“สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด” คว้ารางวัล “สุดยอดแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจในเวียดนาม” ปี 65

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (เวียดนาม) รับรางวัล “สุดยอดแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ (ภาคการธนาคาร) ในเวียดนาม ปี 2565” รางวัลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามของธนาคารในการสร้างแบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการระดับโลก การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการช่วยเหลือชุมชน ทั้งนี้ คุณ Michele Wee CEO ของ Standard Chartered Vietnam ได้กล่าวว่าด้วยความทะเยอทะยานที่จะเป็นธนาคารทางเลือกในเวียดนาม เรามุ่งเน้นที่จะสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเหลือลูกค้าของเราเท่านั้น แต่ยังพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเติบโตอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1208419/standard-chartered-named-most-inspiring-brand-in-viet-nam-in-2022.html

คนเวียดนามลงทุนโครงการใหม่ในตปท. พุ่ง 2 เท่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้

ตามรายงานของหน่วยงานการลงทุนในต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าบริษัทเวียดนามออกไปลงทุนต่างประเทศในโครงการใหม่และระดมเงินทุนจากแหล่งต่างๆ ทั้งหมดในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เป็นมูลค่ากว่า 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าตัวเลขการลงทุนโดยรวมจะปรับตัวลดลง แต่เม็ดเงินทุนที่เข้าไปยังโครงการใหม่ที่มีมูลค่ากว่า 293 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากกิจการเวียดนาม “Vines Energy Solutions JSC” ที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนีและเนเธอแลนด์ จำนวน 5 โครงการใหม่ ด้วยทุนจดทะเบียน 34.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ กิจการเวียดนามระดมเงินทุนในโครงการที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน อยู่ที่ 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 11% ของตัวเลขที่เห็นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1208347/viet-nams-new-project-investment-abroad-doubles-in-five-months.html

 

เมียนมา ลุย พร้อมส่งออกมะม่วงเส่งตะลง ทั้งทางอากาศและทะเล บุกตลาดสิงคโปร์

นาย U Kyaw Soe Naing เลขาธิการสมาคมพัฒนาตลาดมะม่วงและเทคโนโลยีเมียนมาร์ (มัณฑะเลย์) เปิดเผย เมียนมากำลังส่งออกมะม่วงเส่งตะลง (Seintalone) ไปยังสิงคโปร์โดยใช้การขนส่งทางอากาศและทางทะเล แม้การส่งออกทางอาศจะมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงแต่มีความเร็วและไม่ทำให้มะม่วงเน่าเสีย ซึ่งต่างจากการขนส่งทางทะเลที่ใช้เวลาถึงหนึ่งอาทิตย์ในการขนส่งและผลมะม่วงอาจได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ช่วงฤดูการเพาะปลูกที่ผ่านมาเกษตรกรได้ลดต้นทุนในการปลูกทำให้ผลผลิตออกมาไม่ได้คุณภาพจึงเกิดโรคของผลมะม่วงหลังการเก็บเกี่ยวตามมา ราคามะม่วงเส่งตะลงแถบชายแดนเมียนมา-จีน ในปัจจุบันมีสูงถึง 140 จัตต่อตะกร้า (ขนาด 16 กิโลกรัม) ส่วนมะม่วงคุณภาพต่ำราคาจะอยู่ที่ 100 จัตต่อตะกร้า ปัจจุบัน การเพาะปลูกมะม่วงส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในเขตอิรวดี โดยมีเนื้อที่ประมาณ 46,000 เอเคอร์ ลำดับต่อมาคือ เขตพะโค มีพื้นที่ 43,000 เอเคอร์, เขตมัณฑะเลย์ มีพื้นที่ 29,000 เอเคอร์, กะเหรี่ยงมีพื้นที่ 24,000 เอเคอร์, รัฐฉานมีพื้นที่ 20,400 เอเคอร์  และเขตซะไกง์มีพื้นที่ 20,000 เอเคอร์

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-conveying-seintalone-mango-to-singapore-by-air-maritime-transport/

