ชง 8 เรื่องเด็ดดันเที่ยวไทยพุ่ง

นายกลินท์  สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำคณะกรรมการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) เพื่อหารือความร่วมมือและนำเสนอประเด็นต่าง ๆ ของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจ โดยมีข้อเสนอประเด็นต่าง ๆ ประกอบด้วย 1.Digital Tourism Platform ขอรับการสนับสนุนแหล่งข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และการประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ของกระทรวงและหน่วยงานภายใต้กำกับของกระทรวง 2.Downtown VAT Refund  โดยขอให้มีการทำVAT Refund ไปยังจังหวัดต่าง ๆ และขอให้ช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มจุดในการดำเนินการ VAT Refund 3.การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว   สนับสนุนให้มีการปรับปรุง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 4.สนับสนุนโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว ตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ พ.ศ. 2561-2570 ให้มีผลในทางปฏิบัติ 5.โครงการทัวร์ริมโขง  ขอให้กระทรวงฯ ช่วยผลักดันการดำเนินโครงการทัวร์ริมโขงให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม และร่วมพัฒนาแผนแม่บทกับภาคเอกชน 6.โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า  หอการค้าไทยสนับสนุนโครงการ โดยขอเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนแม่บท และแผนพัฒนาภายใต้โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า 7.โครงการ 1 หอการค้า 1 ท่องเที่ยวชุมชน โดยการร่วมจัดหลักสูตรการอบรมให้ความรู้ชุมชน 8.การพัฒนาการท่องเที่ยวรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ขอให้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการที่มีคุณภาพที่ดีรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยขอให้มีการปรับปรุงแผนพัฒนาการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/410950

กัมพูชาต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสหภาพยุโรป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชากล่าวกับรัฐบาลของเยอรมันว่าทางกัมพูชาต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสหภาพยุโรปและรักษาซึ่งสถานะทางการค้าหรือ EBA ไว้เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาและศึกษาระบบการบริหารสาธารณะรวมถึงร่วมพูดคุยในเรื่องของการแก้ปัญหา EBA ระหว่างสหภาพยุโรปและกัมพูชาที่กำลังจะสิ้นสุดลง โดยย้ำว่ากัมพูชาต้องการที่จะรักษาไว้ซึ่งสิทธิทางการค้าและความสัมพันธ์ที่ดีกับสหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆ รวมถึงย้ำชัดว่ากัมพูชาใช้หลักการปกครองเพียงหลักการเดียวคือปกครองแบบประชาธิปไตยแบบเสรีหลายพรรค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและสันติภาพที่เกิดภายในกัมพูชา โดยทางภาครัฐฯได้ทำการเคลื่อนไหวโดยการให้อดีตสมาชิกพรรคฝ่ายค้านกลับมาลงเวทีทางการเมืองได้ เพื่อไม่ให้สหภาพยุโรปเพิกถอน EBA แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50646867/cambodia-wants-good-relations-with-the-eu-sar-kheng/

สะหวันนะเขตยกเลิก Red tape เพื่อความสะดวกในการขนส่ง

เจ้าหน้าที่แขวงสะหวันนะเขตได้ประกาศยกเลิกการตรวจสอบจุดตรวจทั้งหมดตามถนนสายหลักเพื่อเร่งการขนส่งสินค้าและการส่งออก ซึ่งเจ้าแขวงได้ออกคำสั่งยกเลิกจุดตรวจสอบ เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในแขวงภาคกลาง ในคำสั่งการปิดจุดตรวจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะตระหนักถึงนโยบาย ‘สามเปิด’ ของรัฐบาลในการปรับปรุงบริการสาธารณะและเพิ่มการลงทุน ภายใต้คำสั่งได้ยกเลิกคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรและป่าไม้อาจดำเนินการในยานพาหนะเป้าหมายที่เชื่อว่ามีการละเมิดกฎหมาย ไม่อนุญาตให้มีการตรวจสอบทั่วไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นขั้นตอนล่าสุดโดยเจ้าแขวงของสะหวันนะเขต ได้รับการส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักของประเทศเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ ภาคกลางซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน ได้ใช้วิธีการปรับปรุงใหม่โดยลดระยะเวลาในการขอรับใบอนุญาตเพื่อเริ่มธุรกิจใหม่อย่างมีนัยสำคัญ

