ยอดขายมันสำปะหลังพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความต้องการของจีนที่สูงแม้ราคาจะยังทรงตัว

ตามข้อมูลของผู้ปลูกมันเทศในตลาด ราคามันสำปะหลังในตลาดยังคงทรงตัว แม้ว่ายอดขายจะดีเนื่องจากมีความต้องการสูงจากประเทศจีน โดยราคาขายส่งมันสำปะหลังผงในตลาดอยู่ที่ประมาณ 3,000 จ๊าดต่อviss อย่างไรก็ดี จีนและอินเดียเป็นผู้ซื้อมันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดของเมียนมา รวมทั้งเมียนมาตั้งอยู่ระหว่างประเทศทั้งสอง ดังนั้นมันสำปะหลังจึงเป็นพืชที่สามารถแสวงหารายได้จากต่างประเทศให้กับประเทศเมียนมาได้ นอกจากนี้ ในอดีตมันสำปะหลังมีการปลูกแบบดั้งเดิมแต่ได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการกำหนดกรอบการผลิตซึ่งสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตได้ โดยผลผลิตหัวมันเทศสามารถขุดได้ภายใน 8 เดือน และผลผลิตสำเร็จรูปอาจลดลงหากขุดหลังจากผ่านไป 15 เดือน ในการทำต้นกล้าสามารถขุดได้หลังจากผ่านไป 10 เดือน และโอกาสที่จะถึงระยะปลูกอาจต่ำหากขุดหลังจาก 15 เดือน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/tapioca-powder-sales-surge-amid-high-chinese-demand-despite-steady-prices/#article-title

การส่งออกผลผลิตทางการเกษตรของเมียนมาร์เกิน 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ การส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมามีมูลค่ารวม 3.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567 ที่ผ่านมา (เมษายน-มีนาคม) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการลดลง 167.7 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565-2566 อย่างไรก็ตาม เมียนมาส่งออกผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ผ่านช่องทางการค้าทางทะเลและชายแดนเป็นหลัก ในขณะที่นำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบที่นำเข้าโดยองค์กร CMP และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นหลัก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-agri-produce-exports-exceed-us3-8b-in-fy-2023-2024/#article-title

การค้าต่างประเทศของเมียนมาดิ่งลงเกือบ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เผยว่า การค้าระหว่างประเทศของเมียนมากับคู่ค้าต่างประเทศมีมูลค่าทะลุ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567 ที่ผ่านมา (เมษายน-มีนาคม) ซึ่งบ่งชี้ว่าลดลงอย่างมากเกือบ 4 พันล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565-2566 ที่มีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 3.39 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี การส่งออกของเมียนมามีมูลค่ามากกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และการนำเข้ามีมูลค่ามากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมีการค้าทางทะเลเป็นส่วนหลักของการค้าระหว่างประเทศ โดบมูลค่าการค้าทางทะเลของเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 22.36 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่มูลค่าการค้าชายแดนอยู่ที่ 7.7 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-foreign-trade-plunges-nearly-us4b-in-fy-2023-2024/#article-title

การส่งออกภาคการผลิตทะลุ 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาเผยว่า มูลค่าการส่งออกจากภาคการผลิตทะลุ 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567 ซึ่งลดลง 2.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565-2566 ซึ่งมีการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปมูลค่า 10.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมูลค่ารวมจากการขนส่งสองรูปแบบ (ทางทะเลและชายแดนทางบก)  อย่างไรก็ดี เมียนมาส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ การประมง แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ สินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป และสินค้าอื่นๆ ในขณะที่นำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า CMP และสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/manufacturing-sector-exports-surpass-us8-8-bln-in-fy2023-2024/#article-title

ใบอนุญาตส่งออก/นำเข้าเป็นเอกสารก่อนเดินทางมาถึงท่าเรือ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา โดยกรมการค้า ประกาศเมื่อวันที่ 5 เมษายน เรื่อง จำเป็นต้องขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าก่อนมาถึงท่าเรือ หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับและโทษตามกฎหมายที่มีอยู่  ตามมาตราที่ 4 ของกฎหมายการส่งออกและนำเข้า ห้ามมิให้ผู้ใดส่งออกหรือนำเข้าสินค้าต้องห้าม ตามมาตรา 5 หากไม่ได้รับใบอนุญาต จะไม่อนุญาตให้ผู้ใดส่งออกและนำเข้าสินค้าที่ระบุซึ่งจำเป็นต้องขอใบอนุญาต ตามมาตรา 6 และผู้ได้รับใบอนุญาตจะต้องไม่ฝ่าฝืนเงื่อนไขใบอนุญาตตามมาตรา 7 ซึ่งตามที่ระบุความผิดและบทลงโทษ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึง ผู้ใดพยายามกระทำหรือสนับสนุนในการกระทำความผิดใดๆ ที่ได้รับตามกฎหมาย ต้องระวางโทษ และของกลางจะถูกริบ ดังนั้น กรมการค้าจึงเตือน ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าได้รับโทษสำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออกและนำเข้า คำสั่ง และแนวปฏิบัติ และแจ้งให้ขอใบอนุญาตก่อนเพื่อเป็นเอกสารก่อนมาถึงสำหรับการขนส่งทุกประเภททางอากาศ ทางทะเล และทางบก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/export-import-licences-now-mandatory-as-pre-arrival-documents-2/#