ดัน “เมตาเวิร์ส” กระตุ้นท่องเที่ยว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดการประชุม ไทยแลนด์ ทัวริซึ่ม คองเกรส 2022 ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ จ.ภูเก็ต พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง ยุทธศาสตร์การยกระดับท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน ว่า พร้อมรับข้อเสนอของภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต โดยประเทศไทยขณะนี้ต้องสร้างโครงสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น ให้เป็นท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและยั่งยืน โดยขอให้พิจารณานำเทคโนโลยีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเมตาเวิร์ส เออาร์ เอ็นเอฟซี บล็อกเชน มาใส่ในการท่องเที่ยว ให้คนต่างชาติได้เที่ยวประเทศไทยในโลกเสมือนจริงแล้วติดใจอยากมาประเทศ

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2412366

Q1 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของ กัมพูชาเพิ่มขึ้นถึง 191%

ในช่วงเดือน มกราคม-เมษายน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 191% หรือคิดเป็นจำนวน 241,485 คน ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวนับตั้งแต่กัมพูชาประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว กล่าวรายงานโดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ซึ่งนักท่องเที่ยวเวียดนามถือเป็นกลุ่มสำคัญสำหรับตลาดการท่องเที่ยวกัมพูชาที่จำนวน 74,643 คน รองลงมาคือนักท่องเที่ยวชาวไทย 50,279 คน และนักท่องเที่ยวจากจีนอยู่ที่ 15,403 คน ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นเป็น 13,278 คน ในระยะเวลาดังกล่าว ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวขาออกของกัมพูชาอยู่ที่ 54,933 คนเพิ่มขึ้นถึง 688% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501087385/foreign-tourist-arrivals-increase-by-191-percent-in-q1/

5 เดือนแรกของปี กัมพูชาส่งออกข้าว เพิ่มขึ้น 22%

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี กัมพูชาส่งออกข้าวสารกว่า 149,447 ตัน ไปยังจีน เพิ่มขึ้นกว่า 23.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กล่าวโดยสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) โดยจีนยังคงเป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา รองลงมาคือสหภาพยุโรป ด้าน CRF กล่าวเสริมว่าการส่งออกข้าวสารไปยังจีนคิดเป็นกว่า 52.6% ของการส่งออกข้าวทั้งหมดของกัมพูชา ณ ช่วงเดือน มกราคม-พฤษภาคม ปีนี้ ในขณะที่ส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรป จำนวน 88,167 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 49% หรือคิดเป็น 31% ของการส่งออกข้าวทั้งหมดของกัมพูชา ซึ่งในช่วง 5 เดือนแรกของปีกัมพูชาส่งออกข้าวสารทุกชนิดไปยังตลาดต่างประเทศผ่านบริษัท 53 แห่ง โดยมีปริมาณการส่งออกรวม 283,675 ตัน เพิ่มขึ้นเกือบ 22% สร้างรายได้กว่า 173.47 ล้านดอลลาร์ ด้าน Song Saran ประธาน CRF กล่าวเสริมว่ากัมพูชาจะส่งออกข้าวไปยังจีนได้มากขึ้น หลังจากที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501088120/cambodias-rice-exports-up-22-pct-in-jan-may-netting-more-than-565-16-million/

IDP ฉลองการขนส่งข้าวจากสปป.ลาวไปยังจีนเป็นครั้งแรก

Indochina Development Partners Lao Co., Ltd. (IDP) ได้จัดส่งข้าวเหนียว 100 ตันไปยังประเทศจีน ในการส่งมอบทดลองครั้งแรกของบริษัทโดยใช้การรถไฟลาว-จีน นาย Frederic Jullien ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของงานกล่าวในงานว่า “เราหวังว่าการขนส่งทางรางรถไฟจะช่วยให้เราสามารถลดต้นทุนและเวลาในการจัดส่งข้าวของเราไปยังจุดหมายปลายทางในประเทศจีนได้ ขณะนี้ เรายังคงขนส่งสินค้าทางทะเลจำนวนมากจากประเทศไทยและเวียดนาม นั่นหมายความว่าเราต้องจ่ายค่าขนส่งจากลาวไปยังท่าเรือในประเทศเหล่านั้น แต่การขนส่งทางรถไฟจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของเราได้ ” IDP ได้ลงทุนในภาคข้าวในประเทศลาวตั้งแต่ปี 2015 และได้สร้างโรงสีข้าวที่ทันสมัยสี่แห่งในจังหวัดสะหวันนะเขตและจำปาสัก บริษัทซื้อข้าวเปลือกอย่างน้อย 60,000 ตันจากเกษตรกรชาวลาวในแต่ละปี สร้างรายได้ประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่เกษตรกรสปป.ลาว มีตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ ยุโรป จีน ไทย และเวียดนาม ปัจุบันบริษัทเห็นศักยภาพในการขยายส่วนแบ่งการตลาดในจีน และหวังว่าจะขายให้ได้เพิ่มขึ้นในระดับ 25,000 ตันไปยังประเทศจีนในแต่ละปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งการขายข้าวเหนียวให้กับจีนถือเป็นการโฆษณาคุณภาพข้าวสปป.ลาวที่ดีให้กับผู้ซื้อจากต่างประเทศและเป็นการปูทางสู่ตลาดส่งออกที่สำคัญอย่างจีน

