GDP เมียนมาคาดลดลงเล็กน้อย

จากการคาดการณ์ GDP ของปีงบประมาณปัจจุบันของปี 2562-2563 จะลดลงเล็กน้อย ประมาณการ GDP เบื้องต้น ได้รับการแก้ไขเป็น 118.9 ล้านล้านจัตมากกว่า 119 ล้านล้านจัตจากกปีก่อนหน้าเนื่องจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และผลกระทบของ COVID-19 ส่งผลให้ขาดดุลการคลังต่อ GDP จะลดลงเป็น 5.5% จาก 5.7% รายได้จากภาษีคาดว่าในอีกสี่เดือนข้างหน้าคาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 5050 พันล้านยูโรส่งผลให้รายได้ภาษีต่อจีดีพี 7.1% จาก 6.7%

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-gdp-estimate-be-slightly-reduced.html

ส่องภาคเกษตรในฮานอย ส่งสัญญาฟื้นตัวหลังโควิด-19

ภาคเกษตรกรรมในเมืองฮานอย เผชิญกับความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ต้องปรับโครงสร้างใหม่และหันไปเพาะปลูกพันธุ์พืชใหม่ ผู้อำนวยการสำนักเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่าในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ การเติบโตของภาคเกษตรลดลงร้อยละ 1.17 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกา สำหรับปริมาณสุกรมีเพียง 1.1 ล้านตัว ลดลงร้อยละ 31.25 เมื่อเทียบกับปีก่อน พืชฤดูหนาวลดลงร้อยละ 10 อย่างไรก็ตาม ผลผลิตประมงอยู่ที่ 27,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.25 ในขณะเดียวกัน จำนวนสัตว์ปีกรวมอยู่ที่ 33.5 ล้านตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.54 ทั้งนี้ เลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯ เรียกร้องให้จำนวนฝูงผสมพันธุ์สุกร เพิ่มขึ้นแตะอยู่ที่ 1.8 ล้านตัว เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของดัชนี CPI และยังได้เสนอแนวทางในการผลิตอุตสาหกรรมและไม่ใช้ที่ดินเพาะปลูก เพื่อดึงดูดความต้องการอาหาร อีกทั้ง ประเด็นการใช้กลไกเครื่องจักรในการผลิตและการออกนโยบาย เพื่อปรับปรุงการใช้ที่ดินทางการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hanois-agriculture-sector-looks-to-grow-postcovid19/173482.vnp

เกาหลีใต้ขยายวงเงินกู้ 30 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการรับมือ COVID-19 ของเมียนมา

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศเกาหลีจะให้เงินกู้ยืมอุปกรณ์ฉุกเฉินสำหรับ COVID-จำนวน 19 รายการ คิดเป็นเงิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกองทุนสหกรณ์เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ (ECDF) ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปีและอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 0 ถึง 0.01% เงินทุนจะเป็นไปตามแผนบรรเทาทุกข์ทางเศรษฐกิจ COVID-19 ของเมียนมา (CERP) ทั้งนี้เมียนมาและเกาหลีใต้ยังอยู่ในระหว่างการหารือเพื่อดำเนินโครงการอีก 9 โครงการด้วยเงินลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์จาก ECDF สัปดาห์ที่ผ่านมาสมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวมากกว่า 50% นับตั้งแต่การระบาดของ COVID-19 ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นเวลาอย่างน้อย 18 เดือน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/korea-extends-30-million-support-myanmars-covid-19-relief-plan.html

สศช.ประเมินพิษ “โควิด” ฉุดจีดีพีไทยทั้งปีติดลบ 5-6%

สศช.เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 63 ติดลบ 1.8% ส่วนแนวโน้มปี 63 คาดว่า ติดลบ 5-6% เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 เป็นหลัก พร้อมคาดไตรมาส 2 น่าจะหนักที่สุดหลังจากทุกกิจการหยุดหมด นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 63 และแนวโน้มปี 63 ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2563 ปรับตัวลดลง 1.8% เทียบกับการขยายตัว 1.5%  ในไตรมาสก่อน หลังจากได้รับผลกระทบโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนไตรมาสที่ 2 ประเมินว่า น่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะเกิดการล็อคดาวน์ ทำให้ธุรกิจต่างๆ และการท่องเที่ยวหยุดชะงัก อย่างไรก็ตามทั้งปี 63 สศช. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวลดลงในช่วงลบ 5-6% เนื่องจากการปรับตัวลดลงรุนแรงของเศรษฐกิจ และปริมาณการค้าโลก ,การลดลงรุนแรงของจำนวน และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ,เงื่อนไขและข้อจำกัดที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศ และ ปัญหาภัยแล้ง โดยคาคว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าจะปรับตัวลดลง 8% การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมปรับตัวลดลง 1.7% และ 2.1% ตามลำดับ

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/775078

เวียดนามเผยมูลค่านำเข้ากว่า 78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วง 4 เดือนแรกปีนี้

สำนักงานศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีมูลค่าการนำเข้ารวมอยู่ที่ 78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.3 โดยจีนยังคงเป็นตลาดนำเข้าสำคัญ ขณะที่ ปริมาณการค้าระหว่างประเทศ ชี้ให้เห็นว่าเอเชียเป็นตลาดเศรษฐกิจและการค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการค้าสูงถึง 103.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 65.2 ของการส่งออกและนำเข้ารวม ทั้งนี้ สินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ ซึ่งในปีที่แล้ว มูลค่าการนำเข้าของกลุ่มสินค้าดังกล่าว ประมาณ 17.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกัน สินค้าโภคภัณฑ์ที่เผชิญกับความยากลำบาก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ดิ่งลงร้อยละ 41.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้ยังคงเป็นผู้นำเข้าคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม รองลงมา จีน ไต้หวันและสหรัฐฯ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hanoi-retail-space-rentals-down-30-due-to-covid19-413778.vov