การเปลี่ยนแปลงของตลาดข้าวและแนวโน้มราคาก่อนเทศกาล Thingyan ในย่างกุ้ง

ตามรายงานของตลาด เนื่องจากช่วงวันหยุด Thingyan ใกล้เข้ามา ราคาของข้าวที่ไม่ใช่ข้าวพรีเมียมในฤดูร้อนชนิดใหม่จึงลดลงในตลาดย่างกุ้ง แม้ว่าราคาข้าวมรสุม (ทั้งที่ไม่ใช่ข้าวพรีเมี่ยมและพรีเมี่ยม) จะยังคงสูงอยู่ ซึ่งในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน 2024 ราคาข้าวใหม่ที่ไม่ใช่พรีเมี่ยม ฤดูร้อนอยู่ที่ 76,000 จ๊าดต่อถุง ซึ่งลดลงจาก 80,000 จ๊าดต่อถุง ณ สิ้นเดือนมีนาคม ปัจจุบัน ข้าวมรสุมที่ไม่ใช่พรีเมี่ยมมีราคาอยู่ที่ 86,000 จ๊าดต่อถุง ข้าวมรสุมที่ไม่ใช่พรีเมี่ยมที่เพิ่งเก็บเกี่ยว (พันธุ์ 90 วัน) อยู่ที่ 93,000 จ๊าด และข้าวมรสุมเก่าที่ไม่ใช่พรีเมี่ยม 90 วันอยู่ที่ 110,000 จ๊าดต่อ ถุง ข้าวพันธุ์ Pawkywe ใหม่มีราคาอยู่ที่ 100,000 จ๊าดต่อถุง ข้าวพันธุ์ Ayeyawady อยู่ระหว่าง 123,000 ถึง 141,000 จ๊าด และ ข้าวพันธุ์ Shwebo อยู่ระหว่าง 150,000 ถึง 160,000 จ๊าด ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดค้าส่งข้าวจะปิดทำการเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ตามที่ระบุไว้ในรายงาน นอกจากนี้ การขนส่งข้าวจากเมืองอื่นๆ ไปยังย่างกุ้งก็จะถูกระงับในช่วงหลายวันก่อนถึงเทศกาล นอกจากนี้ ผู้ค้าข้าวคาดการณ์ว่าความต้องการทั้งข้าวที่ไม่ใช่ข้าวพรีเมี่ยมและพันธุ์จะสูงตามหลังเทศกาล Thingyan ส่งผลให้ราคาในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rice-market-dynamics-and-price-trends-ahead-of-thingyan-festival-in-yangon/

เมียนมานำเข้าปุ๋ย 1.047 ล้านตันในปีงบประมาณ 2566-2567

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา ระบุว่ามีการนำเข้าปุ๋ยรวม 1.047 ล้านตันในปีงบประมาณ 2566-2567 โดย คณะกรรมการจัดซื้อและจัดจำหน่ายปุ๋ยยูเรีย รายงานว่า ได้พิจารณาอย่างรอบคอบและแนะนำให้ออกใบอนุญาตนำเข้าปุ๋ย 2 ล้านตันและยาฆ่าแมลง 37,000 ตันในปีงบประมาณที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งนี้ ปุ๋ยยูเรียรวม 4,900 ตัน และปุ๋ยผสม 21,000 ตัน ได้รับการกำหนดให้ใช้ในพื้นที่เพาะปลูก 120,000 เอเคอร์ใน 12 รัฐและภูมิภาค รวมถึงกรุงเนปิดอว์ ในโครงการปลูกพืชน้ำมันบริโภคในฤดูหนาว นอกจากนี้ ปุ๋ยยูเรีย 36,000 ตัน และปุ๋ยผสม 36,000 ตัน ได้รับการจัดสรรเพื่อใช้ในพื้นที่นาฤดูร้อน 720,000 เอเคอร์ใน 6 ภูมิภาคและรัฐ รวมถึงกรุงเนปิดอว์ด้วย อย่างไรก็ดี ปุ๋ยทั้งหมด 74,000 ตัน ซึ่งรวมถึงปุ๋ยยูเรียมากกว่า 3,700 ตัน และปุ๋ยผสม 37,000 ตัน คาดว่าจะใช้ในรัฐและภูมิภาค 10 รัฐ รวมถึงกรุงเนปิดอว์ สำหรับโครงการนาข้าวในฤดูมรสุม ปุ๋ยที่จำเป็นเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยนำเข้าที่สำคัญสำหรับโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจของรัฐ และสำหรับโครงการที่ไม่ครอบคลุมอยู่ในกองทุนนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดราคาปุ๋ยที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกร

