สปป.ลาวและญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงเปิดช่องทางการเดินทางระหว่างประเทศ

ญี่ปุ่นและสปป.ลาวลงนามข้อตกลงที่จะให้ชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวสามารถกลับมาเดินทางระหว่างสองประเทศได้ ซึ่งคาดการณ์จะเริ่มทำได้เร็วที่สุดในเดือนกันยายน ปัจจุบันญี่ปุ่นกำลังก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศริมแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในสปป.ลาวที่มีอัตราการเติบโตของภาคเศรษฐกิจที่ดีนอกเหนือจากความร่วมมือกับญี่ปุ่น สปป.ลาวยังได้ลงนามความร่วมมือระหว่างจีนและกลุ่มแม่น้ำโขลงที่ประกอบด้วย 6 ประเทศ ได้แก่ จีน กัมพูชา เมียนมาร์ สปป.ลาว ไทยและเวียดนาม การร่วมมือดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมสร้างในด้านความมั่นคงด้านอาหารและที่สำคัญช่วยส่งเสริมการค้าของสปป.ลาว แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้กลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขลงต้องหารือถึงแนวทางการป้องการแพร่ระบาดระลอกใหม่และมาตราการบรรเทาหรือฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง ซึ่งไทย จีน ญี่ปุ่น พร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขลงทั้งในด้านเงินทุน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการรับมือ COVID-19 เพื่อให้เศรษฐกิจสปป.ลาวกลับมาเติบโตได้ตามเป้าอีกครั้ง 

ที่มา : https://www.ttrweekly.com/site/2020/08/laos-and-japan-to-open-travel-channel/

รัฐบาลสปป.ลาวช่วยเหลือภาระหนี้แก่เอกชนเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ

รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะชำระหนี้ให้กับองค์กรเอกชนในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทต่างๆ เพื่อบรรเทาอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเงินจะถูกระดมจากการออกพันธบัตรและสถานบันการเงิน รัฐบาลได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้ ในขณะเดียวกันก็ผลักดันให้มีการพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลในการช่วย บริษัท ในท้องถิ่นลดผลกระทบจากวิกฤต Covid-19 แม้ว่าประเทศจะมีความตึงเครียดด้านงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ต้นปี 2018 ถึงต้นปี 2019 หนี้ของรัฐบาลที่เกิดขึ้นกับองค์กรเอกชนกว่า 3,000 พันล้านกีบ โดยรัฐบาลมีโครงการที่จะนำหนี้ดังกล่าวเข้าสู่ธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและลดภาระของรัฐบาลเอง เนื่องจากรายได้ของประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 78 ของแผนประจำปีในปี 2563 จึงจำเป็นต้องลดการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่จำเป็นรวมถึงบริหารจัดการหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดภาระของรัฐบาล รัฐบาลจะไม่เพียง แต่ตั้งใจที่จะลดการใช้จ่ายด้านการบริหารเท่านั้น แต่ยังเลื่อนงบประมาณการลงทุนของลงร้อยละ 50 สำหรับโครงการที่ลดลงจะไม่ส่งผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากนัก

