CDC อนุมัติโครงการการลงทุนใหม่ในกัมพูชามูลค่าเกือบ 24 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) อนุมัติโครงการการลงทุนใหม่ 4 โครงการ ด้วยเงินลงทุนรวมเกือบ 24 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการแรก ได้แก่ โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของทางบริษัท Golden Sun Fashion Accessory Co, Ltd. ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 5 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสามารถสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นได้จำนวน 926 ตำแหน่ง ส่วนโครงการลำดับที่ 2 คือ AMTO CHEMICAL TECHNOLOGY CO., LTD. ด้วยเงินลงทุน 1.7 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสร้างงานได้ประมาณ 150 ตำแหน่ง ลำดับที่ 3 ได้แก่ Kai Feng Wood Products (Cambodia) Co., Ltd. ด้วยเงินลงทุน 6.6 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสร้างงานให้กับท้องถิ่น 300 ตำแหน่ง และลำดับสุดท้าย MEI AN LEATHERWARE (CAMBODIA) CO., LTD ด้วยเงินลงทุน 10.5 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสร้างงานจำนวน 1,000 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501093977/projects-worth-nearly-24-million-approved-by-cdc/

มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในช่วง 5 เดือน

มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของกัมพูชามีมูลค่ารวมกว่า 22,400 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 จากมูลค่า 18.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชามีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 9.41 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 34.5 ในขณะที่ยอดการนำเข้ารวมอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา ซึ่งในรายงานยังระบุว่า จีนถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา รองลงมาคือสหรัฐฯ เวียดนาม ไทย และสิงคโปร์ โดยปริมาณการค้าระหว่าง จีน-กัมพูชา พุ่งไปแตะ 4.99 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 26 จากประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19, ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และ FTA ของกัมพูชา-จีน (CCFTA) เป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางการค้าของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501093744/cambodias-international-trade-up-almost-20-pct-in-5-months/

สิ้นเดือนพ.ค.ของปีงบฯ 65-66 เงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่เมียนมา ดิ่งลง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัทของเมียนมา (DICA) ณ สิ้นเดือนพ.ค.2565 ของปีงบประมาณ 2565-2566 เงินลงทุนจากต่างประเทศเพียง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ไหลเข้าสู่เมียนมา เป็นการลงทุนจากจีนจำนวน 9.017 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไต้หวันระดมทุน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ฮ่องกง 1.215 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และญี่ปุ่น.1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย 6 เดือนแรก สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการลงทุนในเมียนมามากที่สุด มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 297 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ โครงการลงทุนที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาประเทศ เช่น  1) การผลิตปุ๋ย 2) การผลิตปูนซีเมนต์ 3) การผลิตเหล็ก 4) เกษตรกรรมและปศุสัตว์และที่เกี่ยวข้อง: 5) การผลิตอาหารและสร้างมูลค่าเพิ่ม 6) การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า7) การผลิตยาและอุปกรณ์การแพทย์  และ 8) การขนส่งสาธารณะ

ที่มา : https://news-eleven.com/article/232391

ราคาอาหารสัตว์พุ่งไม่หยุด ! หนุน ราคาไข่เป็ดแตะ 300 จัต

ราคาขายปลีกไข่ในตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ซึ่งกลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด ราคาได้เพิ่มขึ้นจาก 100/120 จัต เป็น 1,000 จัตต่อไข่ 6-8 ฟอง ตั้งแต่นั้นมา ราคาอาหารไก่และเป็ดก็สูงขึ้นและไม่ลดลงอีกเลย แม้ว่าราคาไข่เป็ดในร้านค้าปลีกจะอยู่ที่ 300 จัต แต่พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำราคาจะขายอยู่ที่ 240-250 จัต สำหรับไข่ฟองใหญ่ และ 200 จัต สำหรับไข่ฟองเล็ก . เกษตรกรเจ้าของฟาร์มเป็ดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำของตำบลโบกะเล่ เขตอิรวดี เผย ราคาอาหารของเดือนนี้อยู่ที่ 28,000 จัตต่อถุง และเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนเพื่อเป็นการประหยัดค่าอาหารสัตว์ลงไปได้พอสมควร เกษตรกรจะปล่อยเป็ดเพื่อเลี้ยงตามทุ่งตามวิถีธรรมชาติ ทั้งนี้ราคาไข่ในห้างสรรพสินค้า 10 ฟอง น้ำหนัก 60 กรัม ราคาอยู่ที่ 1,900 จัต ขณะที่น้ำหนัก 70 กรัม ราคาจะอยู่ที่ 2,100 จัต ส่วนไข่ออร์แกนิกราคาจะพุ่งไปถึง 3,000 จัต