การระบาดของ COVID-19 จะทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 25%

นาย Khammany Sambath รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้เข้าร่วมการประชุมพิเศษของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเกี่ยวกับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 โดยนาย Khamsay Sambath กล่าวว่ารัฐบาลสปป.ลาวได้ดำเนินการป้องกันควบคุมการระบาดของCOVID-19 และพบผู้ติดเชื้อรายแรกในวันที่ 23 มีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยทั้งหมด 19 รายที่ได้รับการรักษา 10 รายและไม่มีผู้เสียชีวิต แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในสปป.ลาวจะต่ำ แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจเช่นการปิดตัวกิจการทำให้ของแรงงานจำนวนมากตกงานในขณะเดียวกันแรงงานกว่า 1 ล้านคนที่ทำงานในต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จากสถานการณ์ดังกล่าวรัฐบาลคาดว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นจากปกติ 2% เป็น 25% อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะมีการออกนโยบายเพื่อช่วยเหลือแรงงานทุกคน แต่ระยะแรกจะเริ่มช่วยเหลือแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมโดยการให้เงินชดเชยในระยะแรกและจะมีการหางานให้แก่แรงงานที่ประสงค์จะทำงานโดยต้องมีการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะก่อนถูกส่งไปยังองค์กรต่างๆ

ที่มา: https://laoedaily.com.la/2020/05/18/78253/

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนให้การสนับสนุนการส่งออกข้าวของกัมพูชา

รัฐบาลได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยมีนายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้ห้ามส่งออกข้าวขาวข้าวเปลือกและปลาในช่วงต้นเดือนเมษายนเพื่อป้องกันอุปทานในท้องถิ่นเพื่อรับมือกับปัญหาการขาดแคลนอาหารในช่วงการระบาดของ COVID-19 โดยรัฐบาลกล่าวว่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเหล่านี้สามารถเริ่มส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ตั้งแต่วันพุธ 20 เมษายน ซึ่งโฆษกของกระทรวงกล่าวว่าการส่งออกต้องทำการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชจำเป็นต้องมีความปลอดภัยรับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับการตรวจสอบตามขั้นตอนที่เหมาะสมและได้รับการพิจารณาว่าปลอดจากศัตรูพืชและอื่นๆ โดยการส่งออกผ่านช่องทางทางการโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ส่งออกไปยังเวียดนามจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ในทางตรงกันข้ามอาจมีส่วนช่วยแก้ปัญหาตลาดสำหรับเกษตรกรในกัมพูชาที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนกับเวียดนามได้อีกด้วย ซึ่งประธานสหพันธ์ข้าวกัมพูชากล่าวว่าขณะนี้กัมพูชามีข้าวและข้าวเปลือกเพียงพอที่จะส่งมอบตลาดในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50723899/pm-hun-sen-gives-nod-for-white-rice-exports-resumption/

LOTTE Group เมียนมาร่วมสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ต้าน COVID-19

กลุ่ม Lotte ในเมียนมา (LOTTE Hotel Yangon, LOTTE MGS และ L&M Mayson) ได้ให้การสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอื่น ๆ ที่ทำงานมายาวนานท่ามกลางการระบาดใหญ่ของ Covid-19 โดยได้บริจาคให้กับโรงพยาบาล Wairbargi และโรงพยาบาล South Oakkalar โดยส่งมอบอุปกรณ์และสิ่งของ 1,000 ชุด เช่น รายการผลิตขนมปัง เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวมี่ผลิตโดย LOTTE Group ลอตเต้กรุ๊ปเป็น บริษัท ระดับโลกจากประเทศเกาหลีซึ่งก่อตั้งขึ้นในฐานะผู้ประกอบธุรกิจอาหาร, ธุรกิจค้าปลีก, ท่องเที่ยว, บริการ, เคมี, การก่อสร้างและการเงินเพื่อยกระดับชีวิตและเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าในทุกสาขาธุรกิจ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/lotte-group-myanmar-supports-those-frontline.html

เอกชนเสียงแตกเข้าร่วมซีพีทีพีพี

นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อความเป็นหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) เปิดเผยว่า คณะทำงานจะมีการประชุมอีกรอบในวันที่ 21 พ.ค.นี้เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่า ควรจะสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมซีพีทีพีพีหรือไม่  หลังจากที่ผ่านก็ได้มีการประชุมไปแล้วรอบหนึ่งโดยรับฟังความเห็นจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นปัญหาทั้งสิทธิยา เมล็ดพันธุ์ แรงงาน การจัดซื้อจัดจ้าง พร้อมกันนี้ก็ขอให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงในแต่ละประเด็นเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในความตกลงดังกล่าว นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า สรท.อยู่ในช่วงของการประชุมหารือถึงเรื่องดังกล่าว เพราะแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมก็มีความแตกต่างกัน หรือแม้แต่อุตสาหกรรมเดียวกันก็มีความเห็นที่ต่างกันเพราะมีทั้งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์และเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งซีพีทีพีพีมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณามาก ไม่เพียงแต่ประเด็นที่เป็นปัญหาที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่   ไม่เหมือนกับเอฟทีเออื่นๆที่สามารถตกลงเจรจากันได้ง่ายกว่า ขณะนี้ภาคเอกชนยังมีความเห็นที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สิ่งที่เห็นตรงกันคือ อนาคตในการค้าขายในโลกเศรษฐกิจแบบนี้จำเป็นที่ไทยต้องเข้าร่วมในความตกลงต่างๆ เอฟทีเอ หรือการเจรจาแบบทวิภาคี พหุภาคี

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/774921