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Mekong_164.php

รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นเยือนสปป.ลาว

รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้เดินทางเยือนสปป.ลาวเพื่อฉลองครบรอบ 65 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสปป.ลาวและญี่ปุ่น เสริมสร้างมิตรภาพอันยาวนานและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ ได้มีการหารือกันถึงความเป็นไปได้ของการอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยในประเทศ นักลงทุนและนักธุรกิจสามารถเดินทางระหว่างสองประเทศได้ในขณะที่ยังคงข้อกำหนดของการกักกันเป็นเวลา 14 วันที่บ้านหรือในพื้นที่อื่นที่กำหนดไว้ ผู้เดินทางจะได้รับการตรวจสอบตลอดการเข้าพัก แต่จะช่วยให้การค้าดำเนินต่อไปได้โดยฝ่ายสปป.ลาวมีความกระตือรือร้นที่จะเห็นธุรกิจของญี่ปุ่นย้ายการดำเนินงานไปยังสปป.ลาวมากขึ้น และยังหารือถึงความร่วมมือในด้านภัยพิบัติและการป้องกันโรค ความมั่นคงสาธารณะเสถียรภาพทางการเงินและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของทางด่วนเวียงจันทน์ – ฮานอยเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมต่อ และมีการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคซึ่งรวมถึงปัญหาทะเลจีนใต้และสถานการณ์ของเกาหลีเหนือตลอดจนความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ หลังจากการประชุมได้มีการจัดพิธีลงนามเพื่อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับความช่วยเหลือแบบให้เปล่า 2 โครงการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ที่โรงเรียนฝึกหัดครู โรงเรียนในเครือ 8 แห่งในสปป.ลาว และการจัดหารถโดยสารสาธารณะใหม่ที่จะให้บริการในเมืองเวียงจันทน์ นอกจากนี้ยังมีพิธีมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะนำไปสู่การรับมือกับโรคโควิด -19 ในสปป.ลาว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2020/08/24/japanese-foreign-minister-motegi-visits-laos/

ครม. แนะภาคการเงินและธุรกิจปรับปรุงนโยบายที่เอื้อต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

การประชุมประจำเดือนสิงหาคมของคณะรัฐมนตรีมีการหารือในหลายประเด็นรวมถึงรับรองกฎหมายเพิ่มเติมต่างๆ ประเด็นที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ครอบคลุมในเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยคณะรัฐมนตรีสั่งการเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงนโยบายเพื่อส่งเสริม SMEs รวมถึงการแก้ไขอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และการปรับปรุงขั้นตอนเข้าถึงกองทุนส่งเสริม SME ได้ง่ายและรวดเร็ว ในส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและอัตราเงินเฟ้อควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม นอกจากนี้รัฐบาลยังผลักดันการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ การจะทำตามแผนดังกล่าวได้สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือภาครัฐต้องคำนึงถึงประสิทธิด้านการเก็บภาษีเพื่อให้ได้ตรงตามเป้าหมายประจำปี ในที่ประชุมยังได้เห็นชอบในหลักการร่างกฎหมาย 3 ฉบับซึ่งจะถูกส่งเข้าสู่การประชุมสมัชชาแห่งชาติสมัยสามัญที่กำลังจะมีขึ้น และเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างภาคการค้า รัฐบาลพยายามสนับสนุนการผลิตในประเทศเพื่อลดการนำเข้าและส่งเสริมการส่งออกรวมถึงส่งเสริมการแคมเปญการท่องเที่ยวหลังโควิด -19 เพื่อทำให้เศรษฐกิจสปป.ลาวกลับมาเติบโตอีกครั้ง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Cabinet_163.php

การขาดดุลการคลังเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลสปป.ลาว

การขาดดุลการคลังที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศท่ามกลางวิกฤตโควิด -19 รัฐบาลประเมินว่าการขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มขึ้นจาก 6.69 ล้านล้านกีบ  เป็น 10.3 ล้านล้านกีบ ประธานคณะกรรมการการวางแผนการเงินและการตรวจสอบของสมัชชาแห่งชาติ กล่าวว่ารัฐบาลกำลังหาวิธีแก้ไขหนี้ของประเทศหลังจากที่รายได้ขาดแคลน ซึ่งหนี้มี 2 รูปแบบ คือหนี้ที่มาจากเงินทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความรับผิดที่รัฐบาลกู้ยืมมาเพื่อเป็นหลักประกันสำหรับรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้มีหลายวิธีที่รัฐบาลสามารถจัดการหนี้ได้โดยการแปลงหนี้เป็นการลงทุน เจรจาต่อรองหนี้และขายหุ้นของรัฐวิสาหกิจหรือทรัพย์สินที่รัฐบาลใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ รัฐบาลออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนมากขึ้น นักวิจารณ์กล่าวว่าการกู้ยืมเงินมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลนั้นเป็นไปได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวการขาดดุลอาจฉุดให้ประเทศกลายเป็นหนี้จากรายงานธนาคารโลกในเดือนมิ.ย. ในปี 63 หนี้สาธารณะคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 65% เป็น 68% ของ GDP  และคาดว่าภาระการชำระหนี้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 842 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 62 นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวกับรัฐสภาว่ารัฐบาลจะออกพันธบัตรในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อชำระหนี้ รัฐบาลจะเปลี่ยนหนี้ที่เป็นหนี้บริษัทเอกชนซึ่งดำเนินโครงการลงทุนของรัฐไปยังธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้และตัดการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่จำเป็น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Fiscal162.php

