นายกฯ สปป.ลาวชื่นชมการตอบสนองของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่อโควิด -19

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Mr.Thongloun Sisoulith นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสำหรับความพยายามในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในที่ประชุมประจำปีของกระทรวงสาธารณสุขยังได้มีการหารือเกี่ยวกับแผนด้านสาธารณสุขสำหรับปี 2564 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด -19 เป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นแผนย่อยที่รวมอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปี 2559-2563 และ 2564-2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนสุขภาพปี 2564 จะดำเนินตามกรอบยุทธศาสตร์การปฏิรูปด้านสุขภาพซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2559-2563 และระยะที่ 3 จะดำเนินการตั้งแต่ปี 2564-2568 นายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายและความพยายามอย่างสูงที่จะทำให้ระบบสาธารณสุขของสปป.ลาวพัฒนาและเทียบเท่ามาตรฐานสากล แนวทางดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างจึงต่อการพัฒนาสาธารณสุขของประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM_21.php

ตลาดในประเทศยังเป็นปัจจัยสำคัญของอุตฯการบินเวียดนาม ปี 64

เวียดนามควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ความต้องการเดินทางทางอากาศในประเทศเพิ่มสูงขึ้นในปี 2564 ซึ่งจำนวนผู้โดยสานทางอากาศสามารถกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 73 ล้านคนในปีนี้ เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ของเวียดนามอย่าง SSI Securities Corp. คาดการณ์ว่าตลาดในประเทศยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญของอุตสาหกรรมการบินเวียดนาม จนกว่าจะสิ้นสุดครึ่งแรกของปี 2564 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงไปทั่วโลกนั้น ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลเวียดนามต้องปิดพรมแดนจนถึงครึ่งหลังของปีนี้ อีกทั้ง ประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 จะเป็นปัจจัยชี้ขาดในการปลดล็อกข้อจำกัดในการเดินทางในปัจจุบันและกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/domestic-market-to-remain-priority-for-vietnam-aviation-industry-in-2021-316061.html

FDI เวียดนามเดือน ม.ค. พุ่ง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เมื่อวันที่ 20  ม.ค. 2564 อยู่ที่ 1.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี ในจำนวนเงินลงทุนดังกล่าว มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป ด้วยมูลค่าราว 1.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 76.4% ของยอดการลงทุนจากต่างชาติรวม รองลงมาภาคอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 179 ล้านเหรียญสหรัฐ, การขนส่ง คลังสินค้าและการเกษตร ป่าไม้ ประมง มูลค่า 111.9 และ 60.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นผู้ลงทุนจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม เป็นเงินทั้งสิ้น 680.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (33.8% ของทั้งหมด) รองลงมาจีน ฮ่องกง ตามลำดับ

 ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/january-fdi-tops-15-billion-usd/195512.vnp

MTB อุ้มบริษัททัวร์ หนุนการท่องเที่ยวเมียนมา

ธนาคารการท่องเที่ยวแห่งเมียนมา (MTB) ได้เซ็น MoU กับสมาคมการท่องเที่ยวเมียนมา (Union of Myanmar Travel Association) เพื่อหาเงินกู้สำหรับสมาชิกสมาคมที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องงดกิจกรรมทั้งหมดและผู้ประกอบการต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งภาคการท่องเที่ยวเมียนมาได้รับผลกระทบมากที่สุด ทั้งนี้ธนาคารการท่องเที่ยวแห่งเมียนมา (MTB) เป็นธนาคารเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) เมื่อปี 2561 ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 6 แห่งเพื่อรองรับความต้องการของ SMEs และภาคการท่องเที่ยวในเมียนมา

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-tourism-bank-provide-loans-tour-companies.html