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten106_IDP_y22.php

ราคาถั่วแป๋ในตลาดมัณฑะเลย์ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

ผู้ค้าจากตลาดมัณฑะเลย์ เผย การซื้อขายถั่วแป๋ (rice bean) ในตลาดมัณฑะเลย์กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และราคาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจุบันมีการนำถั่วแป๋มาจากตำบลมาดายะ สิงกู โมนยวา และปะโคะกู จากเดิมในฤดูเก็บเกี่ยวช่วงเดือนม.ค. ราคาอยู่ที่ 89,000 จัตต่อถุง (3 ตะกร้า) แต่ในปัจจุบันพุ่งไปถึง 150,000 จัตต่อถุง (3 ตะกร้า) ซึ่งการที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นเพราะอุปสงค์ของจีนที่มีมากขึ้นจาการเปิดชายแดนเมียนมาและจีน ส่วนใหญ่ถั่วแป๋จะเน้นการส่งออกเพราะการบริโภคในประเทศค่อนข้างน้อยจึงคาดว่าราคาจะยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่ในเขตมัณฑะเลย์ เขตมะกเว และเขตซะไกง์ ซึ่งการปลูกบนดินลุ่มน้ำอิรวดีและแม่น้ำชี่น-ดวี่น ในเขตพื้นที่ดังกล่าวจะได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ถั่วแป๋สามารถปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. สามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนม.ค. ซึ่งถั่วแป๋เป็นพืชที่คุ้มค่ากับการปลูกและให้ผลผลิตที่สูง

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/mandalay-market-sees-price-spike-in-rice-bean/#article-title

“เวียตเจ็ท” กลับมาเปิดเที่ยวบิน โฮจิมินห์-ภูเก็ต

สายการบินเวียตเจ็ท (Vietjet) เริ่มกลับมาเปิดบริการเที่ยวบินจากโฮจิมินห์สู่ภูเก็ต (ประเทศไทย) โดยจะให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (วันจันทร์ พุธ ศุกร์และอาทิตย์) เที่ยวบินจะออกจากนครโฮจิมินห์เวลา 9.00 น. และลงจอดที่ภูเก็ตเวลา 11.00 น. ในขณะที่เที่ยวบินขากลับออกจากภูเก็ตเวลา 12.00 น. และถึงสนามบินเตินเญิ้ตเวลา 13:50 น. ทั้งนี้ เวียตเจ็ทเป็นสายการบินแห่งแรกที่เปิดบริการเที่ยวบินโฮจิมินห์-ภูเก็ต และยังเป็นสายการบินที่มีเส้นทางเที่ยวบินมากที่สุดที่เชื่อมโยงกับประเทศไทยและเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1208205/vietjet-flights-from-hcm-city-to-phuket-reopened.html

“เวียดนาม” ประเทศแนวหน้าผลักดันพลังงานสะอาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เว็บไซต์ The Economist เผยเวียดนามก้าวขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในบทความชี้ให้เห็นว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของโลกที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มากที่สุด แต่ว่าไม่ได้รับความสนใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ดี ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามหันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 0% มาอยู่ที่ 11% ผลลัพธ์ข้างต้นนั้นไม่ใช่แค่อัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในโลกเท่านั้น แต่เวียดนามมีส่วนแบ่งการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่กว่าประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น ฝรั่งเศสหรือญี่ปุ่น ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้วเวียดนามขึ้นมาเป็นผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่อันดับ 10 ของโลก นายกรัฐมนตรีเวียดนามให้คำมั่นว่าในเดือนพ.ค. จะหยุดสร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-leads-the-transition-to-clean-energy-in-sea-the-economist-post948389.vov