สหภาพยุโรปสนับสนุนเงินทุน 2.5 ล้านยูโร ในโครงการป้องกันและบรรเทา COVID-19

สหภาพยุโรปได้จัดหาเงินจำนวน 2.5 ล้านยูโรให้กับสปป.ลาวภายใต้โครงการที่ชื่อว่า“ Civil Society Action to Prevent and Mitigate Covid-19” ภายใต้ความร่วมมือ Plan International องค์กรภาคประชาสังคมสปป.ลาว และสมาคมพัฒนาการเกษตรและสิ่งแวดล้อม พวกเขามีเป้าหมายที่จะสนับสนุนรัฐบาลสปป.ลาวในการบรรเทาผลกระทบด้านสุขภาพสังคมและเศรษฐกิจจากการระบาด COVID-19 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานองค์กรภาคประชาสังคม นอกจากนี้ยังเสริมสร้างแผนการพัฒนาด้านสาธารณสุขรวมถึงให้ความสำคัญกับต่อเศรษฐกิจสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาความยากจนที่เป็นปัญหาที่สปป.ลาวเผชิญมาตลอด เงินทุนดังกล่าวจะเข้ามาช่วยทำให้สปป.ลาวพัฒนาต่อไปได้ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงในแต่ละด้าน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_EU161.php

สปป.ลาวมีความเสี่ยงจากกระแสการเงินที่ผิดกฎหมาย

สปป.ลาวอาจเสี่ยงต่อการไหลเวียนทางการเงินที่ผิดกฎหมาย (IFF) แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนในการตรวจสอบปัญหาและแหล่งที่มาของเงินที่ผิดกฎหมายซึ่งธนาคารโลกได้นิยาม“กระแสการเงินที่ผิดกฎหมาย” คือเงินที่ได้รับโอนหรือใช้อย่างผิดกฎหมายข้ามพรมแดน สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติเปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับกระแสการเงินที่ผิดกฎหมาย พบว่าประเทศที่กำลังพัฒนาที่อุดมด้วยทรัพยากรจำนวนมากต้องสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาลเนื่องจากกระแสการเงินที่ผิดกฎหมาย ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความพยายามในการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยสถาบันยังกล่าวอีกว่าประเทศกำลังพัฒนาสูญเสียเงิน 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีจากการโอนเงินที่ผิดราคาและการออกใบแจ้งหนี้               ที่ผิด การศึกษายังชี้ให้เห็นอีกว่าการจัดเก็บรายได้จากภาคทรัพยากรธรรมชาตินั้นต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่งสปป.ลาวพึ่งพาภาคทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลักในการเติบโตด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นปัญหาดังกล่าวจึงได้รับความสนใจมากขึ้นในฐานะความท้าทายในการพัฒนาที่สำคัญของประเทศ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos161.php

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬา รับรองแผนพัฒนาภาคการศึกษาและการกีฬา (ESSDP)