ที่มา:http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Savannakhet_216.php

เวียดนามเกินดุลการค้า 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562

จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลค่าการค้าประมาณ 194 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน มูลค่าการส่งออกของภาคการลงทุนโดนตรงจากต่างชาติ (รวมถึงน้ำมันดิบ) 134.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.3 ของมูลค่าโดยรวม โดยสินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วนประกอบ รองลงมาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ เครื่องแต่งกาย เครื่องจักรอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ ไม้แปรรูป เป็นต้น ตามลำดับ ซึ่งตลาดส่งออกหลักของเวียดนาม ประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุด รองลงมาสหภาพยุโรป จีน อาเซียน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน ตลาดนำเข้าหลักของเวียดนาม ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7967402-vietnam-poses-a-trade-surplus-of-us$5-9-billion-in-nine-months.html

เวียดนามเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติพุ่ง 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562

จากข้อมูลของสำนักงานการลงทุนจากต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ 26.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติยังคงสนใจลงทุนในภาคการผลิตและแปรรูปมากที่สุด ด้วยมูลค่าประมาณ 18.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.1 ของการลงทุนจากต่างชาติรวม ตามมาด้วยภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยมูลค่า 2.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ด้วยมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกว่า 109 ประเทศทั่วโลกที่ลงทุนในเวียดนาม ประเทศฮ่องกง (จีน) เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าราว 5.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองลงมาเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ตามลำดับ โดยเมือง/จังหวัดที่ได้รับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมากที่สุด ได้แก่ นครฮานอย รองลงมาเมืองโฮจิมินห์ และบิ่ญเซือง ตามลำดับ

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7967502-vietnam%E2%80%99s-fdi-inflows-reach-over-us$26-billion-in-nine-months.html

ผู้ว่านครพนมจับมือหอการค้าจังหวัด เยือนฮ่าห์ติ๋งห์-กว่างบิงห์วางแนวปฏิบัติร่วม

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และคณะหัวหน้าส่วนราชการ หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรม สมาคมเวียดนามแห่งประเทศไทย ภาคเอกชนจังหวัดนครพนม ได้เข้าเยี่ยมเยือนจังหวัดฮ่าติ๋งห์และกว่างบิ่งห์ เมื่อวันที่25-26 กันยายน ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสนอให้รัฐบาลกลางสนับสนุนการปรับปรุงเส้นทางหลวง R8 เพื่ออำนวยความสะดวกความเชื่อมโยง การขนส่งสินค้าและประชาชนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้แวะเยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจพิเศษของท่าเรือน้ำลึกหวุ๋นอ๋าง ที่สามารถเชื่อมโยงได้ทั่วโลก โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงถนนทางหลวง R12 และเสนอให้รัฐบาลนำเส้นทางดังกล่าวเข้าบรรจุในข้อตกลงการอำนวยความสะดวกการขนส่งภายใต้กรอบลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross Border Trade Agreement) เพื่อส่งเสริมการไปมาหาสู่กันและร่นระยะเวลาการขนส่งระหว่างกัน ฝ่ายเวียดนามขอพิจารณาการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรแก่สินค้าศักยภาพ เช่น อาหารทะเล และเอกอัครราชทูตฯ ขอให้จังหวัดพิจารณาเชิญผู้แทนภาคเอกชนไทย สปป.ลาวและเวียดนาม ร่วมเดินทางกับคณะผู้แทนภาครัฐ เพื่อหารือถึงการร่วมทุนเพื่อเปิดเส้นทางเดินรถโดยสาร ไทย-ลาว-เวียดนาม ผ่านเส้นทาง R12 ทั้งนี้เอกอัครราชทูตฯ และรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หอการค้าได้เข้าร่วมการประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ครั้งที่ 22ประกอบด้วย จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม และสกลนคร แขวงบอลิคำไซ แขวงคำม่วน จังหวัดเหงะอาน ฮาติ๋งห์ และกวางบิ่งห์ ซึ่งที่ประชุมได้รายงานผลการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกมิติ โดยที่ประชุมเอกอัครราชทูตฯ เสนอวาระสำตัญให้มีแนวทางปฏิบัติดังนี้ 1.การพัฒนาให้เส้นทาง R12 เป็นระเบียงเศรษฐกิจโดยผลักดันให้เกิดการลงทุนบนเส้นทาง อาทิ ธุรกิจท่องเที่ยวและสถานีบริการยานพาหนะและผู้เดินทาง เพื่อให้ทั้งสามประเทศได้ประโยชน์ร่วมกัน 2.ให้ภาคเอกชนพิจารณาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนการรถโดยสารสามฝ่ายระหว่างไทย สปป. ลาวและเวียดนาม 3.จัดตั้งการหารือกลุ่มย่อยในเรื่องที่ต้องมีการพิจารณารายละเอียดและคัดเลือกประเด็นสำคัญขึ้นหารือระหว่างผู้บริหารจังหวัดในที่ประชุมใหญ่ เพื่อต่อยอดและกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป 4.เพิ่มจังหวัดของไทยที่มีความสัมพันธ์กับเวียดนามและ สปป.ลาวเข้าร่วมประชุมเพิ่มเติม อาทิ จ.อุดรธานีและ จ.อุบลราชธานี และ 5. เชิญให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทเดินรถ เข้าร่วมการประชุมเพิ่มเติมและอาจะแยกหารือกันโดยตรงแบบกลุ่มย่อยเป็นเรื่อง ๆ ไป