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/duck-egg-price-reaches-k-300-due-to-increased-livestock-feed-price/#article-title

“เวิลด์แบงก์” มองศก.เวียดนามฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง แม้เผชิญความไม่แน่นอนทั่วโลก

รายงานฉบับเดือนมิ.ย. ของธนาคารโลก (World Bank) แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังคงฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทั่วโลก จากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในยูเครนและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการล็อกดาวน์ในประเทศจีน ทั้งนี้ ตามรายงานดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดค้าปลีก ขยายตัว 22.6% ต่อปี ซึ่งบ่งชี้ว่าการบริโภคของภาคเอกชนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ดี การส่งออกกลับชะลอตัวจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่ ขณะที่การเบิกจ่าย FDI มีแนวโน้มขยายตัวเป็นเดือนที่ 6

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-economic-recovery-remains-strong-despite-global-uncertainties-wb-post950062.vov

“เวียดนาม” เตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ต้นเดือนหน้า

พระราชกฤษฏีกากาฉบับที่ 38/2022/ND-CP ว่าด้วยการเพิ่มเงินเดือนทั่วประเทศ ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นาย Pham Binh Minh รองนายกรัฐมนตรี ประกาศว่ามีผลบังคับใช้กับแรงงานที่ลงนามในสัญญาจ้างตามประมวลกฎหมายแรงงานและนายจ้าง ได้แก่ กิจการที่ดำเนินงานอยู่ภายใต้กฎหมายวิสาหกิจ สหกรณ์ ธุรกิจครัวเรือนและธุรกิจส่วนตัว โดยรัฐบาลเวียดนามจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 6% ในต้นเดือนหน้านี้ ทั้งนี้ อัตราค่าแรงขั้นต่ำสำหรับแรงงานในภูมิภาคที่ 1 เขตเมือง จะกำหนดให้เพิ่มขึ้นเป็น 4.68 ล้านดอง  ขณะที่ภูมิภาคที่ 2 กำหนดเพิ่มเป็น 4.16 ล้านดอง, ภูมิภาคที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 3.64 ล้านดอง และภูมิภาคที่ 4 เพิ่มขึ้นเป็น 3.25 ล้านดอง

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-set-to-raise-minimum-salaries-early-next-month/

รัฐบาลให้คำมั่นกับรัฐสภา จะสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ, การเงิน, สกุลเงินเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤติ

นายกรัฐมนตรี ฟานคำ วิภาวัน นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสมาชิกรัฐสภาในช่วงเริ่มต้นของการประชุมสามัญ ครั้งที่ 3 ของรัฐสภา “รัฐบาลจะพยายามรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเงิน และสกุลเงิน เพื่อป้องกันวิกฤตโดยเสนอให้รัฐบาลนำเสนอรายงานความคืบหน้าการดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม แผนงบประมาณและสกุลเงินในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และแผนงาน ในช่วงหกเดือนสุดท้ายของปี” แผนงาน 11 จุดได้รับการจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของเป้าหมายการพัฒนาที่กำหนดไว้สำหรับปี 2022 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอภิปรายและตัดสินใจในประเด็นต่างๆ เช่น รายงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามวาระแห่งชาติทั้งสองฉบับ ความคืบหน้าในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและแผนงานในอนาคต ตลอดจนการดำเนินการตามแผนการเดินทางสีเขียวและการเปิดประเทศใหม่ จะถูกนำมาอภิปรายพร้อมกับการปรับปรุงคุณภาพการสอนและการเรียนรู้ในทุกระดับของการศึกษา ด้านฝ่ายนิติบัญญัติจะอภิปรายกฎหมายใหม่และการแก้ไขกฎระเบียบบางประการ รวมถึงกฎหมายว่าด้วยวิจิตรศิลป์ ความปลอดภัยของเขื่อน การจัดการอาวุธและวัตถุระเบิด ทรัพย์สินของรัฐ การจัดการสกุลเงินต่างประเทศ และการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten112_PM.php

