.5% ของการส่งออกรวมทั้งสิ้น โดยสินค้าอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุด 266.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็น 89% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า แนะให้ธุรกิจเวียดนามใช้โอกาสอันดีที่จะเพิ่มการส่งออก หลังจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ากลับมาฟื้นตัว ได้แก่ สหรัฐฯและสหภาพยุโรป
ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnams-trade-revenue-to-surpass-us-660-billion-this-year-38697.html
 

‘ชาวเวียดนาม’ แห่ซื้อของขวัญคริสต์มาส ช่วยลืมปัญหาการระบาดของเชื้อโรค

ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. ร้านขายของตกแต่งในเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ค่อนข้างคึกคักเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเทศกาลคริสต์มาสในปี 2564 ทั้งนี้ คุณ Hoàng Diệu Quỳnh กล่าวกับสำนักข่าว Viet Nam News ว่าได้ซื้อของประดับตกแต่งที่ใช้ในบริเวณต้นไม้แถบถนนฮั่งม้า และยังซื้อไฟสีตกแต่งห้องพร้อมกับจัดปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อน ทั้งนี้ คุณ Nguyễn Thành ผู้ค้าส่งธุรกิจดอกไม้ในเมืองโฮจิมินห์ เปิดเผยกับสำนักข่าวว่าผู้คนส่วนใหญ่หันมาซื้อของตกแต่งเทศกาลคริสต์มาสที่บ้าน แทนที่จะออกไปเที่ยวสถานที่บันเทิงข้างนอก เนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม นอกจากนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ราคาสินค้าคริสต์มาสเพิ่มสูงขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ร้านค้าส่วนใหญ่พยายามรักษาระดับราคาให้อยู่ในระดับต่ำเท่าที่ทำได้ ในขณะที่ราคาต้นคริสต์มาสสำเร็จรูปเริ่มต้นประมาณ 150,000 – 1,000,000 ดองต่อต้นสำหรับต้นขนาดเล็ก และราคามากกว่า 10 ล้านดองต่อต้นสำหรับต้นขนาดใหญ่
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1108207/people-buy-christmas-presents-to-help-forget-pandemic.html
 

ตำบลพวงพิน เขตซะไกง์ ผลผลิตข้าวช่วงมรสุม คาด ลดลงครึ่งหนึ่งจากปีก่อน

ผลผลิตข้าวในช่วงมรสุมของตำบลพวงพิน อำเภอพะงัน เขตซะไกง์ คาดลดลงมากกว่าครึ่งจากปีก่อน เนื่องจากขาดน้ำ สาเหตุจากปริมาณน้ำฝนน้อยลง ทำให้นาข้าวขาดน้ำและผลผลิตลดลง โดยปกติผลผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 60 ตะกร้าต่อเอเคอร์ทุกปี แต่ในปีนี้มีเพียง 30 ตะกร้าเท่านั้น ในตำบลพวงพิน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ โดยเกษตรกรส่วนใหญ่มีผลผลิตข้าวเปลือกน้อยลงและส่งออกข้าวน้อยลงในปีนี้เช่นกัน ในบรรดาเมืองจินดวินตอนบนริมแม่น้ำจินดวิน (Chindwin River) ของเขตซะไกง์ พบว่า ตำบลพวงพินมีผลผลิตข้าวมากที่สุด
ที่มา: https://news-eleven.com/article/222307

Fitch ประกาศคงอันดับเครดิตไทยที่‘BBB+’

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) รายละเอียดดังนี้ 1.ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) มีความเข้มแข็งจากการบริหารจัดการทางการคลังอย่างรอบคอบ และคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 65 คาดว่า จะขยายตัว 4.5%  2) ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ยังคงแข็งแกร่งโดยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลและทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงเพียงพอใช้จ่ายถึง 9.3 เดือน โดย คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลที่ 0.8% ต่อ GDPและ 3.5% ต่อ GDP ในปี 65 และปี 66 หลังจากขาดดุลที่ 2% ในปี 64
ที่มา: https://www.naewna.com/business/623480

เดือนต.ค.-พ.ย.64 ภาคการผลิตเมียนมาดึงดูดเม็ดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 75.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) เผย สถานประกอบการต่างประเทศส่วนใหญ่จับตาภาคการผลิตของเมียนมาเพื่อดูแนวโน้มการลงทุน พบว่าเมียนมาดึงดูดเม็ดเงินลงทุนประมาณ 75.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 8 โครงการ ในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.64 ของงบประมาณย่อยในปีงบประมาณปัจจุบัน ที่ผ่านมาการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเมียนมาลดลงอย่างมากจากความต้องการของตลาดสหภาพยุโรปที่ตกต่ำในเดือนที่แล้ว ส่งผลให้โรงงานผลิตเสื้อผ้าแบบ CMP (Cutting Making และ Packaging) ส่งผลโรงงานบางแห่งปิดตัวถาวรและชั่วคราว ทำให้คนงานหลายพันคนต้องตกงาน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมกำลังกลับสู่ภาวะปกติหลังจากมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับแรงงาน ภาคการผลิตของเมียนมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอที่แบบ CMP และถือเป็นส่วนสำคัญของ GDP ประเทศ เมียนมาดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มูลค่ากว่า 234.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบริษัท 13 แห่งในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.64 เป็นการลงทุนในภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์และการประมง การผลิต พลังงาน การก่อสร้าง การขนส่งและการสื่อสาร โรงแรมและการท่องเที่ยว และบริการอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการขยายทุนโดยวิสาหกิจที่มีอยู่แล้วและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา
ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/manufacturing-sector-attracts-75-6-mln-in-oct-nov/#article-title

