รถไฟไทยในฝันเชื่อม4ประเทศ ลาว-จีน(คุนหมิง)-มาเลย์-สิงคโปร์

สัปดาห์ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี พร้อม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นำคณะผู้แทนไทยเยือนกรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ร่วมหารือกับ นายเวียงสะหวัด สีพันดอน รมว.โยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว เพื่อขับเคลื่อนโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว-จีน (ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์) รวมทั้งร่วมทดลองนั่งรถไฟลาว-จีน เส้นทางนครหลวงเวียงจันทน์-บ่อเต็น ระยะทาง 414 กม. ทางรถไฟสายนี้เชื่อมต่อจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน โดยเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เริ่มงานก่อสร้างโครงการเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.60 แต่เดิมวางเป้าหมายเปิดบริการในปี 66 จนถึงขณะนี้ได้ผลงานก่อสร้าง 15.49% ทั้งนี้ เฟสที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร (กม.) 14 สัญญา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/articles/1562449/

“สปป.ลาว-ไทย” ร่วมประชุมเส้นทางรถไฟสายหนองคาย-เวียงจันทน์

นายเวียงสะหวัด สีพันดอน รมว.โยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว หารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และคณะผู้แทนที่ได้นำเรื่องมาแจ้งความคืบหน้าของโครงการ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางรถไฟขนส่งผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้สะพานรถไฟเก่าและการติดตั้งแผงควบคุมเดียวกันที่สถานีท่านาแล้ง กรุงเวียงจันทร์ หนองคายและสถานีรถไฟนาทาในประเทศไทย โดยที่ประชุมยังพิจารณาการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ทางคณะผู้แทนลาวและไทยหารือเกี่ยวกับการออกแบบสะพานและทางรถไฟแห่งใหม่ ตลอดจนขอบเขตของโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อีกด้วย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten197_Laothai.php

เดือนก.ย.65 สปป.ลาว ขาดดุลการค้าถึง 233 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เดือนกันยายน 2565 สปป.ลาว ขาดดุลการค้า 233 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยภาพรวมการค้าระหว่างประเทศแบ่งเป็นการส่งออก 456 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ทองคำและทองคำแท่ง ยาง ปุ๋ย แร่ทองคำ น้ำตาล เสื้อผ้า กล้วย รองเท้า แร่เหล็ก และโค ส่วนการนำเข้าอยู่ที่ 689 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกล ดีเซล ยานพาหนะทางบก อัญมณีกึ่งมีค่า น้ำมันเบนซิน ผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า สัตว์มีชีวิต ชุดสายไฟ และอะไหล่ โดยผู้นำเข้ารายใหญ่คือจีน รองลงมาเป็นเวียดนาม และไทย ตามลำดับ

ที่มา:https://english.news.cn/asiapacific/20221010/5d81119c2dd74f0fa84d9a79eeae7ead/c.html

เดือนก.ย.65 เงินเฟ้อ สปป.ลาว พุ่งแตะ 34% สูงสุดในรอบ 22 ปี

สำนักสถิติของสปป.ลาว เผย อัตราเงินเฟ้อในเดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ 34% สูงกว่าเดือนที่ผ่านมา 30%  (เดือนสิงหาคม 2565) สูงสุดในรอบ 22 ปี จากราคาอาหาร ยา เชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่พุ่งสูงขึ้น เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจ และการระบาดของ COVID-19 ได้กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังพบว่าเงินเฟ้อของสปป.ลาว สูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน จากข้อมูลของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยว่า การที่สปป.ลาว พึงพาการนำเข้ามากเกินไป และเงินกีบที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินตราต่างประเทศเป็นสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การประสบปัญหาอุทกภัยในปีนี้ ได้สร้างความเสียหายให้ผลผลิตทางการเกษตรและทรัพย์สินต่างๆ รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่างๆ ส่งผลให้มีความต้องการอาหารในประเทศเพิ่มมากขึ้น

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten196_Inflation_y22.php

Lao Airlines ระงับเที่ยวบินเส้นทาง เวียงจันทน์-อุดมไซ

Lao Airlines ระงับเที่ยวบินระหว่างนครเวียงจันทน์และจังหวัดอุดมไซ หลังประสบกับปัญหาจำนวนผู้โดยสารลดลงอย่างมาก เป็นผลมาจากส่วนหนึ่งผู้โดยสารหันไปใช้บริการรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว-จีน ซึ่งมีค่าบริการต่ำกว่าการเดินทางโดยเครื่องบิน ขณะที่เที่ยวบินจากเวียงจันทน์ไปยังหลวงพระบางก็ปรับลดลงต่อเนื่องเช่นเดียวกันจาก 3-4 เที่ยวบินต่อวัน ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปรับเหลือเพียง 8 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมถึงเที่ยวบนตรงสายอื่นๆ เช่น ไปยังหลวงน้ำทา เชียงขวาง ปากเซ สะหวันนะเขต และเที่ยวบินอื่นๆ ก็ปรับลดเที่ยวบินลงเช่นกัน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_LaoAirlines194.php

ไทย-สปป.ลาว เดินหน้าเชื่อมต่อรถไฟหนองคาย-เวียงจันทน์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะผู้แทนไทย ร่วมประชุมหารือกับนายเวียงสะหวัด สีพันดอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการพัฒนาเชื่อมโยงการขนส่ง การค้าการลงทุนของสปป.ลาว เกี่ยวกับโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟ ช่วงหนองคาย – เวียงจันทน์ โดยมี น.ส.จิรัสยา พีรานนท์ อุปทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งการประชุมร่วมกับกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ในครั้งนี้ถือเป็นการประชุมสำคัญที่ทั้งประเทศไทย และ สปป.ลาว เห็นชอบร่วมกันในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดย นายอนุทิน กล่าวชื่นชมรัฐบาล สปป.ลาว ต่อการเปิดให้บริการโครงการรถไฟลาว–จีน ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมนครหลวงเวียงจันทน์กับคุนหมิง ที่จะส่งเสริมการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่าง สปป.ลาวและจีนให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลไทยมีความตั้งใจที่จะทำให้การเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างหนองคายและเวียงจันทน์ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งสองประเทศ ตลอดจนส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งอย่างเป็นระบบ อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88/182029