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-imports-1-047-million-tonnes-of-fertilizers-in-2023-24-fy/

YCDC ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซมีเทน ที่มาจากการฝังกลบ

ตามที่คณะกรรมการพัฒนาเมืองย่างกุ้ง (YCDC) ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่โรงแรมชาเทรียมในย่างกุ้ง มีการอภิปรายเน้นย้ำถึงความร่วมมือของ YCDC และ GES Co., Ltd. ของเกาหลี ในการทำงานเพื่อทำการฟอกก๊าซมีเทนจากแหล่งทิ้งขยะขั้นสุดท้าย ในการฝังกลบขั้นสุดท้าย เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ ยังมีกระบวนการทำปุ๋ยหมักเพื่อลดปริมาณขยะเนื่องจากที่ดินหายาก นอกจากนี้ มีรายงานว่าก๊าซมีเทนจากหลุมฝังกลบจะถูกปล่อยออกทางท่อเพื่อป้องกันการเกิดเพลิงไหม้เนื่องจากความร้อน ดังนั้น การอภิปรายจึงมุ่งเน้นไปที่การใช้ก๊าซมีเทนอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากปริมาณขยะในเมืองย่างกุ้งเพิ่มขึ้นทุกปี และทั้งเมืองสามารถกำจัดขยะได้ 2,500 ตันต่อวัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ycdc-to-generate-electricity-with-methane-gas-from-landfills/#article-title

การส่งออกผลิตภัณฑ์ป่าไม้ของเมียนมาทะลุ 65.7 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 11 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาระบุว่า ณ วันที่ 22 มีนาคม การส่งออกผลิตภัณฑ์ป่าไม้ของเมียนมามีมูลค่า 65.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของปีการเงิน 2566-2567 โดยแบ่งเป็น 0.77 ล้านดอลลาร์จากภาครัฐ และกว่า 64.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากภาคเอกชน ในขณะเดียวกันช่วงปีงบประมาณ 2565-2566 ที่ผ่านมา การส่งออกผลิตภัณฑ์จากป่าของเมียนมามีมูลค่าอยู่ที่ 139.35 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เมียนมาได้ดำเนินยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) ปี 2563-2568 เพื่อส่งเสริมการส่งออก โดยมีภาคส่วนที่สำคัญของ NES ได้แก่ การผลิตทางการเกษตร เครื่องแต่งกายและเครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล , บริการโลจิสติกส์, การจัดการคุณภาพ, บริการข้อมูลการค้า, ภาคนวัตกรรมและผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-forest-product-export-surpasses-us65-7m-over-11-months/#article-title

MIC อนุมัติ 6 โครงการใหม่ การประกอบรถ EV การผลิตไฟฟ้า

คณะกรรมการการลงทุนเมียนมา (MIC) อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ 6 โครงการในระหว่างการประชุมครั้งที่ 4/2567 ที่จัดขึ้นที่กรุงเนปิดอว์เมื่อวานนี้ โดยโครงการลงทุนทั้ง 6 โครงการอยู่ในภาคอุตสาหกรรม โรงแรมและการท่องเที่ยว และไฟฟ้า รวมถึงการขยายเงินทุนเริ่มต้นของโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งการลงทุนโดยรวมมีมูลค่า 33.911 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 545,500 ล้านจ๊าด สร้างโอกาสในการทำงาน 1,349 ตำแหน่ง ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับไฟเขียว ได้แก่ การประกอบและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าภายใต้ภาคการลงทุนและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี สิงคโปร์ จีน และไทย เป็นนักลงทุนที่โดดเด่นที่สุด จาก 53 ประเทศที่ลงทุนในเมียนมาจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2567 นอกจากนี้ ในบรรดาภาคธุรกิจ 12 กลุ่มนั้น การลงทุนในด้านไฟฟ้า อยู่ที่ร้อยละ 28.48 ของการลงทุนทั้งหมด ในขณะที่ร้อยละ 24.44 อยู่ในน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และร้อยละ 14.43 อยู่ในภาคการผลิต

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mic-approves-6-new-projects-ev-assembly-power-generation-included/