คณะกรรมการกลางว่าด้วยการกำกับดูแลการไหลเวียนของการค้าและสินค้า หารือเรื่องการจำหน่ายเชื้อเพลิง และมาตรการเพื่อเพิ่มการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร

Mya Tun Oo รัฐมนตรีสหภาพสมาชิกสภาบริหารแห่งรัฐ และประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยการกำกับดูแลการไหลเวียนของการค้าและสินค้า ได้กล่าวปราศรัยในการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/2566 ที่กรุงเนปิดอว์เมื่อวานนี้ ว่ามีการเตรียมการอย่างเป็นระบบเพื่อให้แน่ใจว่ามีเชื้อเพลิงเพียงพอที่สถานีบริการน้ำมันและจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงในสต็อก ในทางกลับกันยังกำกับดูแลการต่อต้านการค้าเชื้อเพลิงที่ผิดกฎหมายอีกด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการยังเน้นไปที่มาตรการเชิงปฏิบัติสำหรับการนำเข้า การจัดเก็บ และการจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และพิจารณาว่าเชื้อเพลิงที่นำเข้ามีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานคุณภาพหรือไม่ ในทำนองเดียวกัน มีการแจกจ่ายน้ำมันสำหรับใช้ปรุงอาหารอย่างเพียงพอไปยังภูมิภาคและรัฐ รวมถึงกรุงเนปิดอว์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเสถียรภาพต่อตลาดและราคาสินค้า อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีสหภาพฯ กล่าวต่อว่าในสมัยนั้นมีการใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น ข้าว ถั่ว ข้าวโพด งา และยางพารา นอกจากนี้ยังต้องกำกับดูแลการส่งกลับรายได้จากการส่งออกตามขั้นตอนที่กำหนดและจะจัดลำดับความสำคัญของการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับเขตอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าส่งออก และเน้นย้ำถึงความร่วมมือกับ UMFCCI สมาคมพี่น้อง และองค์กรที่เกี่ยวข้อง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/central-committee-on-ensuring-smooth-flow-of-trade-and-goods-discusses-fuel-distribution-measures-to-increase-export-of-farm-produce/#article-title

เมียนมาร์กระตุ้นการส่งออกถั่วพัลส์ตามเป้าหมายประจำปี โดยส่งออกไปแล้ว 1 ล้านตัน

สมาคมผู้ค้าถั่วพัลส์ ถั่ว ข้าวโพด และเมล็ดงาของเมียนมาร์ รายงานว่า ด้วยการส่งออกพัลส์ในปัจจุบันมากกว่า 1 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่ทางทะเล ในปีงบประมาณนี้ คาดการณ์ว่าสมาคมจะบรรลุเป้าหมายประจำปีตามปกติอยู่ที่ประมาณ 1.5 ถึง 2 ล้านตันต่อปี โดยการค้าทางทะเลถือเป็นช่องทางหลักในการส่งออก ในขณะที่เส้นทางชายแดนส่วนใหญ่ใช้สำหรับขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีน ท่ามกลางความยากลำบากในการขนส่งทางถนน ทั้งนี้ ในบรรดาประเทศปลายทาง อินเดียถือเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่เมียนมาร์มีการส่งออกสินค้าประเภทดังกล่าว โดยการส่งออกไปยังอินเดียส่วนใหญ่ผ่านทางทะเล เนื่องจากการค้าชายแดนเป็นเรื่องยากในการขนส่ง อย่างไรก็ดี ตามข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 17 พฤศจิกายน ปีงบประมาณนี้ เมียนมาร์มีรายได้มากกว่า 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกถั่วพัลส์มากกว่า 1 ล้านตัน รวมถึงถั่วดำและถั่วแฮะ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-pulses-export-on-track-to-meet-annual-target-with-1-mln-tonne-already-shipped/

ADB ร่วมกับ MPWT สร้างโครงการฝังกลบในพระตะบอง มูลค่า 6.28 ล้านดอลลาร์

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ร่วมมือกับกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (MPWT) ในการก่อสร้างหลุมฝังกลบแบบควบคุมขนาด 20 เฮกตาร์ ในจังหวัดพระตะบองสำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของประชากรในชุมชนที่มีอยู่ราว 126,000 คน ด้วยกำลังการกำจัดขยะ 100 ตัน ต่อวันเป็นเวลา 10 ปี ด้วยเม็ดเงินลงทุนในโครงการมูลค่า 6.28 ล้านดอลลาร์ ภายใต้ชื่อโครงการการจัดการสิ่งแวดล้อมในเขตเมืองครั้งที่สองในลุ่มน้ำทะเลสาบโตนเลสาบ โดยโครงการนำร่องได้เริ่มดำเนินการมาแล้ว 2 เดือน และพร้อมที่จะให้บริการแก่ชุมชนทั่วทั้งจังหวัด ซึ่งจุดฝังกลบดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากเทศบาลเมืองพระตะบอง 25 กิโลเมตร และห่างจากชุมชนเนื่องจากความกังวลด้านสุขภาพของประชาชนในระยะยาว โดยขยะทั้งหมดสามารถนำมาใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตก๊าซและปุ๋ยต่อไปได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501404698/adb-mpwt-build-6-28-million-landfill-project-in-battambang/

