ค้าต่างประเทศเมียนมา ดิ่งฮวบ 6.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบฯ ปัจจุบัน

การค้าต่างประเทศของเมียนมามีมูลค่า 26.11 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 20 ส.ค. 64 ในปีงบประมาณปัจจุบัน 2563-2564 ซึ่งลดลง 6.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 33.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว ในช่วงสิบเดือนที่ผ่านมา การส่งออกมีมูลค่ากว่า 13.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่การนำเข้าค่อนข้างต่ำอยู่ที่ 13.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งออกจีนอยู่ในอันดับต้น ๆ ที่เมียนมาส่งออกสินค้ามากที่สุด โดยมีมูลค่า 3,985.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองลงมาคือไทย 673.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  และญี่ปุ่น 485.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่า และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่การนำเข้า ได้แก่ สินค้าทุน วัตถุดิบอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmars-foreign-trade-declines-by-6-98-bln-this-fy/

‘เวียดนาม-ออสเตรเลีย’ จับมือพันธมิตร ขับเคลื่อน AI

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (MoST) ส่งเสริมให้บุคคลและองค์กรต่างๆ จับมือร่วมกันทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างเวียดนามกับออสเตรเลีย โดยจากข้อมูลของกระทรวงฯ ได้มีการเปิดตัวเครือข่ายความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ระหว่างเวียดนามกับออสเตรเลีย เพื่อส่งเสริมยุทธศาสตร์ระดับชาติในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ AI ทั้งนี้ เครือข่ายระบบ AI ถูกนำมาใช้ในหลายๆ อุตสาหกรรมในประเทศ ได้แก่ อีคอมเมิร์ซ, การขนส่งและโลจิสติกส์, การศึกษา, อสังหาริมทรัพย์, การเงินและการเกษตร เป็นต้น นอกจากนี้ ตลาด AI ในเวียดนามยังคงมีขนาดเล็ก มีจำนวนบริษัทใหญ่ 10 แห่ง อาทิ FPT, Viettel, CMC, VNG, VNPT, VinGroup, Google, Amazon, NVIDIA และ IBM รวมถึงกองทุนบางแห่งและสตาร์ทอัพอีก 65 แห่ง แต่ธุรกิจดังกล่าวยังไม่มีแพลตฟอร์มสำหรับการใช้ AI ที่มีลักษณะเฉพาะในเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1024941/viet-nam-ai-talent-to-partner-with-australia.html

‘เวียดนาม’ เผยอสังหาฯ คงเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ

ตั้งแต่เดือน ม.ค.-สิ.ค. ภาคอสังหาริมทรัพย์มีเงินทุนจดทะเบียนรวมราว 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังคงติดอันดับที่ 3 ในสาขา 18 ภาคเศรษฐกิจสำคัญเป็นที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ถึงแม้ว่าตัวเลขเงินทุนดังกล่าวจะต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าสิ่งนี้สมเหตุสมผล เนื่องจากได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้นักลงทุนตัดสินใจที่จะลงทุนได้ยาก อย่างไรก็ตาม กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมยังเป็นจุดไฮไลท์สำคัญ ด้วยมีการตั้งเขตอุตสาหกรรมใหม่และโครงการอุตสาหกรรมสำคัญที่เริ่มดำเนินการแล้ว ทั้งนี้ นาย Dinh Trong Thinh นักเศรษฐศาสตร์เวียดนาม กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของเม็ดเงิน FDI ที่ไหลเข้าไปยังภาคอสังหาฯ เป็นผลมาจากความมีเสถียรภาพทางการเมือง การเติบโตทางเศรษฐกิจในเชิงบวก อัตราเงินเฟ้อที่มีเสถียรภาพ ตลอดจนไม่มีความผันผวนของตลาดการเงินและความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/real-estate-remains-attractive-to-foreign-investors/207490.vnp

บิ๊กซีเปิดสาขาเพิ่มในกรุงพนมเปญประเทศกัมพูชา

บิ๊กซี ร้านค้าปลีกของชำและสินค้าทั่วไปจากประเทศไทย ได้เปิดร้านสาขาเพิ่มในกรุงพนมเปญ ซึ่งได้มีการเปิดสาขา Mini Big C Depot อย่างเป็นทางการ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้นำธุรกิจเข้าร่วมงาน ซึ่งกลยุทธ์ของบิ๊กซีจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางจนถึงต่ำ โดยบิ๊กซีถือเป็นผู้ให้บริการไฮเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อันดับสองของประเทศไทยด้วยรายได้รวม 4.4 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการกระจายสาขาไปยัง มาเลเซีย เวียดนาม และ สปป.ลาว อีกด้วย ซึ่งบิ๊กซีเข้าสู่ตลาดกัมพูชาเป็นครั้งแรกในปี 2019 ด้วยการเปิดบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ในเมืองชายแดนอย่างปอยเปต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50929761/big-c-opens-first-store-in-phnom-penh/

กัมพูชาส่งออกไปยังสหรัฐฯขยายตัวร้อยละ 27 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี

กัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่ารวม 4,298 ล้านดอลลาร์ ไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลจากสำมะโนประชากรสหรัฐอเมริกา (USCB) ตั้งแต่มกราคมถึงกรกฎาคมปีนี้ โดยกัมพูชาทำการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 235 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นการค้าทวิภาคีที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.3 สู่ 4,534 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยการส่งออกของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า รวมถึงสินค้า อาทิเช่น รองเท้า จักรยาน และเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ซึ่งกัมพูชาทำการนำเข้ารถยนต์ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ จากสหรัฐฯ เป็นสำคัญ โดยตอนนี้กัมพูชามี FTA ร่วมกับจีนและเกาหลีใต้แล้ว โดยเฉพาะ RCEP ที่คาดว่าจะดึงดูดการลงทุนมาสู่ประเทศมากขึ้นในระยะถัดไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50929929/cambodias-seven-month-exports-to-us-surge-27-percent/