ค่าเงินกีบอ่อนกระทบเศรษฐกิจ สปป.ลาว

ในช่วงมกราคมถึงสิงหาคม 2022 ค่าเงินกีบอ่อนค่าลงกว่าร้อยละ 37.4 เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอ่อนตัวลงกว่าร้อยละ 32.9 เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ตามการรายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) บนรายงาน Asian Development Outlook (ADO) 2022 โดยการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงินกีบ ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อผู้นำเข้าและผลักดันให้เกิดเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นภายในประเทศ อันเป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ สปป.ลาว ซึ่งราคาน้ำมันภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 13 เท่า ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 90.3 และราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.3 นอกจากนั้นยังส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากการอ่อนตัวของค่าเงินกีบ โดยธนาคารแห่งชาติ สปป.ลาว ได้พยายามควบคุมค่าเงินกีบให้เกิดการอ่อนค่าลดลง จากการออกพันธบัตรออมทรัพย์มูลค่า 5 ล้านล้านกีบ หรือคิดเป็นร้อยละ 3 ของปริมาณเงินในระบบ เพื่อลดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจที่มากเกินไป

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Weak194.php

“แบรนด์กาแฟสปป.ลาว” คว้าแชมป์เวทีระดับเอเชีย

เมาน์เทนคอฟฟี่ (Lao Mountain Coffe) แบรนด์กาแฟคุณภาพระดับพรีเมี่ยมจากประเทศสปป.ลาว คว้ารางวัลที่ 1 จากเวทีการแข่งขันระดับเอเชีย ซึ่งจากการแข่งขัน “World Coffee Challenge” จัดขึ้นที่เมืองโอว์แรนเซ (Ourense) ประเทศสเปน ตั้งแต่วันที่ 29-30 กันยายน ผู้มีเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 34 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป. ลาว ระบุว่ากาแฟเป็นสินค้าเกษตรส่งออกที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลาว และจำหน่ายไปแล้วกว่า 26 ประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ ปัจจุบันรัฐบาลเร่งส่งเสริมการผลิตกาแฟในพื้นที่ 11 จังหวัด เพื่อตอบสนองความต้องการที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ สัดส่วนของตลาดส่งออกกาแฟสปป.ลาวในปีที่แล้ว พบว่าส่วนใหญ่ส่งออกกาแฟ (เมล็ดกาแฟดิบ) 56% ไปยังตลาดเวียดนาม รองลงมา 13% ญี่ปุ่น, (ไทย 12%), (กัมพูชา 3%), (เยอรมนี 2%), (จีน 1.5%), (สหรัฐฯ 0.9%) และ 11% ไปยังประเทศอื่นๆ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten193_Laocoffee.php

ปี 2565 นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าสปป.ลาว กว่า 300,000 คน

ระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจเกี่ยวกับแนวทางในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่จัดขึ้นในเวียงจันทน์เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ได้เปิดเผย ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยงที่เดินทางเข้า สปป.ลาว กว่า 300,000 ตน ในเวลาเดียวกัน นักท่องเที่ยวลาวกว่า 1,000 คนเดินไปต่างประเทศผ่านบริษัททัวร์ในเวียงจันทน์ ซึ่งจากข้อมูลการท่องเที่ยวระหว่างสปป.ลาวและไทย ยังพบอีกว่าสปป.ลาวยังเป็นประเทศที่เดินทางไปท่องเที่ยวไทยเป็นอันดับ 5 และจากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระหว่างเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจากสปป.ลาว 157,000 คน เดินทางเข้ามาในไทย ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่มักนิยมไปเที่ยวชมเมืองมรดกของยูเนสโกในหลวงพระบาง รวมถึงการพักระยะสั้นในวังเวียงและเวียงจันทน์ของสปป.ลาว

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/10/03/over-300000-tourists-visit-laos-capital-in-2022/

เยอรมนีมอบเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนาประเทศให้กับ สปป.ลาว

นาย Jochen Flasbarth รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Vientiane Times ณ สถานเอกอัครราชทูตเยอรมันในเวียงจันทน์  เมื่อวันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาว่า ความร่วมมือทวิภาคีรอบใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ เยอรมนีพร้อมสนับสนุนสปป.ลาว โดยการมอบเงิน 38 ล้านยูโร เพื่อสนับสนุนทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ เช่น การจัดการป่าไม้และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชนบท ช่วยให้ชุมชนในชนบทเข้าถึงการศึกษา และบริการด้านสุขภาพ ซึ่งสปป.ลาวและเยอรมนีเริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2501 และมีความร่วมมือทวิภาคีกันในปี 2506 ปัจจุบัน เยอรมนีได้ให้เงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศไปมากกว่า 560 ล้านยูโร ส่วนมูลค่าการค้าระหว่าง 2 ประเทศ จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 159 ล้านในยูโร และยังได้มอบทุนการศึกษาให้ชาวสปป.ลาว ประมาณ 3,000 คน เพื่อไปศึกษาและฝึกอบรมในเยอรมนีอีกด้วย

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten191_Germany_y22.php