ภาคเอกชนวอนคลัง-แบงก์ชาติช่วยดูแลค่าบาทด่วน

ประธานสมาคมธนาคารไทยเปิดเผยว่า กกร.ยังมีความกังวลต่อเรื่องเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นไปอีกหากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ยิ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถการแข่งขันภาคการส่งออกและการลงทุนของไทย จึงอยากให้ภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทยหารือและออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าโดยด่วน ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าวว่าตั้งแต่ต้นปีเงินบาทแข็งค่า 10% เมื่อเทียบกับจีนและแข็งค่ามากถึง 14% เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ ซึ่งจะส่งผลกระทบชัดเจนเรื่องการเข้ามาลงทุนในไทย และเรื่องค่าบาทแข็งยังกระทบกับส่งออกและการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยธปท.และกระทรวงการคลังต้องหารือกัน เช่น อาจมีเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่าย หรือสนับสนุนนำนักลงทุนไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น มาตรการป้องปรามการเก็งกำไร หรือช่วยเรื่องวงเงินพันธบัตรก็เป็นสิ่งที่ช่วยได้ และต้องผลักดันให้ออกเร็วขึ้น อีกทั้งประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่าสิ่งที่ภาคเอกชนต้องช่วยตัวเองคือเสนอราคาให้เป็นเงินบาทในการค้าขายสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ประเทศในเอเชียตอนใต้หรือออสเตรเลีย เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินผันผวน และต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนมาตรการใดก็ได้ในช่วงบาทแข็ง เช่น การนำเข้าเครื่องจักรเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต เป็นต้น

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/729696

เวียดนามเผยมีการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพพุ่งสูงขึ้น 48%

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 มีการลงทุนในกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพเวียดนามอยู่ที่ 246 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเกาหลีใต้เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุดในเวียดนาม รองลงมาสิงคโปร และญี่ปุ่น ตามลำดับ เวียดนามเล็งเห็นการขยายตัวของโครงการขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น และคาดว่าในปีนี้ กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพเวียดนามจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 50-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อครั้ง ซึ่งหากสถานการณ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจเวียดนามแตะระดับ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และไม่อีกกี่ปีข้างหน้า มูลค่าของธุรกิจเวียดนามจะเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต่างชาติสนใจลงทุนในเวียดนาม เนื่องมาจากโครงสร้างของเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่ในช่วงก่อตัวอย่างแข็งแกร่ง และประชากรเวียดนามมีปริมาณการใช้โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ มูลค่าการลงทุนในเวียดนามอยู่ที่ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จ่อีกกี่ปีข้างหน้า อาตตะระดับ 500 ล้านดอลลารเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา :   https://e.vnexpress.net/news/business/data-speaks/investment-in-startups-up-48-pct-3977006.html  

จังหวัดด่งนายเกินดุลการค้า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 8 เดือนของปี 2562

จากข้อมูลของสำนักสถิติเวียดนาม เปิดเผยว่านครด่งนายเกินดุลการค้า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 โดยมูลค่าการส่งออก 12.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 10.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ส่งผลให้นครด่งนายเกินดุลการค้า ซึ่งคณะกรรมการประชาชนเวียดนาม ระบุว่าการขยายตัวของการส่งออกในจังหวัด มีอัตราการขยายตัวลดลง เป็นผลมาจากการส่งออกของสินค้าเกษตรในท้องถิ่นลดลง ได้แก่ มะม่วงหิมพานต์ พริกไทย กาแฟ และยางพารา เป็นต้น นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของนครด่งนาย รองลงมาญี่ปุ่น และจีน ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน นครด่งนายนำเข้าสินค้าสำคัญจากเกาหลีใต้ จีน และไต้หวัน เช่น อาหารสัตว์ ข้าวโพด พลาสติก เป็นต้น

ที่มา :   https://en.vietnamplus.vn/dong-nai-sees-21billionusd-trade-surplus-in-eight-months/159927.vnp

