เมียนมามีรายได้ 447 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการส่งออกข้าวโพดในปีงบประมาณ 2024-2025

ตามข้อมูลของสมาคมพ่อค้าข้าวโพดเมียนมา เมียนมาส่งออกข้าวโพดไปยังตลาดต่างประเทศมากกว่า 1.88 ล้านตันในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายนในปีงบประมาณปัจจุบัน 2024-2025 คิดเป็นมูลค่า 447 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าข้าวโพดรายใหญ่ของเมียนมา ปัจจุบันส่งออกไปยังจีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และบังคลาเทศ อย่างไรก็ดี ข้าวโพดของเมียนมาเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งจากผู้ซื้อจากต่างประเทศและโรงงานแปรรูปอาหารสัตว์ในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ข้าวโพดจะถูกส่งมายังประเทศไทยโดยได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากร ประเทศไทยอนุญาตให้มีการนำเข้าข้าวโพดโดยไม่เสียภาษีศุลกากร (โดยใช้แบบฟอร์ม D) ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 31 สิงหาคม 2567 นอกจากนี้ ประเทศไทยกำหนดอัตราภาษีสูงสุดที่ 73 เปอร์เซ็นต์สำหรับการนำเข้าข้าวโพดเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ปลูกหากมีการนำเข้าข้าวโพดในช่วงฤดูกาลของประเทศไทย ดังนั้น ผู้ค้าจึงเก็บข้าวโพดเพื่อส่งออกภายใต้การยกเว้นภาษี

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/myanmar-bags-us447m-from-maize-exports-in-fy-2024-2025/

อินโดนีเซียซื้อข้าวจากเมียนมากว่า 590,000 ตัน ครองอันดับหนึ่งในรายชื่อผู้ซื้อ

ตามข้อมูลของสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) อินโดนีเซียกลายมาเป็นผู้นำเข้าข้าวของเมียนมารายใหญ่ที่สุด โดยมีปริมาณมากกว่า 593,000 ตันในช่วง 9 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2024-2025 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน อันดับสองรองลงมาคือ จีน ที่นำเข้าข้าวของเมียนมา มากกว่า 410,000 ตัน รองลงมาคือเบลเยียม 274,400 ตัน ฟิลิปปินส์ 131,000 ตัน เซเนกัล 96,600 ตัน ไอวอรีโคสต์ 46,900 ตัน โมซัมบิก 44,200 ตัน สเปน 30,000 ตัน แคเมอรูน 27,100 ตัน เนเธอร์แลนด์ 17,500 ตัน โปแลนด์ 17,400 ตัน ไอวอรีโคสต์ 13,900 ตัน และอิตาลี 13,300 ตัน ทั้งนี้ สถิติของสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ระบุว่าการส่งออกข้าวและข้าวหักของเมียนมาพุ่งแตะระดับกว่า 2 ล้านตันในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม) ของปีงบประมาณปัจจุบัน 2024-2025 โดยมีมูลค่าประมาณ 948 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหพันธ์มีเป้าหมายที่จะส่งออกข้าวให้ได้ 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณ 2024-2025 (เมษายน-มีนาคม) อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์เมียนมาได้ร่วมมือกับหน่วยงานและสถาบันที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรลุเป้าหมายการส่งออกรายเดือนและต่อๆ ไป โดยขึ้นอยู่กับปริมาณการจัดหาข้าว ข้าวหัก พืชตระกูลถั่ว ข้าวโพด ยางพารา และการประมงจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถส่งออกข้าวได้ 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณ 2023-2024 สร้างรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ประธานสหพันธ์ข้าวเมียนมา กล่าวอีกว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางเมียนมาในการควบคุมรายได้จากการส่งออกทำให้การส่งออกข้าวเป็นอุปสรรค ส่งผลให้ผู้ส่งออกได้รับผลกระทบทางการเงิน นอกจากนี้ สภาพอากาศเอลนีโญยังทำให้การส่งออกข้าวได้รับผลกระทบด้วย

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/indonesia-buys-over-590000-tonnes-of-myanmar-rice-tops-buyers-list/#article-title

