‘ซาวิลส์’ เผยเวียดนามเนื้อหอม ยังคงดึงดูดนักลงทุน

จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ‘ซาวิลส์ เวียดนาม’ เปิดเผยว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทรนด์การลงทุนโลกในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักลงทุน เนื่องมาจากความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความยืดหยุ่นของประเทศ ทั้งนี้ นาย Troy Griffiths รองผู้จัดการบริษัท Savills สาขาเวียดนาม กล่าวว่าถึงแม้จะเผชิญกับแรงกดดันเงินเฟ้อระยะสั้น รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่ยังคงหดตัว แต่ทิศทางของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะกลางน่าจะเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวก และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งชาติเวียดนาม (SBV) จะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้กู้และสถาบันสินเชื่อ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-remains-attractive-for-investors-savills/266738.vnp

‘ยอดขายรถยนต์เวียดนาม’ เดือน ก.ย. ฟื้นเล็กน้อย โต 4%

สมาชิกของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) รายงานว่าเดือน ก.ค. สมาชิกของสมาคมฯ มียอดขายรถยนต์ทุกชนิดได้ 24,687 คัน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ สมาชิกของสมาคมฯ มียอดขายรถยนต์ทุกชนิดได้ 162,014 คัน ลดลง 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมียอดขายรถยนต์นั่ง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถยนต์เพื่อการใช้งานพิเศษ ลดลง 34%, 13% และ 63% ตามลำดับ ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์เวียดนามคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค. จนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม กำลังซื้ออาจไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1582810/viet-nam-s-automobile-sales-grow-slightly-in-july-from-previous-month.html

‘เมียนมา’ ส่งออกแร่ โกยรายได้ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือน (เม.ย.-ส.ค.) เมียนมาส่งออกแร่ไปยังต่างประเทศ ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 121,957 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าแร่ส่งออกสำคัญของเมียนมา ได้แก่ ทองคำ หยก ไข่มุก เพชร ตะกั่ว ดีบุก ทังสเตน เงิน ทองแดง สังกะสี ถ่านหิน และแร่อื่นๆ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าเมียนมาทำรายได้จากการส่งออกแร่ไปยังต่างประเทศ มูลค่ามากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 ธ.ค. ของปีงบประมาณ 2565-2566

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-gains-over-us120-mln-from-mineral-exports/#article-title

สปป.ลาว ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 2.7 ล้านคน ภายในปี 2024

ทางการ สปป.ลาว ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้กว่า 2.7 ล้านคน ภายในปี 2024 กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด กล่าวโดย Ounthuang Khaophan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาล สปป.ลาว ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการกำหนดยุทธศาสตร์ในการกระตุ้นการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยได้ประกาศให้เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยว” ในประเทศ สปป.ลาว และเพื่อบรรลุเป้าหมาย กระทรวงฯ กำลังเร่งหาแนวทางในการร่วมมือกับหน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่น เพื่อกำหนดแนวทางในการจัดกิจกรรมที่หลากหลายในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยปัจจุบัน สปป.ลาว มีแผนการจัดกิจกรรมระดับชาติ 14 กิจกรรม ได้แก่ เทศกาลวัดพูจำปาสัก เทศกาลช้าง เทศกาลสีโคตรบอง และเทศกาลธาตุหลวง เป็นกิจกรรมสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลปีใหม่ สปป.ลาว และกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเป็นจุดดึงดูดสำคัญ ควบคู่ไปกับการเฉลิมฉลองเหล่านี้กระทรวงยังได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่และสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ให้เกิดความหลากหลายในด้านสถานที่ท่องเที่ยว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/08/23/laos-sets-ambitious-target-to-attract-over-2-7-million-tourists-in-2024/

Acleda Bank ตั้งเป้าขยาย “KHQR” สู่ประเทศนอกกลุ่มอาเซียน

ธนาคาร Acleda จำกัด (มหาชน) วางแผนที่จะขยายระบบการชำระเงิน QR code ภายใต้ชื่อระบบ KHQR ไปยังกลุ่มประเทศนอกภูมิภาคอาเซียน โดยแผนดังกล่าวจะถูกนำไปขยายผล หลังจากมีการเชื่อมต่อการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชากับไทย เวียดนาม และ สปป.ลาว ซึ่งการชำระเงินข้ามระหว่างประเทศดังกล่าวไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ยกเว้นธุรกรรม กัมพูชา- สปป.ลาว กล่าวโดย Mar Amara รองประธานบริหารอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของกลุ่ม Acleda Bank ซึ่งปัจจุบันมีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะพัฒนารูปแบบการทำธุรกรรมการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นกลุ่มถัดไป โดยการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านระบบดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละประเทศ และสร้างความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในกรณีที่มีการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีระบบชำระเงินดังกล่าว ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่าการพกเงินสด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501347404/acleda-bank-to-expand-khqr-beyond-asean/

คาดรัฐบาลชุดใหม่กัมพูชา ดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศเพิ่มขึ้น

คาดหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของกัมพูชาจะนำมาซึ่งการลงทุนใหม่ๆ จากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่น และมีส่วนช่วยในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ เนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น และการอยู่ของข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ตลอดจนความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ เป็นส่วนทำให้กัมพูชามีศักยภาพในการลงทุนมากยิ่งขึ้น กล่าวโดยรัฐมนตรีต่างประเทศกระทรวงอุตสาหกรรม ด้านสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ระบุเสริมว่า ปัจจุบันในช่วงครึ่งแรกของปีกัมพูชาดึงดูดโครงการลงทุนกว่า 113 โครงการ นับเป็นสินทรัพย์ถาวรเพื่อการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ เกิดการจ้างงานใหม่ประมาณกว่า 122,000 ตำแหน่ง โดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501347755/new-government-formation-to-bring-more-new-investments/

ระนองจี้รัฐบาลใหม่ ลดอุปสรรคค้าชายแดน

นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง รองประธานคณะกรรมการหอการค้า จ.ระนอง เปิดเผยว่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ยังมีอุปสรรคต่อการค้า ทางภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ ด้วยการลดขั้นตอนทางการค้าโดยเฉพาะระเบียบปฏิบัติในการนำเข้า-ส่งออก ที่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเมียนมาต่างมีกฏข้อระเบียบที่ซับซ้อนและยุ่งยากเป็นอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้การค้า การลงทุนระหว่างไทยกับเมียนมายังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร จึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นและเข้ามาบริหารประเทศ ให้ศึกษาดูข้อปัญหาการค้าไทยกับเมียนมา จุดไหนที่ยังเป็นปัญหา หรือขวางกั้นการขยายตัวของการค้าทั้งสองประเทศให้รัฐบาลใหม่หาแนวทางแก้ไข ซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวเลขการค้าส่งออกอย่างแน่นอน ซึ่งหากพูดถึงผลกระทบต่อการค้าขายตามแนวชายแดนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมาในหลายกลุ่มสินค้าและคาดว่าน่าจะมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าเท่าตัวทั้งในกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค รวมถึงสินค้าหมวดวัสดุก่อสร้าง และน้ำมัน เป็นผลมาจากการที่ประเทศเข้าร่วมกลุ่มประชาคมอาเซียน ทำให้การเดินทางเข้า-ออกทำได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการส่งออก-นำเข้าที่มีการลดกำแพงภาษีและเงื่อนไขต่างๆ ที่ทำให้เอื้อต่อการขยายตัวของภาคการค้าระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/574152

ส่งออกเดี้ยงศก.แย่ สศช.หั่นจีดีพีทั้งปีเหลือ2.5-3%

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีช่วงไตรมาส 2/2566 มีอัตราการเติบโต 1.8% ชะลอลงจากการขยายตัว 2.6% ในไตรมาสแรกของปี 2566 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้วเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี 2566 ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี 2566 ที่ 0.2% ค่อนข้างต่ำกว่าคาดการณ์ จากสาเหตุภาคส่งออกติดลบ 5.7% เป็นการหดตัว 3 ไตรมาสติดต่อกัน และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ติดลบ 3.3% รวมถึงการอุปโภค-บริโภคของภาครัฐ ติดลบ 4.3% โดยครึ่งปีแรกเศรษฐกิจขยายตัว 2.2% หลักๆ มาจากรายได้ภาคท่องเที่ยว

ที่มา : https://www.naewna.com/business/751534

‘แบงก์ชาติเวียดนาม’ ชี้แบงก์พาณิชย์ เดินหน้าลงทุนดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น 630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย ฝั่ม แอง ต๋วน (Pham Anh Tuan) ผู้อำนวยการฝ่ายระบบการชำระเงินของธนาคารแห่งชาติเวียดนาม กล่าวว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ จะมีส่วนช่วยการลดการใช้เงินสดและส่งเสริมการชำระเงินดิจิทัลในทุกรูปแบบ มุ่งสู้เป้าหมายของโครงการการชำระเงินแบบไร้เงินสดในปี 2564-2565 ซึ่งตั้งเป้าประชากรเวียดนาม อายุ 18 ปีขึ้นไป กว่า 85% เปิดบัญชีธนาคารในปี 2568

นอกจากนี้ การส่งเสริมให้ผู้คนหันมาใช้บริการดิจิทัล ช่วยให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการโอนเงินที่ผิดกฎหมายและกลุ่มเงินกู้นอกระบบ ในขณะที่นาย Nguyen Quoc Hung รองประธานและเลขาธิการสมาคมธนาคารเวียดนาม กล่าวว่าในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล รัฐบาลและธนาคารกลางให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยมากที่สุด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/commercial-banks-invest-nearly-630-million-usd-in-digital-transformation-sbv/266649.vnp

‘เวียดนาม’ เผยกลางเดือน ส.ค. เกินดุลการค้า 16.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าการนำเข้าและการส่งออกของเวียดนามในช่วงต้นปีจนถึงกลางเดือน ส.ค. มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นราว 402 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการส่งออกของเวียดนาม มีมูลค่า 209.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 10.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 193 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 16.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ หากพิจารณาข้อมูลในช่วงครึ่งแรกของเดือน ส.ค. การส่งออกของเวียดนามมีมูลค่า 14.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 10.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี และการนำเข้ามีมูลค่า 14.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสินค้าส่งออกหลักของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน (2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) รองลงมาคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ, เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องจักรและส่วนประกอบ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-racks-up-trade-surplus-of-us-16-25-billion-by-mid-august-2180475.html