การก่อสร้างถนนทวายถึงกาญจนบุรีเริ่มในไม่ช้า

คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายเผยมีการเชิญชวนให้ประกวดราคาโครงการก่อสร้างถนนทวาย – กาญจนบุรีสองเลนจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ซึ่งโครงการถนนเป็นองค์ประกอบสำคัญของเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ซึ่งงานก่อสร้างต้องดำเนินโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โครงการจะดำเนินการโดยเร็วที่สุดหลังจากทำสัญญาเงินกู้กับไทย โครงการนี้เป็นการยกระดับถนนลูกรังที่มีอยู่และ Pyidaungsu Hluttaw (สภาสหภาพ) ได้อนุมัติให้กู้ยืมเงินจากไทยคาดว่าจะมีการทำสัญญาเพิ่มเติมในไม่ช้า โดยเงินกู้จะอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท (220.6 พันล้านจัต) เวลา 30 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.1% และปลอดดอกเบี้ยใน 10 ปีแรก แม้ว่าจะมีการลงนามข้อตกลงกับ บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในสร้างเฟสแรก ในปี 51 แต่ได้ระงับในปี 56 เนื่องจากไม่พอใจต่อผลการดำเนินงาน ในปี 58 มีการประกวดราคาและบริษัทอิตาลี – ไทยอีกได้รับเลือกอีกครั้งถึงแม้โครงการจะมีขนาดเล็กลง โครงการคาดว่าจะมี 9 โซนในตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเ ช่น ถนน สิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือ และด้านพลังงานก่อน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/dawei-kanchanaburi-road-construction-expected-start-soon.html

เมียนมาเตรียมเจรจาส่งออกเมล็ดข้าวฟ่างไปยังไทย

ส่งออกของลูกเดือยธัญพืชมายังไทยผ่านชายแดนเมียนมา – ไทยในเมียวดีได้หยุดชะงักลงตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.62 เป็นต้นมา ซึ่งประธานสมาคมการค้าชายแดนเมียวดีกำลังได้คำตอบจากการเจรจาที่ค่ายการค้าชายแดนเพื่อหารือการส่งออกอีกครั้ง หลังพบลูกเดือยธัญพืชประมาณ 100,000 ตันถูกเก็บไว้ที่เขตการค้าชายแดนเมียวดีเนื่องจากมีภัยธรรมชาติและปัญหาการขนส่งจึงไม่สามารถส่งออกได้ตามวันที่กำหนด ปัจจุบันพบว่ากลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) จากไทยมีความต้องการสูงมาก ซึ่งทางสมาคมฯ ได้หารือกับบริษัทใหญ่ๆ ผ่านกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาทางส่งออกธัญพืชที่ถูกกักตุนในเขตการค้าชายแดน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/diplomatic-means-will-be-sought-for-exporting-millet-grains-to-thailand

ธนาคารกลางสปป.ลาวกำหนดมาตรการรักษาเสถียรภาพ

ธนาคารแห่งสปป.ลาวได้กำหนดมาตรการเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ค่าเสื่อมราคาของกีบเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ธนาคารได้ปรับปริมาณเงินในระดับที่เกี่ยวข้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน นอกจากนี้ธนาคารได้ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวที่มีการจัดการเพื่อรักษามูลค่าของกีบที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาเสถียรภาพของกีบคือการจำกัดอุปสงค์และเพิ่มอุปทานของสกุลเงินต่างประเทศในประเทศ ธนาคารเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนและประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่ผลิตสินค้าสำหรับตลาดต่างประเทศ ในขณะเดียวกันผู้บริโภคจำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการซื้อสินค้า บริการนำเข้าและบริการฟุ่มเฟือยน้อยลง นอกจากนี้ธนาคารได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นเนื่องจากภาคส่วนนี้สร้างเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Central.php