ในช่วง Q1 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาปรับตัวลงร้อยละ 12.43

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ร่วงลงร้อยละ 12.43 มาอยู่ที่ 559.89 จุด เทียบกับ 639.36 จุด ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในตลาดหุ้นกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามรายงานของ CSX โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมด (ทุนจดทะเบียน) ในกระดานหลักของ CSX เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.52 หรือคิดเป็น 4.48 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จาก 4.45 พันล้านดอลลาร์ใน ช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาด CSX ทั้งหมด 16 แห่ง แบ่งออกเป็นบริษัทหลักทรัพย์ 9 แห่ง และบริษัทตราสารหนี้ 7 แห่ง ด้วยทุนทั้งหมดรวมมากกว่า 280 ล้านดอลลาร์ และมีนักลงทุนกว่า 32,000 คน เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นภายในตลาด CSX

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501092775/cambodia-stock-market-index-slips-market-cap-up-slightly-in-q1/

ราคานำเข้าปุ๋ยเคมีของกัมพูชาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

ในขณะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ราคาพลังงานและปุ๋ยเคมีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทางด้านผู้เชี่ยวชาญแนะนำและเรียกร้องให้เกษตรกรเปลี่ยนไปใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตในท้องถิ่นแทน ซึ่งตามรายงานข่าวท้องถิ่น ราคาปุ๋ยนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 200% เป็น 300% หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน ภายใต้การเพิ่มขึ้นของราคาปุ๋ย ส่งผลทำให้ภาคการเกษตรเกิดความท้าทายเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย ในขณะเดียวกันตัวแทนบริษัทผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในกัมพูชา กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็น 150 ถึง 160 ตันต่อเดือน และวางแผนที่จะเพิ่มการผลิตต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501093182/imported-chemical-fertilizers-sees-hike-in-price-experts-call-for-switch-locally-produced-organic-fertilizers/

แบงก์ชาติยอมรับ อัตราเงินเฟ้อสูง เป็นปัจจัยกดดัน ให้ปรับดอกเบี้ย

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวยอมรับว่า ปัจจัยเศรษฐกิจตอนนี้ ยังมีความไม่แน่นอน (Uncertainty) ทำให้เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องสร้างกันชน-ภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามปัญหาเงินเฟ้อจากเดิมที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำมากจนไม่จำเป็นต้องสนใจเลย แต่หลังเกิดเหตุสงครามยูเครน-รัสเซีย ส่งผลให้พุ่งสูงขึ้นจนเกินเป้า คาดว่าจะถึงจุดสูงสุด(พีค)ในไตรมาส 3 ปีนี้ ทำให้เรื่องเงินเฟ้อเป็นโจทย์สำคัญมากต่อภาวะเศรษฐกิจนี้ ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จะสะท้อนกับกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของไทย ควรเป็นแบบไทย ไม่ใช่ตามต่างชาติ ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ช้าเกินไปก็ไม่ดี เร็วไปก็ไม่ดี เหมือนการเหยียบคันเร่งกับการแตะเบรก ที่ผ่านมานโยบายการเงินเราผ่อนปรนมากหากเทียบกับภูมิภาค ระยะต่อไปเราจึงต้องค่อยๆถอดคันเร่งแล้ว การขึ้นดอกเบี้ยแม้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนก็ต้องดูแล แต่ถ้าไม่ทำอะไรผลกระทบต่อประชาชนจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ที่มา: https://www.naewna.com/business/660091