ที่มา: https://mgronline.com/business/detail/9620000093893

การลงทุน 6 รายการได้รับไฟเขียวจาก MIC

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผ่านมาคณะกรรมการการลงทุนของเมียนมาร์ (MIC) ได้อนุญาตให้มีการลงทุน 6 รายการมูลค่า 147.903 ล้านเหรียญสหรัฐและ 2,000 ล้านจัต ประกอบด้วยปศุสัตว์, การผลิต, โรงแรมและการท่องเที่ยว, บริการอื่น ๆ และเหมืองแร่สามารถสร้างงาน 1,083 ตำแหน่งสำหรับคนในท้องถิ่น ตั้งแต่ปี 31 ถึงสิงหาคม 2562 จำนวนธุรกิจ 1,806 แห่งจาก 50 ประเทศได้ลงทุน 81,597.743 ล้านใน 12 ภาคธุรกิจ นักลงทุนชั้นนำ ได้แก่ สิงคโปร์ จีน และไทย แบ่งเป็นน้ำมันและก๊าซคิดเป็นสัดส่วน 27.48% การผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 25.95% และภาคการผลิต 14.01% ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึง 14 ก.ย.ในปี 61-62 การลงทุนจากต่างประเทศ 262 รายมูลค่า 2594.544 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่า FDI รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนถึง 3959.640 ล้านเหรียญสหรัฐ จนถึงวันที่ 14 ก.ย. 61-ปัจจุบัน MIC อนุญาตให้ลงทุนภายใต้กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษมีมูลค่า 362.280 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน FDI มีมูลค่ารวม 4321.920 ล้าน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/six-investments-get-green-light-from-mic