‘เวียดนาม’ ชูยุทธศาสตร์ผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ปลดล็อกโอกาส 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ศาสตราจารย์ด่าง เลือง โม (Dang Luong Mo) ผู้เชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์ กล่าวกับสำนักข่าว Hanoimoi เกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายของเวียดนามจากการแข่งขันของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก โดยตั้งแต่สหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรเวียดนาม เมื่อปี 1994 ทำให้เวียดนามมีโอกาสในการผลักดันอุตฯ เซมิคอนดักเตอร์ได้ แต่เวียดนามพลาดโอกาสครั้งสำคัญ เนื่องจากเหตุผลหลายประการ อย่างไรก็ดี นากยรัฐมนตรี ประกาศลงนามในมิติที่ 1018/QD-TTg ในการผลักดันยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จนถึงปี 2030 พร้อมวิสัยทัศน์ปี 2050 นับเป็นโอกาสและความท้าทายของเวียดนามที่จะก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีใหม่ ทั้งนี้ เวียดนามได้รับความสนใจจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก เช่น Renesas (ญี่ปุ่น) Intel (สหรัฐอเมริกา) และ Samsung (เกาหลีใต้) เป็นต้น

นอกจากนี้ ในปี 2030 อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ มีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้มากกว่า 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยมูลค่าเพิ่มของเวียดนามจะอยู่ระหว่าง 10% – 15%

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-semiconductor-strategy-unlocking-a-25-billion-opportunity-2367339.html

‘เวียดนาม’ เดินหน้าสร้างเสถียรภาพและขยายพื้นที่การเติบโตทางเศรษฐกิจ

รัฐบาลเวียดนามกำหนดให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการเร่งรัดและการทำลายข้อจำกัด เพื่อเอาชนะความยากลำบากและความท้าทาย โดยใช้ความมั่นคงเป็นพื้นฐานในการส่งเสริมการพัฒนา และการพัฒนาเป็นฐานสำหรับความมั่นคง เป้าหมายคือการบรรลุผลสูงสุดตามแผน 5 ปี 2564-2568

รองนายกรัฐมนตรี โฮ ดึ๊ก ฟ็อก (Ho Duc Phoc) ระบุว่าในปี 2567 สถานการณ์โลกและภูมิภาคยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน แม้จะมีความท้าทาย แต่เศรษฐกิจของเวียดนามยังคงฟื้นตัว โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ประมาณ 7% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่สภาแห่งชาติกำหนดไว้ที่ 6-6.5%

สำหรับงบประมาณของรัฐในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.96 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้น 15.6% จากปีที่แล้ว โดยรายได้ภายในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านดอง คิดเป็น 85% ของรายได้ทั้งหมด การประมาณการนี้แสดงถึงความยั่งยืนและความสามารถในการรับมือกับผลกระทบในบริบทของสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงมีความเสี่ยงและความท้าทาย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/building-larger-and-more-stable-growth-space-post143720.html

จังหวัดบ่อแก้วจัดเทศกาลดอกฝ้ายประจำปี

เทศกาลดอกฝ้ายประจำปีได้เริ่มขึ้นแล้วในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอต้นผึ้ง จังหวัดบ่อแก้ว โดยงานนี้เฉลิมฉลองการบานของดอกฝ้ายและมีกิจกรรมทางวัฒนธรรม การประกวดนางงาม การแสดงดอกไม้ไฟ และส่งเสริมการท่องเที่ยวผจญภัย นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกอล์ฟ การแสดงทางวัฒนธรรม และพิธีปิด ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เทศกาลนี้ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนและดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยปีที่แล้วจังหวัดบ่อแก้วได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 248,000 คน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_021_KApok_y25.php

โรงพยาบาลมิตรภาพ เตรียมปรับปรุงครั้งใหญ่ เพื่อยกระดับบริการทางการแพทย์

โรงพยาบาลมิตรภาพในเวียงจันทน์จะได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ การริเริ่มโครงการนี้ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนทั้งหมด 12.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากสหพันธรัฐรัสเซีย และดำเนินการโดยสำนักงานบริการโครงการแห่งสหประชาชาติ (UNOPS) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขของ สปป.ลาว เป้าหมายคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับการดูแลผู้ป่วย และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง สปป.ลาว กับรัสเซีย อย่างไรก็ดี โครงการนี้มุ่งเน้นความยั่งยืน การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และการเข้าถึงบริการสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับมารดาและทารก

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_021_Mittaphab_y25.php

อัตราอ้างอิงขายส่งน้ำมันปาล์ม YGN ลดลง

อัตราอ้างอิงราคาส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งลดลงเล็กน้อยเหลือ 7,245 จ๊าดต่อ viss สำหรับสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2025 จาก 7,255 จ๊าดต่อ viss ที่บันทึกไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่สิ้นสุดในวันที่ 26 มกราคม ตามข้อมูลของคณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันพืช คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันพืชภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้เฝ้าติดตามราคา FOB ในมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าขนส่ง ภาษีศุลกากร และบริการธนาคารเพื่อตัดสินใจอัตราอ้างอิงราคาขายส่งน้ำมันพืชรายสัปดาห์ในตลาด แม้จะมีราคาอ้างอิง แต่ราคาตลาดก็ยังคงอยู่ในระดับสูงเกินไป อย่างไรก็ดี คณะกรรมการแจ้งว่าบุคคลใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตั้งราคาและการจัดเก็บน้ำมันเพื่อพยายามปั่นราคาตลาดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายสินค้าและบริการที่จำเป็น ทั้งนี้ กรมกำลังทำงานร่วมกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันเมียนมาและบริษัทนำเข้าน้ำมันพืชเพื่อเสนอราคาน้ำมันปาล์มนำเข้าที่เหมาะสมสำหรับผู้บริโภค

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-rate-dips-2/

จัดสรร 8 พันล้านบาทสำหรับระบบโซลาร์เซลล์ชนบทในปีงบประมาณ 2024–2025

ในปีงบประมาณ 2024–2025 กรมพัฒนาชนบทกำลังดำเนินโครงการไฟฟ้าชนบท โดยนำระบบโซลาร์โฮมมาใช้ในหมู่บ้านต่างๆ ในรัฐฉาน (ตะวันออก) และภูมิภาคอิระวดี ที่ประสบปัญหาในการจ่ายไฟฟ้าผ่านโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติ โดยใช้งบประมาณจากกองทุนงบประมาณสหภาพกว่า 8 พันล้านจ๊าด ตามข้อมูลของกรมพัฒนาชนบท เนื่องจากมีหลายครัวเรือนที่กระจัดกระจาย ระยะทางระหว่างหมู่บ้านไกล และการเชื่อมต่อการขนส่งที่ไม่ดี อย่างไรก็ดี อูเมียวเมียว ผู้อำนวยการกองการไฟฟ้าชนบทของกรมพัฒนาชนบทกล่าวอีกว่า ระหว่างปีงบประมาณ 2016–2017 และ 2024–2025 หมู่บ้านเกือบ 10,000 แห่งทั่วประเทศได้รับประโยชน์จากโครงการไฟฟ้าชนบทโดยใช้ระบบโซลาร์โฮม ซึ่งเข้าถึงครัวเรือนประมาณ 450,000 หลังคาเรือนแล้ว

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/8-billion-allocated-for-rural-solar-systems-in-2024-2025fy/

จังหวัดคำม่วนวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในปี 2025

จังหวัดคำม่วนวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในปี 2025 โดยปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาบริการ และเพิ่มกิจกรรมใหม่ เช่น โหนสลิง ปีนหน้าผา และพายเรือคายัค ซึ่งทางการจะร่วมมือกับภาคธุรกิจ ร่วมกันปรับปรุงระบบเก็บรายได้ และเน้นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในสถานที่สำคัญ ได้แก่ ถ้ำหินปูน น้ำตก และสะพานเดินชมยอดไม้ที่ภูผาม่าน อย่างไรก็ดี ปี 2024 จังหวัดต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 800,000 คน และสร้างรายได้กว่า 1,000 พันล้านกีบ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_020_Kham_y25.php

สปป.ลาว และ UNFPA ทบทวนความก้าวหน้าและกำหนดลำดับความสำคัญสำหรับปี 2025

รัฐบาล สปป.ลาว และ UNFPA ได้ร่วมกันทบทวนความก้าวหน้าด้านสุขภาพและความเท่าเทียมทางเพศที่การประชุมประจำปีในเวียงจันทน์ โดยจุดมุ่งหมายหลัก ได้แก่ การพัฒนาระบบสาธารณสุข การวางแผนครอบครัว และการป้องกันความรุนแรงทางเพศ ซึ่งในแผนปี 2025 จะเน้นสุขภาพของมารดา การยุติการแต่งงานเด็ก และการปรับปรุงข้อมูลเพื่อการกำหนดนโยบาย อย่างไรก็ตาม UNFPA ยังให้ความช่วยเหลือแก่ผู้หญิงในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_020_Laos_y25.php