‘บริษัทต่างขาติ’ ชี้เวียดนามยังเป็นเป้าหมายที่น่าลงทุนที่ดี

ตามการประชุมแบบเสมือนจริงภายใต้ชื่องาน ‘ลงทุนเวียดนาม ชนะและความท้าทาย’ นาย Nguyen Hai Minh หุ้นส่วนบริษัท Mzazrs และรองประธานหอการค้ายุโรป กล่าวว่าเวียดนาม ปัจจัยทางด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการส่งออก และในปีนี้ การลงทุนจากต่างประเทศชะลอตัวลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงความกังวลว่านักลงทุนต่างชาติจะไม่เข้ามาทำธุรกิจหรือย้ายออกนอกประเทศ ด้วยเหตุนี้ หอการค้ายุโรปจึงทำการสำรวจในเดือน สิ.ค. พบว่าบริษัทร้อยละ 18 ย้ายฐานการผลิตยางส่วนไปยังประเทศอื่นแล้ว และร้อยละ 16 ยังคงอยู่ในช่วงการประเมิน ทั้งนี้ จากการสอบถามกับหลายๆ บริษัท กล่าวว่าโควิด-19 จะอยู่อีกไม่นาน และคงมองเวียดนามในทิศทางที่เป็นบวกสำหรับด้านการลงทุน ตลอดจนเวียดนามเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-firms-continue-to-see-vietnam-as-good-investment-location/209497.vnp

 

จับตาเงินดองเวียดนามมีทิศทางแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ปี 64

ศูนย์วิจัย Fitch Solutions ได้ปรับการคาดการณ์ค่าเงินดองเวียดนามในปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 22,900 ดองต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 22,800 ดองต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผู้ให้บริการทางการเงินคาดว่าค่าเงินดองเฉลี่ยอยู่ที่ 23,000 ดองต่อดอลลาร์สหรัฐปี 2566 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากสถาบัน Fitch กล่าว่าแนวโน้มค่าเงินดองจะทรงตัวในระดับที่แข็งค่าขึ้น หลังจากค่าเงินดองแข็งค่าต่อดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่เดือน ก.ค. 64 และยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกจากปัจจัยการไหลเข้าของเม็ดเงินทั้งการค้าและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) แต่ที่สำคัญกว่านั้น ธนาคารกลางดูเหมือนจะสนับสนุนค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น เพื่อที่จะควบคุมราคานำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและต้นทุนโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของภาคการส่งออกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะช่วยหนุนค่าเงินดอง ถึงแม้ว่าการค้าจะเผชิญกับอุปสรรคจากการหยุดชะงักในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เนื่องจากมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 แต่รัฐบาลประกาศให้กิจการกลับมาดำเนินการในโรงงาน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1056845/vietnamese-currency-forecast-to-strengthen-against-us-dollar-in-2021.html

 

ส่งออกรถยนต์ไปเมียนมาสะดุด ทางการประกาศห้ามนำเข้าชั่วคราว

นายธัชชญาน์พล อภิมนต์เตชบุตร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ได้ระงับการเปิดศูนย์ขายรถยนต์ใหม่ รวมทั้งระงับการออกใบอนุญาตนำเข้าและการอนุญาตนำเข้ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป เพื่อลดการใช้เงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าสินค้ารถยนต์ฯ ประกาศฯ มีดังนี้ 1.กรณีการนำเข้ารถยนต์ที่ใช้แล้วและการนำเข้ารถยนต์ส่วนบุคคล 2.กรณีการนำเข้าจากศูนย์การขายรถยนต์และโชว์รูมรถยนต์ 3.กรณีที่มีการนำเข้าให้กับข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ทหารและตำรวจที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ ทั้งนี้ในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค. 2564 ไทยส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปเมียนมา มูลค่า 1,991.13 ล้านบาท โดยผ่านชายแดนมูลค่า 1,500.34 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 75.35%

ที่มา: https://www.naewna.com/business/608193

รัฐบาลตั้งเป้าใช้รถยนต์ไฟฟ้า 1 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2568

รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าตามท้องถนนของประเทศเป็น 1% ภายในปี 2568 และมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ในปี 2573 นายกรัฐมนตรีพันธุ์คำ วิภาวัณ ได้อนุมัตินโยบายใหม่เกี่ยวกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการนำเข้าเชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซที่เป็นอันตรายเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคการขนส่งเพื่อเพิ่มจำนวนผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลจะไม่กำหนดข้อจำกัดในการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า แต่ยานพาหนะที่นำเข้าและจำหน่ายในประเทศลาวต้องได้มาตรฐานสากล ไม่เพียงแค่การส่งเสริมการนำเข้าแต่ยังแต่งตั้ง Electricite du Laos (EDL) เป็นผู้ให้บริการติดตั้งสถานีชาร์จเพื่อเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างครบวงจร นโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สำหรับปี 2573 และวิสัยทัศน์สำหรับปี 2593 อีกทั้งนโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการบรรลุวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_targets_198.php

ประชากรกัมพูชาได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส กว่า 13.4 ล้านคน

กัมพูชาเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดส ให้กับประชาชนไปแล้วกว่า 13,468,296 คน โดยฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มแรก คือ ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป แล้วเสร็จแล้วกว่าร้อยละ 99.16 ของกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านคน หรือคิดเป็นจำนวน 9,915,738 คน ได้รับวัคซีนแล้ว ซึ่งเปอร์เซ็นต์การฉีดวัคซีนโดยรวมของกัมพูชา ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ร้อยละ 84.18 จากประชากรประมาณ 16 ล้านคนทั่วประเทศ โดยกลุ่มที่สอง คือ เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6-12 ปี ได้ทำการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสแล้วกว่าร้อยละ 94.23 จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.9 ล้านคน และกลุ่มสุดท้าย คือ เยาวชนอายุตั้งแต่ 12-17 ปี ได้ทำการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วกว่า 1.6 ล้านคน จากทั้งหมด 1.8 ล้านคน ซึ่งได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50948401/more-than-13-4-million-in-cambodia-have-received-at-least-one-dose-of-covid-19-vaccine/

กัมพูชาอนุมัติร่างแผนการลงทุนภาครัฐประจำปี 2022-2024

คณะรัฐมนตรีกัมพูชา อนุมัติร่างการลงทุนสาธารณะ (PIP) กรอบระยะเวลา 3 ปี 2022-2024 ภายใต้กรอบงบประมาณ 9,201 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนี้ได้มาจากรัฐบาลและพันธมิตรด้านการพัฒนาจำนวน 7,713.3 ล้านดอลลาร์ (รัฐบาลกัมพูชา 477.1 ล้านดอลลาร์ และจากพันธมิตรด้านการพัฒนา 7,236.2 ล้านดอลลาร์) และเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเติม 1,487.7 ล้านดอลลาร์ โดยมีโครงการทั้งหมด 673 โครงการ รวมถึงโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน 185 โครงการ ซึ่งต้องใช้เงินทุน 5,817 ล้านดอลลาร์ และ สำหรับ 488 โครงการ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาแห่งชาติประจำปี 2019-2023 ต้องใช้เงินทุนอีกราว 3,384 ล้านดอลลาร์ โดยการลงทุนดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ตลอดจนเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายสำหรับการผลักดันประเทศให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50948415/draft-3-year-rolling-public-investment-programme-2022-2024-approved/

รัฐห้าม‘โรงแรม’โก่งราคา ขู่ตัดสิทธิ์ร่วมโครงการเที่ยวด้วยกัน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้เริ่มโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 โดยเปิดให้ประชาชนผู้ร่วมโครงการใช้สิทธิ์จองที่พักตามโครงการตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. เป็นต้นมา ได้พบการร้องเรียนจากประชาชนมาเป็นจำนวนมากถึงโรงแรมที่พักซึ่งเข้าร่วมโครงการฯ ปรับขึ้นราคาเป็นจำนวนมากในจังหวัด เช่น ภูเก็ต พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ เขาใหญ่ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบหากตรวจสอบพบว่าการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาที่พักหรือให้บริการจริง นอกจากจะถูกลงโทษตัดสิทธิ์จากโครงการในรอบนี้แล้ว และส่งผลถึงการพิจารณาเข้าร่วมโครงการอื่นๆ ที่รัฐบาลจัดขึ้นในระยะต่อๆ ไปด้วย