กฎหมายประกันสังคมมุ่งมั่นเพื่อความเท่าเทียมกันด้านการดูแลสุขภาพ สปป.ลาว

ระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการสื่อเรื่องการเผยแพร่กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม กระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวกล่าวถึงคุณลักษณะที่สำคัญของกฎหมาย และบริการด้านสุขภาพและการรักษา ทบทวนความไม่พอใจของผู้ป่วยกับการดูแลที่ได้รับ รวมถึงทัศนคติของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล รองผู้อำนวยการ NSSF กล่าวว่าสมาชิกทุกคนมีสิทธิ์ได้รับการตรวจสุขภาพและการรักษาผ่านกองทุนภายใต้กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม ประโยชน์ของการเป็นสมาชิกรวมถึงการจัดหาเงินทุนเพื่อจ่ายสำหรับการคลอดบุตร การบาดเจ็บ จากการทำงานและการเจ็บป่วยเงินบำนาญชราภาพ ต้นทุนงานศพ ผลประโยชน์ครอบครัวที่รอดชีวิตและผลประโยชน์การว่างงาน  ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคมแห่งชาติหรือไม่ ควรได้รับมาตรฐานการรักษาเดียวกันกับนโยบายสุขภาพของรัฐบาล องค์กรประกันสังคมที่เกี่ยวข้องสำหรับภาครัฐและเอกชนได้รับการรวมเข้าด้วยกันโดยกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเข้าสู่ NSSF มาตรา 55 และ 56 ของกฎหมายประกันสังคม กำหนดให้นายจ้างที่ไม่ใช่ภาครัฐมีส่วนร่วม 6 % ของเงินเดือนของพนักงานต่อกองทุนและอีก 5.5 % ที่จะได้รับเงินสมทบจากพนักงานประกันตน ในทางปฏิบัติเงินสะสมของพนักงาน 5.5 % ควรถูกหักออกจากเงินเดือนของพนักงานและนายจ้างจ่ายให้กับกองทุน พนักงานของรัฐบาลจะมีเงินเดือน 8.5 % ของเงินเดือนของพวกเขาที่จ่ายให้กับ NSSF โดยรัฐบาลและจำเป็นต้องมีส่วนร่วมเพิ่มเติม 8% ด้วยตนเอง

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Social_215.php

รัฐบาลสปป.ลาวปล่อยข้าวที่สต๊อกไว้เพื่อลดราคาในตลาด

รัฐบาลอนุมัติให้มีการจำหน่ายข้าวสารบรรจุหีบห่อจำนวน 2,000 ตันเพื่อลดราคาในตลาดสูงหลังจากขาดแคลนอุปทานทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นกว่าปกติ 20% ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้บริโภคและลดความยากลำบากของผู้คนที่มีรายได้ระดับต่ำและปานกลาง กรมอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของนครหลวงเวียงจันทน์ได้สั่งให้ the Khamphaengphet Chaengsavang Agriculture Promotion Co., Ltd. ขายข้าว 2,000 ตันหลังจากรัฐบาล ข้าวเหนียวเกรด B ขัดมันมีจำหน่ายที่ 5 แห่งในเวียงจันทน์ราคา 6,500 kip ต่อกิโลกรัมตั้งแต่วันที่ 23-30 ก.ย. ข้าววางขายที่ ตลาด Xaoban Sa-ard  รัฐวิสาหกิจอาหารของเวียงจันทน์ ในหมู่บ้านสีหอม และที่สปป.ลาว – ​​ไอทีซีซี นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดสดออสซี่ และที่โรงสีนางจันทร์เพ็ญ ในหมู่บ้านนาสิวอำเภอนาเกลือ ข้าวที่เก็บไว้ในคลังได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลซึ่งมอบให้แก่บริษัท 10,000,000 กีบตั้งแต่ปี 58 โครงการดังกล่าวสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกข้าว ซึ่งรัฐบาลเก็บสำรองข้าวเป็นประจำและมีจำหน่ายทุกปีซึ่งสามารถวางขายได้เมื่อราคาตลาดของวัตถุดิบหลักสูงจนไม่อาจยอมรับได้

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-govt-releases-stockpiled-rice-lower-market-price-105063

การไฟฟ้าเวียดนามวางแผนกู้เงินขยายโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 278 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐบาลเวียดนาม ในวันพุธที่ผ่านมา เปิดเผยว่าการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) กิจการด้านสาธารณูปโภคของรัฐ จะกู้ยืมเงินราว 6.45 ล้านล้านด่อง (278 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อนำมาขยายโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใกล้กรุงฮานอย ซึ่งจากการขยายโรงงานหว่าบิ่น (Hoa Binh) อายุ 25 ปี ที่มีความสามารถในการผลิต 480 – 2,400 เมกะวัตต์ โดยตามแผนของโครงการ จะเริ่มต้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 และจะสิ้นสุดของโครงการในปี 2566 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเวียดนามไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนของการไฟฟ้าเวียดนามในครั้งนี้ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings Fitch) ยืนยันว่าคงอันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ EVN “BB” ขึ้นเป็นบวก

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/companies/vietnam-state-utility-evn-to-borrow-278-mln-to-expand-hydro-plant-3987642.html