KB Bank รุกหนัก ภาคก่อสร้างเมียนมา

KB Bank พร้อมให้ความสำคัญกับภาคการก่อสร้างของเมียนมา นาย เฮอร์ยิน ประธานกรรมการกล่าวในงานการเปิดตัวในเมียนมามื่อวันที่ 27 มกราคม 64 KB Bank เป็นบริษัทย่อยของ KB Kookmin Bank จากเกาหลีใต้ที่ให้บริการ เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารดิจิทัล ธนาคารสำหรับองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานด้านการธนาคาร แต่เป้าหมายคือภาคการก่อสร้าง โดยอย่างยิ่งในด้านการเงินการธนาคารดิจิทัลและที่อยู่อาศัย นี่คือจุดแข็งของ KB Kookmin Bank ซึ่งข้าสู่เมียนมาในปี 56 ด้วยการเปิดตัวสำนักงานใหญ่ในย่างกุ้ง รัฐมนตรีประจำเขตย่างกุ้ง นี่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ด้านของความร่วมมือระหว่างเมียนมาและเกาหลี ศูนย์อุตสาหกรรมเกาหลี – เมียนมา (KMIC) มีโครงการที่อยู่อาศัยทโรงงานและการประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการ Dala Myothit ซึ่งลงนามร่วมกันระหว่างเมียนมากับเกาหลีใต้สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ KB Kookmin Bank เป็นหนึ่งในธนาคารต่างประเทศอีก 7 แห่งที่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการในประเทศ ณ ตอนนี้เป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่ตั้งบริษัทลูกในเมียนมาร์และจะได้รับใบอนุญาตให้เปิดสาขา 10 แห่งทั่วประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/kb-bank-focus-myanmars-construction-sector.html

รัฐบาลสปป.ลาวให้คำมั่นที่จะลดภาระหนี้

รัฐบาลตั้งใจที่จะลดการขาดดุลการคลังให้เหลือเฉลี่ยร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ทุกปีตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2568 คำมั่นสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลพยายามลดหนี้สาธารณะเพื่อให้ประเทศสามารถปรับปรุงสภาพคล่องทางการเงินได้ การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้ภาระหนี้สาธารณะของสปป.ลาวเพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดความท้าทายสำหรับประเทศเล็ก ๆ ในการชำระหนี้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมารัฐบาลได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการวิเคราะห์โครงการลงทุนให้มีประสิทธิภาพส่งผลให้รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 อย่างไรก็ตามรายจ่ายก็เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 ส่งผลให้ขาดดุลงบประมาณประจำปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.73 การขาดดุลการคลังแบบเรื้อรังทำให้รัฐบาลต้องออกพันธบัตรและกู้ยืมมากขึ้นจากแหล่งต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนงบประมาณรวมถึงมาตรการด่านอื่นๆ เช่น การแปลงหนี้เป็นทุนการขายทรัพย์สินของรัฐและการขายหุ้นในรัฐวิสาหกิจเพื่อหวังว่าจะจัดการกับภาระผูกพันทางการเงินของประเทศ เป็นต้นนักเศรษฐศาสตร์แนะนำให้รัฐบาลดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและช่วยเหลือภาคเอกชนโดยเฉพาะ SMEs ในการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มปริมาณสินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออกซึ่งจะเป็นช่องทางรายได้อีกทางของรัฐบาล

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt20.php

สปป.ลาวจะมีรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตในปีหน้า

รัฐบาลคาดว่าจะมีรายได้ก้อนแรกจากการขายคาร์บอนเครดิตในปีหน้าหลังจากลงนามในข้อตกลงกับธนาคารโลก รองอธิบดีกรมป่าไม้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า “รัฐบาลได้ลงนามในข้อตกลงกับธนาคารโลกในการขายคาร์บอนเครดิตจากพื้นที่ป่าที่กำหนดใน 6 แขวงทางตอนเหนือของสปป.ลาว และคาดว่าจะได้รับเงินประมาณ 15 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขายคาร์บอนเครดิตในปี 2565” ธนาคารโลกระบุว่าสถาบันการเงินระหว่างประเทศได้กำหนดงบประมาณภายใต้ Forest Carbon Partnership Facility ประมาณ 42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อซื้อคาร์บอนเครดิตจากสปป.ลาวในปี 2563 ถึง 2568 ความคิดริเริ่มของธนาคารโลกมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนและรูปแบบสภาพอากาศที่รุนแรงทั่วโลก ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาประเทศที่พัฒนาแล้วและ บริษัท รายใหญ่ได้ตกลงที่จะซื้อคาร์บอนเครดิตจากประเทศต่างๆเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบทางธุรกิจเพื่อสังคมของตน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos20.php

โครงการโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งใหม่คาดสร้างการจ้างงานในท้องถิ่นของกัมพูชา

โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งใหม่มูลค่า 3.1 ล้านดอลลาร์ คาดจะถูกสร้างขึ้นในจังหวัดตาแก้วของกัมพูชา สร้างการจ้างงานกว่า 702 ตำแหน่ง ให้กับคนในท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์โดยหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของประเทศกัมพูชา (CDC) หลังจากได้รับการอนุมัติโครงการลงทุนใหม่ ซึ่งโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่เพิ่งได้รับการอนุมัติเป็นการลงทุนโดย Brightness (Cambodia) Garment Factory Co., Ltd. โดยตั้งแต่ต้นเดือนนี้ CDC ได้ให้ไฟเขียวแก่โครงการลงทุน 7 โครงการ รวมถึงโครงการข้างต้นด้วยเงินลงทุนรวมเกือบ 27.6 ล้านดอลลาร์ สร้างโอกาสในการจ้างงานถึง 4,000 ตำแหน่งในกัมพูชา ซึ่งการลงทุนดังกล่าวท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจและสังคมของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50807925/a-3-1-million-garment-factory-project-in-takeo-province-to-create-more-than-700-jobs/

รายงานสำรวจสำมะโนประชากรฉบับล่าสุดของกัมพูชา

ตามรายงานการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี 2019 ของรัฐบาลกัมพูชาระบุว่าภาคการผลิตและการบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีการจ้างงานหลายล้านตำแหน่งทั่วประเทศ ซึ่งส่วนแบ่งของจำนวนแรงงานในภาคการผลิตต่อประชากรที่มีงานทำเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.5 ในปี 2008 เป็นร้อยละ 18.8 ในปี 2019 สัดส่วนการจ้างงานของอุตสาหกรรมบริการต่อประชากรที่มีงานทำก็เพิ่มขึ้นเช่นกันจากร้อยละ 19.2 ในปี 2008 เป็นร้อยละ 26.5 ในปี 2019 ในทางตรงกันข้ามสัดส่วนของแรงงานภาคเกษตรกรรมต่อประชากรที่มีงานทำลดลงจากร้อยละ 72.3 ในปี 2008 เหลือร้อยละ 54.7 ในปี 2019 ตามรายงานฉบับสมบูรณ์ของการสำรวจสำมะโนประชากรปี 2019 ที่ออกโดยกระทรวงการวางแผน โดยในปี 2019 ประชากรทั้งหมดของประเทศอยู่ที่ 15.55 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.16 ล้านคน จาก 13.39 ล้านคนในปี 2008 ซึ่งประชากรในเมืองยังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในปี 2019 สัดส่วนของประชากรทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 39.4 ในขณะที่ในปี 2008 ประชากรในเขตเมืองมีเพียงร้อยละ 19.5

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50807973/manufacturing-and-service-sectors-boost-employment/

เปิดแผนเมกะโปรแจ็คต์สปป.ลาว ส่งออกโคเนื้อไปจีน

โครงการทำฟาร์มมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ที่วางแผนไว้ซึ่งได้รับทุนจากกระทรวงและบริษัทในท้องถิ่นมีเป้าหมายเพื่อส่งออกโคเนื้อและผลิตภัณฑ์จากโคแปรรูปไปยังประเทศจีนรวมทั้งตอบสนองความต้องการเนื้อในตลาดสปป.ลาว แผนกการผลิตทางการเกษตรภายใต้แผนกโลจิสติกส์ทั่วไปของกระทรวงป้องกันประเทศและ Chang Jiang Investment Lao Sole Co. , Ltd. ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมทุนในโครงการนี้ ภายใต้ข้อตกลงทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อการผลิตทางการเกษตรครบวงจรสำหรับการส่งออกโคเนื้อไปยังประเทศจีน โดยวางแผนที่จะลงทุนทั้งหมด 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะมีการจัดตั้ง ดำเนินการฟาร์มโค ศูนย์กักกันสัตว์ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ที่ทันสมัย โรงงานแปรรูป ตลาดขายโคเนื้อและศูนย์สาธิตการเลี้ยงสัตว์และการเกษตร เป้าหมายของโครงการคือการขายโคเนื้อ 400,000 ตัวต่อปีให้กับจีน โดยมีกระทรวงป้องกันประเทศถือหุ้น 20 % และอีก 80 % ที่เหลือ เป็นของ Chang Jiang Investment Lao Sole Co. , Ltd. หลังจากลงนามในสัญญาร่วมทุนแล้วทั้งสองฝ่ายจะยื่นข้อเสนอการลงทุนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงการจดทะเบียนบริษัทร่วมทุน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent /FreeConten_Planned19.php