ที่มา: https://www.naewna.com/business/607938

 

‘เวียดนาม’ ชี้กิจการสิ่งทอกว่า 68% ถูกเรียกค่าปรับ

สมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนามและสมาคมหนัง รองเท้าและกระเป๋าถือแห่งประเทศเวียดนาม และคณะการทำงานหุ้นส่วนภาครัฐฯ-เอกชน เปิดเผยผลการสำรวจ พบว่าผู้ประกอบการเสื้อผ้าและรองเท้าในเวียดนามส่วนใหญ่ 68% รับโทษจากลูกค้าต่างชาติ เนื่องจากปัญหาการจัดส่งล่าช้า บางกิจการถูกยกเลิกคำสั่งซื้อและชดเชยค่าปรับ โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่าระยะเวลาการขนส่งใช้เวลา 80 วันแทนที่เดิมจะใช้ 40 วันก่อนที่จะส่งไปยังสหรัฐฯ ดังนั้น ลูกค้าต่างชาติบางรายจึงย้ายคำสั่งซื้อไปยังประเทศอื่น ทั้งนี้ การส่งออกเสื้อผ้าและสิ่งทอในเดือน ก.ย. ลดลง 9% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว เป็นมูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/68-pct-of-garment-footwear-firms-suffer-cancellations-penalties-4369724.html

 

“Mirae Asset” คาดศก.เวียดนามฟื้นตัวไตรมาส 4

Mirae Asset บริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัว 4% ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และ 2.3% ทั้งปี 2564 หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 หดตัว 6.17% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้เชี่ยวชาญของบริษัท มองว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะประสบความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐและการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) รวมถึงการกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามค่อยๆ ที่จะผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและเปิดเศรษฐกิจพื้นที่บางส่วน พร้อมทั้งเร่งฉีดวัคซีน ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ยอดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องและคงรักษาอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในบรรยากาศทางธุรกิจของประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-economy-to-rebound-in-quarter-4-mirae-asset-896914.vov

 

ราคามันฝรั่งในเมียนมาพุ่งสูงขึ้น

ราคามันฝรั่งในตลาดเมียนมาที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาผลผลิตที่ลดลงของจีน นอกจากนี้ อีกทั้งเกษตรกรยังไม่สามารถปลูกมันฝรั่งเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศได้ อีกทั้งจีนได้ปิดชายแดนเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ปีที่แล้วราคาลดลงเนื่องจากการหลั่งไหลเข้าของมันฝรั่งจีน เมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 ราคามันฝรั่งในช่วง 500-1,200 จัตต่อ viss (1 viss = 1.6 กิโลกริม) ขึ้นอยู่กับสายพันธ์ แต่เมื่อวันที่ 7 ต.ค.64 ราคาขยับพุ่งมาเป็น 1,050-1,850 จัตต่อ viss นอกจากนี้ ราคาเครื่องครัวยังสูงขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมโควิด-19 การอ่อนค่าของเงินจัต และความต้องการจากต่างประเทศ นอกจากมันฝรั่งแล้ว ราคาหัวหอมที่เพิ่มขึ้นทำให้สร้างความไม่พอใจให้กับครัวเรือนประชาชนเป็นอย่างมาก โดยราคาของหัวหอมเมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 อยู่ระหว่าง 200 -500 จัตต่อ viss แต่ในวันที่ 7 ต.ค.64 ราคาขยับเป็น 450 – 950 จัตต่อ viss ราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการจากบังกลาเทศที่สูงขึ้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/potato-price-soars-in-domestic-market/?__cf_chl_managed_tk__=pmd_n6hH8rgDH77fex2nHcuNwVxhSWl4ukOGBcKxxDkcbJQ-1633856152-0-gqNtZGzNAvujcnBszRWl#article-title