Mrs.Sengdeuane Lachanthaboun รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬา ได้ให้การรับรองแผนพัฒนาภาคการศึกษาและการกีฬา (ESSDP) พ.ศ. 2564-2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและสนับสนุนให้ประชาชนสปป.ลาวมีการศึกษาที่ดีขึ้นนอกจากนี้แผนยังครอบคลุมถึงการจัดการโครงสร้างทรัพยากรอย่างเหมาะสม ซึ่งแผนพัฒนาESSDP จะมีกรอบระยะเวลาในการดำเนินงาน 5 ปี โดยกระทรวงจะมุ่งเน้นไปที่ความรับผิดชอบและโครงการพัฒนาที่เฉพาะเจาะจงเช่น การศึกษานอกระบบการศึกษาปฐมวัย รวมถึงโครงการพัฒนาอาชีวศึกษา  Mrs.Sengdeuane Lachanthaboun กล่าวเพิ่มเติมว่า      “สิ่งสำคัญในการจะบรรลุเป้าหมายของแผนดังกล่าวได้ คือการประสานระหว่างหน่วยงานทั้งในและนอกประเทศที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้แก่สปป.ลาว รวมถึงการติดตามรายงานผลอย่างต่อเนื่องเพื่อกำหนดทิศทางของกลยุทธ์และแนวทางนโยบายต่างๆต่อไป”

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Education150.php

รายงานภาวะเศรษฐกิจครึ่งปี 63 เศรษฐกิจสปป.ลาวมีแนวโน้มที่ดี

ตามรายงานการประเมินเศรษฐกิจมหภาคที่เปิดเผยโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติพบว่าตัวชี้วัดเศรษฐกิจสปป.ลาวบางประการมีแนวโน้มที่ดีในช่วงครึ่งปีนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงตกต่ำและมีความไม่แน่นอนทั่วโลกจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ด้านการส่งออกพบว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเมื่อทางการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างสปป.ลาวและเพื่อนบ้าน ด้านการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติในสปป.ลาวลดลงร้อยละ 60 ในช่วงครึ่งปีนี้ ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตราการเพื่อบรรเทาและช่วยเหลือภาคต่างๆ รวมถึงธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินได้ชะลอการชำระคืนเงินกู้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเพื่อตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเพื่อบรรเทาและช่วยเหลือภาคธุรกิจ ปัจจุบันถึงแม้สถานการณ์การ COVID-19 ในสปป.ลาวจะดีขึ้นแต่ตัวชี้วัดสำคัญอย่างอัตราการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับที่ไม่เหมาะสม ทำให้รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกลับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างจริงจัง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Study.php

สปป.ลาวเผชิญกับการส่งเงินกลับประเทศที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

คณะกรรมการวางแผนการเงินและตรวจสอบของสมัชชาแห่งชาติและนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสกล่าวว่าการส่งเงินกลับประเทศในสปป.ลาวคาดว่าจะลดลงประมาณร้อยละ 50 ในปี 63 อันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด -19 ประธาน การส่งเงินกลับประเทศดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญในเศรษฐกิจสปป.ลาวและความพยายามลดความยากจน ซึ่งแรงงานข้ามชาติสปป.ลาวมากกว่า 100,000 คนได้เดินทางกลับบ้านจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ส่วนใหญ่ทำงานในประเทศไทยส่วนที่เหลือทำงานในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และแรงงานบางส่วนที่ทำงานในประเทศอื่น ๆ แต่มีจำนวนไม่มากนัก ตามรายงานของธนาคารโลกฉบับล่าสุดที่เปิดเผยเมื่อเดือนมิ.ย.ปีนี้ผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด -19 ส่งผลเสียต่อสปป.ลาวในการส่งเงินเข้าประเทศและอาจผลักดันให้ผู้คนจำนวนมากถึง 214,000 คนเข้าสู่ความยากจน นับตั้งแต่เกิดการระบาดส่งผลให้มีการส่งเงินกลับประเทศลดลงประมาณ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 0.7% ของ GDP ในปี 63 ครัวเรือนในสปป.ลาวประมาณ 9 % ได้รับการโอนเงินจากต่างประเทศและการส่งเงินคิดเป็น 60% ของรายได้ครัวเรือน ตามรายงานของธนาคารโลกรายได้ครัวเรือนของผู้รับลดลงอย่างมากอาจส่งผลให้อัตราความยากจนเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 – 3.1 % ในปี 63 อย่างไรก็ตามการหยุดชะงักของประเทศขัดขวางกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเงินในประเทศและรายได้ของคนในท้องถิ่น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_to_159.php