พระพุทธรูปถูกติดตั้งในเขตเศรษฐกิจเฉพาะบึงธาตุหลวงส่งเสริมการท่องเที่ยว

พระพุทธรูปสูง 100 เมตรจะถูกติดตั้งในเขตเศรษฐกิจเฉพาะบึงธาตุหลวงโดยนักพัฒนาชาวจีนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนสำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ นายกรัฐบมนตรีสปป.ลาวกล่าวว่า “มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นในสปป.ลาว ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยช่วยปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประชาชนสปป.ลาว ทั้งนี้การสร้างพระพุทธรูปเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยววัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และประเพณีของสปป.ลาวให้กลับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสปป.ลาว” ทั้งนี้รัฐบาลเชื่อว่าโครงการมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในท้องถิ่น เมื่อเสร็จสิ้น โครงการสัมปทาน 99 ปีจะครอบคลุมพื้นที่ที่อยู่อาศัย สวนสาธารณะ และพื้นที่สีเขียว ทะเลสาบ โรงพยาบาล ศูนย์การศึกษา ร้านอาหาร ศูนย์กีฬา และศูนย์การค้า

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Economic_173.php

เตรียมความพร้อม เปิดสนามบินบ่อฝ้ายรับนักท่องเที่ยว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ชะอำ จ.เพชรบุรี และหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสำรวจการเตรียมพร้อมเปิดพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 ว่า หัวหินประชากรในพื้นที่ 70% จะฉีดวัคซีนครบ 2 โดสภายในเดือน ก.ย.นี้ ส่วนทั้ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต้องการวัคซีนอีก 110,000 โดส ถึงจะฉีดประชากรได้ 70% ซึ่งจะผลักดันให้สนามบินบ่อฝ้าย เป็นช่องทางรับนักท่องเที่ยวเข้าหัวหิน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวแบบ 7+7 หรืออยู่ในพื้นที่อื่นครบ 7 วันแล้วมาต่อที่หัวหินอีก 7 วัน ซึ่งจะหารือกับกระทรวงคมนาคมให้ช่วยผลักดันด้วย คาดจะทราบผลสัปดาห์หน้า

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics/2186993

ธนาคารโลกรายงานผลสำรวจผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิดที่รุนแรงขึ้น

ผลสำรวจของธนาคารโลกจากจำนวนครัวเรือนที่สุ่มเลือก 2,000 ครัวเรือน ระบุว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินต่อไปได้ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจในสปป.ลาวรุนแรงขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ เนื่องจากการจ้างงานลดลงอย่างรวดเร็ว และครัวเรือนและภาคธุรกิจต่างๆ ประสบกับรายได้ที่ลดลง ด้านธุรกิจภายในเดือนพฤษภาคม 2564 ธุรกิจ 5.5% ปิดถาวร ขณะที่ 33% ปิดชั่วคราว ในบรรดาธุรกิจต่างๆ ที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ 65% พบว่ารายได้ลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐ รายงานยังได้รายงานอีกว่า รายได้ที่ลดลงและการสูญเสียงานทำให้หลายครัวเรือนเสี่ยงที่จะตกอยู่ในความยากจนท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าครองชีพในสปป.ลาวที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Economic_173.php

กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหินมะพานต์ขยายตัวร้อยละ 340

กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง กัมพูชา แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่มกราคมถึงสิงหาคม 2021 กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ประมาณ 876,521 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 340 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดหลักของเม็ดมะม่วงหิมพานต์กัมพูชา ได้แก่ เวียดนาม จีน ไทย ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ บังคลาเทศ สปป.ลาว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น ซึ่งกัมพูชาถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงสำหรับการผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ถือเป็นพืชที่มีธาตุเหล็กสูงเหมาะสำหรับการปรับปรุงฮีโมโกลบินและดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะสามารถช่วยรักษาสมดุลของน้ำตาลในเลือดได้ดี นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าเป็นอาหารที่ดีที่มีฟอสฟอรัสและสารอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการอักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันต่อไข้หวัดใหญ่ และอื่นๆ เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50928483/cashew-exports-grows-by-340-percent/

กัมพูชาอาจลงนาม FTA เพิ่มเติมกับเกาหลีใต้ ในเดือนหน้า

การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-เกาหลี (CKFTA) ฉบับแรกสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซน กล่าวถึงโอกาสที่จะทำการลงนามบนข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่กับเกาหลีใต้ระหว่างการมาเยือนของประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ ในเดือนมีนาคม 2019 และในเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกัน ได้มีการเปิดตัวการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงนามร่วมกัน ซึ่งหากเกิดการลงนามใน FTA ฉบับใหม่จะถือเป็นข้อตกลงการค้าเสรีครั้งที่สองที่กัมพูชาได้ทำร่วมกับเกาหลีใต้ โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน การค้าทวิภาคีมีมูลค่ารวมถึง 451 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามข้อมูลจากสมาคมการค้าระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ โดยกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีใต้มูลค่ารวม 159 ล้านดอลลาร์ หดตัวร้อยละ 1.6 ส่วนการส่งออกของเกาหลีใต้มายังกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 คิดเป็นมูลค่า 292 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการส่งออกของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ได้แก่ เสื้อผ้าและสิ่งทอ รองเท้า กระเป๋าเดินทาง อะไหล่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยาง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ส่วนเกาหลีใต้ส่งออกรถยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดื่ม ยา และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50928999/free-trade-agreement-with-south-korea-may-be-signed-next-month/