เว็บไซต์ท่องเที่ยวของเวียงจันทน์เปิดระบบตั้งค่าให้รับ WiFi ฟรี

การประชุมเชิงปฏิบัติการและการเปิดตัวของระบบ Wifi ฟรี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการสาธารณะและการท่องเที่ยวในสปป.ลาว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไปรษณีย์ โทรคมนาคมและการสื่อสารกล่าวว่าโครงการนี้เป็นโอกาสที่ดีในการใช้เงินทุนจากองค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก ในการติดตั้ง WiFi ฟรีสำหรับการใช้งานโดยบุคคลทั่วไปและผู้มาเยี่ยมชม โครงการนี้จะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในสถานที่ที่เข้าเยี่ยม ซึ่งจำนวนผู้มาเยือนสปป.ลาวเพิ่มขึ้น มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,100,000 คนในปี 61 สร้างรายได้มากกว่า 810 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขเหล่านี้ได้สนับสนุนกระทรวงไปรษณีย์ โทรคมนาคมและการสื่อสารในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลได้กว้างขึ้น สอดคล้องกับกระแสดิจิตอลในปัจจุบัน โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในประเทศ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/vientiane-tourist-sites-set-get-free-wifi-103349

การเพิ่มขึ้นของสัญญาระหว่างเกษตรกรและผู้ค้าในกัมพูชา

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่ารูปแบบการทำสัญญาที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและการเข้าถึงตลาดให้กับเกษตรกร โดยกระทรวงต่างประเทศประกาศว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมมีการทำสัญญาโครงการของเกษตรกรรมรวม 91 โครงการ ทั้งภาคการผลิต ข้าว, อ้อย และปศุสัตว์ ซึ่งมีเกษตรกรรายย่อยเข้าร่วมถึง 7,897 ราย ร่วมทำสัญญาทั่วประเทศ โดยในการทำสัญญาผู้ซื้อจะลงนามในข้อตกลงกับเกษตรกรสำหรับการผลิตและการส่งมอบพืชผลที่จะส่งมอบในอนาคต ซึ่งจะกำหนดปริมาณคุณภาพและราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยรัฐบาลกัมพูชามองว่าการทำสัญญาเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลิตภาพ ในขณะที่เอื้อประโยชน์ต่อคนทุกฝ่าย ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงเกษตรกรกับ บริษัท ต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตข้าวที่เป็นสมาชิกสหพันธ์ข้าวของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50639917/contract-farming-schemes-rising-ministry/

กัมพูชาติดอันดับหนึ่งในห้าผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์ไปยังสหภาพยุโรป

ความต้องการข้าวอินทรีย์ในสหภาพยุโรปและตลาดสำคัญอื่นๆ เช่นสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และจีนพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคมีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จากตัวเลขของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา รายงานว่าการส่งออกข้าวอินทรีย์ของกัมพูชาอยู่ที่ 8,467 ตัน ไปยังสหภาพยุโรปคิดเป็น 3.9% ของการนำเข้าข้าวอินทรีย์ทั้งหมด โดยสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์รายใหญ่ที่สุดไปยังสหภาพยุโรปคิดเป็นเกือบ 70% ของตลาดทั้งหมด ตามด้วยปากีสถาน 10% และอินเดีย 9% ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 โดยมีการส่งออกอยู่ที่ 4.9% ของตลาด (10,522 ตันในการส่งออก) กว่าประมาณ 90% ของการส่งออกข้าวอินทรีย์ทั้งหมดของกัมพูชาเมื่อปีที่แล้วมาจาก Amru Rice Cambodian ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกข้าว 626,225 ตัน ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดในการส่งออกข้าวของกัมพูชาคือสหภาพยุโรป คิดเป็นเกือบ 270,000 ตัน คิดเป็น 42.9%

ที่มา:https://www.khmertimeskh.com/50639919/cambodia-among-top-five-exporters-of-organic-rice-to-the-eu/

เวียดนามเผยยอดการค้ารวมเพิ่มขึ้น 7.3% ในช่วง 8 เดือนแรก

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีมูลค่าการค้ารวม 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสินค้าส่งออกหลักของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ และชิ้นส่วน เป็นต้น ซึ่งทำให้เวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม ในขณะที่ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเวียดนามรายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่า 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3 yoy รองลงมาสหภาพยุโรป จีน และอาเซียน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าผู้ประกอบการควรคำนึงถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า (Origin of goods) เพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-export-turnover-up-73-percent-in-eight-months/159828.vnp