กัมพูชาดันระบบชำระเงินข้ามพรมแดนร่วมกับจีน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว

ภาคการท่องเที่ยวกัมพูชามีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการจัดทำข้อตกลงสำคัญอย่างข้อตกลงการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างจีนและกัมพูชา ซึ่งมีศักยภาพในการผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟู หลังได้รับผลกระทบมาจากโควิด-19 ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เกิดการใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วยการเสริมความสะดวกในการชำระเงิน ผ่านระบบภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว นอกจากข้อตกลงข้างต้นทั้งสองประเทศยังวางแผนที่จะผลักดันนโยบายส่งเสริมเที่ยวบินและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวระหว่างกันเพื่อที่จะส่งเสริมการเดินทางระหว่างกันมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวจีนในกัมพูชาสามารถชำระเงินโดยเข้าถึงระบบ Alipay ผ่านระบบ Bakong ของกัมพูชา และนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาในประเทศจีน ให้สามารถชำระเงินโดยใช้ระบบ Bakong เพื่อซื้อสินค้ากับผู้ขายที่ใช้ Alipay ในประเทศจีนได้สะดวกขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501404692/cross-border-payment-deals-with-china-to-catapult-tourist-numbers/

ไทยเตรียมขยายเส้นทางการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วโลกผ่านเครือข่ายทางรถไฟ

ไทยเตรียมขยายการเข้าถึงตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วโลกผ่านเครือข่ายทางรถไฟที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับเชื่อมโยงจีน รัสเซีย และสหภาพยุโรป โดยการเดินทางครั้งแรกของเครือข่ายรถไฟใหม่นี้ เริ่มต้นขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์โดยมีรถไฟออกจากสถานีมาบตาพุด เพื่อสนับสนุนการขนส่งโดยระบบรางผ่านเส้นทางรถไฟไทย-ลาว-จีน มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ภายใต้การขนส่งทางรถไฟเพื่อส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าวหอมมะลิ ทุเรียน และยางพารา ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทยได้อย่างมาก ช่วยส่งเสริมการเติบโตอย่างมั่นคงในภาคเกษตรกรรม ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ รักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยการขนส่งสินค้าครั้งแรกของรถไฟเส้นทางนี้ มีกำหนดขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทยไปยังเมืองเฉิงตู ประเทศจีน และต่อมาไปยังสหภาพยุโรปผ่านทางรถไฟ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการขนส่งสินค้าจากไทยไปยังเส้นทางรถไฟดังกล่าวนี้ โดยมีกำหนดเดินทางถึงเมืองเฉิงตูในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 และจะขยายการขนส่งไปยังรัสเซียและโปแลนด์ต่อไป

ที่มา : https://thainews.prd.go.th/en/news/detail/TCATG231211115434766

สปป.ลาว เชิญชวนทั่วโลกสนับสนุนแคมเปญ ” Visit Laos Year 2024″

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศใน สปป.ลาว รัฐบาลได้ติดต่อกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยส่งคำเชิญชวนให้ประเทศต่างๆ สนับสนุนแคมเปญ ” Visit Laos Year 2024″ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะมีส่วนช่วยการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ ด้วยวัตถุประสงค์นี้ สปป.ลาว จึงมุ่งเน้นไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจีน ซึ่งใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่ได้รับการพัฒนาสำหรับชื่อมโยงทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ สายการบินหลักๆ เช่น Lao Airlines และ China Eastern Airlines ในปัจจุบันได้ให้บริการเที่ยวบินตรงที่เชื่อมต่อเมืองสำคัญๆ ของทั้งสองประเทศ เช่น นครหลวงเวียงจันทน์และกว่างโจว รวมถึงคุนหมิงในจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาล สปป.ลาว ได้แสวงหาการสนับสนุนในระดับโลกเพิ่มเติมไม่เพียงแต่จีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไทยและเวียดนามด้วย ทั้งนี้ กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ระบุว่า ปี 2567 คาดว่าจะเป็นตัวเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 2.7 ล้านคน และสร้างรายได้ 401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/11/laos-targets-global-audience-for-visit-laos-year-2024/?fbclid=IwAR1stwiLNLvo5s5ZfIJXVrlwMKhZmqQAD9TceTM-m6Oi4fLBLxA4gXGnGjM

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) อนุมัติเงินทุนสองโครงการ เพื่อการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนในหลวงพระบาง

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้อนุมัติโครงการช่วยเหลือเงินทุนจำนวนสองโครงการสำหรับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนของเมืองหลวงพระบางที่เป็นเมืองมรดกโลก โครงการแรกเป็นการให้เงินกู้มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีกโครงการเป็นเงินช่วยเหลือจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาโครงการนำร่องภายใต้ยุทธศาสตร์เมืองบูรณาการและเมืองอัจฉริยะของหลวงพระบาง โดยมีแผนเบื้องต้นสำหรับการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยและการบำบัดน้ำเสีย สิ่งอำนวยความสะดวก ถนนและทางเดินเท้าในเมือง และพื้นที่สีเขียวสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ADB ได้กล่าวถึงการขาดความสำเร็จของเมืองในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกควบคู่ไปกับจำนวนนักท่อ งเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมและความเป็นอยู่ลดลง ADB จึงกำหนดให้เริ่มโครงการสร้างนวัตกรรมที่ครอบคลุมบ้าน ชุมชน และศูนย์ฝึกอบรมนักบินดูแลเด็กที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับบุคคลที่ต้องการศึกษาระดับอุดมศึกษา นอกจากนี้ โครงการริเริ่มนี้จะขยายทุนการศึกษาการฝึกอบรมสายอาชีพให้กับสตรีวิชาชีพที่ทำงานในภาคส่วนที่มีความสำคัญ เช่น น้ำประปา สุขาภิบาล งานสาธารณะ และการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ คือ ผลประโยชน์สำหรับผู้อยู่อาศัย 104,500 คน และการไหลบ่าเข้ามาของนักท่องเที่ยวกว่า 1.3 ล้านคนต่อปีภายในปี 2574

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/11/adb-greenlights-dual-funding-initiatives-for-sustainable-urban-development-in-luang-prabang/

‘เวียดนาม’ เผยยอดขายรถยนต์ลดฮวบ

ตลาดรถยนต์เวียดนามประสบกับยอดขายรถยนต์ที่ลดลง เนื่องจากความต้องการที่ซบเซาเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่าราคารถยนต์จะปรับตัวลดลง และมีการจัดโปรโมชั่นของบริษัทรถยนต์ต่างๆ ที่จะใกล้ช่วงซื้อสินค้าก็ตาม โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าจำนวนลูกค้าที่มาเยี่ยมชมศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไม่ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งจากการสอบถามของพนักงานขายรถยนต์รายหนึ่ง เผยว่าราคารถยนต์ที่ต่ำกว่า 40,983 ดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความยากลำบาก

ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ระบุว่ายอดขายรถยนต์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 29% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นับเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแบรนด์รถยนต์อย่าง Toyota Vietnam ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมียอดขายลดลง 42% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 หรือคิดเป็นจำนวนเกือบ 30,300 คัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-car-market-still-sees-sluggish-sales-as-tet-nears-2225403.html

CEO ของ Nvidia ตั้งเป้าที่จะตั้งฐานในเวียดนาม

เจนเซน หวง (Jensen Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Nvidia Corp กล่าวว่าในมุมมองของบริษัท มองเห็นถึงศักยภาพของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้ยืนยันว่ามีแผนที่จะตั้งฐานในเวียดนาม ในขณะที่รัฐบาลเวียดนามแถลงในวันที่ 10 ธ.ค. ว่าฐานดังกล่าวมีไว้เพื่อดึงดูดผู้คนที่มีความสามารถจากทั่วโลกในการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ บริษัท Nvidia ได้ลงทุนในเวียดนามไปแล้วราว 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีการเตรียมหารือในการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์กับบริษัทเทคโนโลยีของเวียดนาม

นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัทอินเทล (Intel) และอินเทลกำลังพยายามที่จะขยายไปสู่การออกแบบชิปและการผลิตชิปหากเป็นไปได้ เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน จึงได้สร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมเวียดนาม

ที่มา : https://www.straitstimes.com/business/nvidia-ceo-aims-to-set-up-a-base-in-vietnam

การส่งออกของเมียนมาร์มีมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา

ตามการรายงานของการค้าภายนอก กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาร์ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมสำหรับปีการเงินปัจจุบันปี 2566-2567 การส่งออกของเมียนมาร์มีมูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีสินค้าส่งออกได้แก่ ถั่วดำ ข้าว ข้าวหัก ข้าวโพด กรัมเขียว ยางพารา ถั่วพีเจ้น งา ถั่วลิสง หัวหอม มะขาม ขิง คอนยัค เมล็ดละหุ่ง เมล็ดกาแฟ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ฝ้าย มันสำปะหลัง แตงโม แตงกวา มะม่วงและกล้วยทิชชู่ในหมวดผลิตผลทางการเกษตร นอกจากนี้ ปลา กุ้ง ปู ปลาไหล และปลาแห้งยังเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ประมงอีกด้วย ทั้งนี้ เมียนมาร์ส่งออกสินค้าไปยัง 117 ประเทศระหว่างเดือนเมษายนถึงธันวาคม โดยมีประเทศคู่ค้าที่โดดเด่นซึ่งมีอุปสงค์สูง ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี โปแลนด์ เกาหลีใต้ อังกฤษ สเปน เบลเยียม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย อย่างไรก็ดี จีนกำลังส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอย่างแข็งขัน รวมถึงเสาเข็มวัสดุคอมโพสิต ไม้เนื้อดี ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ทำจากไม้ เสื้อผ้า น้ำตาล และสินค้าขั้นสุดท้ายอื่นๆ นอกจากนี้ รายงานระบุอีกว่าบริษัท 5,938 แห่งดำเนินธุรกิจส่งออกและนำเข้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เส้นทางทะเล เส้นทางการค้าชายแดน และเส้นทางการบิน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-reach-almost-us10-bln-in-last-eight-months/#article-title