การค้าระหว่างจีน-กัมพูชา แตะ 10 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี

ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างจีนและกัมพูชาเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 45.9 สู่มูลค่ารวม 10.98 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งไปแตะเป้าหมายที่ทั้งสองประเทศได้เคยให้คำมั่นว่าจะทำการค้าระหว่างกันให้ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปี 2023 โดยจีนยินดีร่วมมือกับกัมพูชาในการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเสรีจีน-กัมพูชา และภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมระดับภูมิภาค (RCEP) ไปจนถึงการส่งเสริมความร่วมมือในด้านโครงสร้างพื้นฐาน กำลังการผลิต และเศรษฐกิจดิจิทัล ภายในประเทศกัมพูชา ซึ่งจีนตั้งเป้าที่จะขยายการนำเข้าสินค้าของประเทศกัมพูชา รวมถึงส่งเสริมให้บริษัทจีนเข้าทำการลงทุนในกัมพูชา และส่งเสริมความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซภายในประเทศกัมพูชาอีกด้วย
ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50990694/china-cambodia-trade-volume-exceeds-10-billion-in-first-10-months-of-the-year/

กัมพูชาเตรียมรับปัจจัยบวก หลังจีนกำหนดลดภาษีนำเข้าจาก 9 ประเทศ

จีนกำหนดลดภาษีศุลกากรขาเข้าสำหรับสินค้าหลายรายการที่นำเข้าจาก 9 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บรูไน กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2022 โดยคาดว่าหลังจากการดำเนินการตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการเติบโตของภาคการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ตามการระบุของกระทรวงการคลัง ซึ่งจีนกำหนดลดภาษีนำเข้าครอบคลุมกว่าร้อยละ 90 ของสินค้าที่ได้ทำการค้าระหว่างประเทศกลุ่มสมาชิก RCEP รวมถึงจีนจะรวมส่งเสริมการบูรณาการในอุตสาหกรรม ห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่คุณค่าในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ RCEP ในอนาคต
ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50990974/china-to-reduce-tariffs-on-goods-from-nine-countries-cambodia-set-to-benefit/

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว แนะภาครัฐและเอกชนต้องทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะความท้าทายในปัจจุบัน

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว เรียกร้องให้ภาครัฐและเอกชนกระชับความร่วมมือ เพื่อเอาชนะความท้าทายที่เกิดจากวิกฤตโควิดและเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สปป.ลาวจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากศักยภาพและโอกาสผ่านโครงการทางรถไฟและทางด่วนลาว-จีน เพื่อพัฒนาโลจิสติกส์ บริการ และการท่องเที่ยว และบูรณาการเศรษฐกิจของเรากับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ด้านตัวแทน SME กล่าวว่าหน่วยงานของรัฐควรกำหนดนโยบายและกลไกที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงเงินทุนเพื่อเพิ่มผลผลิต เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกและปรับปรุงบริการได้มากขึ้น ในช่วงหนึ่งของการประชุมนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้ประกอบธุรกิจควรทบทวนการดำเนินงานและเรียนรู้วิธีนำเสนอการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีประสิทธิผลมากขึ้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเป็นมืออาชีพและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นในการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในขณะเดียวกันควรที่จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้สามารถขยายธุรกิจของตนต่อไปได้
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Public_248.php

‘ธ.โลกและเอชเอสบีซี’ คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตได้ดี

นายทิม อีแวนส์ ผู้อำนวยการทั่วไปของ HSBC Vietnam กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มกลับมาเติบโต (GDP) อยู่ที่ 6.8% ในปีหน้า ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มุ่งเน้นการลงทุนไปที่ภาคการผลิตเป็นหลัก สิ่งนี้ถือเป็นผลประโยชน์ต่อการส่งออกของเวียดนาม โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าเสรีที่มีผลบังคับใช้เมื่อช่วง 2 ปีทีผ่านมา ประกอบกับการขยายตัวของชนชั้นกลางที่มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของการอุปโภคบริโภค เนื่องจากชาวเวียดนามใช้จ่ายในเรื่องของการพักผ่อนและการเดินทางมากขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารโลก (WB) เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจมหภาคว่าทิศทางของเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการค้าปลีก นอกจากนี้ มูลค่าการส่งออกทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 31.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้เกินดุลการค้าเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1107853/wb-hsbc-optimistic-about-viet-nams-economy.html