‘ผู้ว่าธปท.’คาดเศรษฐกิจฟื้นเท่าก่อนโควิด อาจรอไตรมาสแรก’66

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผย สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสามตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา คาดเศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาถึงไตรมาสแรกของปี 66 กว่าจะกลับมาสู่ระดับเดิม ขณะเดียวกันต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่องของเอสเอ็มอี โดยรัฐและ ธปท ได้ออกมาตรการฟื้นฟู ส่วนสถาบันการเงิน มีบทบาทในการเชื่อมต่อข้อมูลจากผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ในการประสานความช่วยเหลือกับคู่ค้ารายย่อย และปรับแนวทางการปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีควรปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดและยกระดับการจัดการธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้นเพราะนอกจากจะนำมาใช้บริหารต้นทุน กำไร ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสถานะทางการเงินธุรกิจอีกด้วย

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/846888

เมืองโฮจิมินห์ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงต่างประเทศ 1.34 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 5 เดือนแรก

สำนักงานสถิติประจำเมือง เผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้าเมืองโฮจิมินห์ ทะลุ 1.34 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 16.52% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งจากตัวเลขเม็ดเงินทุนทั้งหมด 378.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ถุกโอนไปสู่โครงการใหม่ 187 โครงการ โดยเฉพาะด้านการพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติได้ระดมทุน 267.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปยังโครงการอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป จำนวน 7 โครงการ ตามมาด้วยโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 11 โครงการ ด้วยมูลค่า 85.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการเชิงพาณิชย์ ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มูลค่าราว 270 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาสิงคโปร์และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hcm-city-attracts-over-134-billion-usd-worth-of-fdi-in-first-five-months/202334.vnp

เวียดนามเผยโควิดระลอกใหม่ ฉุดการค้าการขนส่ง

ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในปัจจุบัน ทำให้การค้า การขนส่งและการท่องเที่ยวเกิดหยุดชะงัก ตลอดจนทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจประสบปัญหาในเดือนพฤษภาคม อีกทั้ง จำนวนขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ อยู่ที่ 287.8 ล้านคน ลดลง 14.9% จากเดือนเมษายน และในเดือนเดียวกันนั้น ปริมาณการขนส่งสินค้า 139 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.8% ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกสินค้าและบริการ มีมูลค่า 393.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.1% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเวียดนาม มีจำนวนทั้งสิ้น 13,400 คน ในเดือนนี้ ลดลง 30.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 40.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 97.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุมาจากข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/new-covid19-outbreak-puts-brakes-on-trade-transport/202302.vnp

บริษัท สปป.ลาวและจีนลงนามร่วมมือส่งเสริมการค้าขายสินค้าเกษตร

ข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง AIDC Trading Sole Co Ltd และ Zhengzhou City Grain and Oil Industry Co Ltd ได้ลงนามในเวียงจันทน์เมื่อวันศุกร์ระหว่างการประชุมทางวิดีโอ ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง AIDC Trading จะส่งออกสินค้าเกษตร 9 ประเภทไปยังประเทศจีน ได้แก่ ถั่วลิสง ตันมันสำปะหลัง ตันเนื้อแช่แข็งและแห้ง ตันเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ตันทุเรียน ตันกล้วย ตันมะม่วง ตันถั่วเหลือง ตันและ ตัน น้ำตาล จากผลของการลงนามจะทำให้การส่งออกโดยรวมกันของทั้ง 9 สินค้าในช่วง 5 ปีตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2569 จะมีมูลค่าถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ความร่วมมือนี้จะช่วยปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของหลายร้อยครอบครัวมีส่วนช่วยให้รัฐบาลมีรายได้และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชุมชนท้องถิ่น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laoand_103.php

เวียดนามเผยดัชนี CPI เดือนพ.ค. พุ่ง 0.16%

ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนาม เดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน และ 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ่อพื้นฐานในเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 0.15% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 1.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.82% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ สะท้อนให้ถึงระดับความผันผวนของราคาผู้บริโภตที่มาจากราคาอาหาร น้ำมันและราคาแก๊ส รวมถึงอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนพฤษภาคมและช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/cpi-inches-up-016-percent-in-may/202254.vnp

กัมพูชาได้รับประโยชน์จากการกระจายการลงทุนไปยังเมียนมาที่คาดว่าจะลดลง

การปฏิวัติในเมียนมาคาดส่งผลประโยชน์เชิงบวกจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนในเมียนมาไปยัง กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย และไทย เป็นสำคัญจากปัจจัยสนับสนุนทางด้านภูมิศาสตร์ ซึ่งจากรายงานผลการศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) โดย รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าการส่งออกของไทยไปยังเมียนมาคาดว่าจะลดลงสูงสุด 9.6 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ เนื่องจากความวุ่นวายทางการเมืองของเมียนมา ซึ่งผลกระทบจากการปฏิวัติในเมียนมา 100 วันหลังการปฏิวัติครั้งที่ 4 โดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย (MIN AUNG HLAING) ได้คาดการณ์ว่า GDP ของเมียนมาในปี 2021 จะติดลบร้อยละ 10 ถึงลบร้อยละ 20 โดยไตรมาส 1/2021 เศรษฐกิจเมียนมาหดตัวร้อยละ 2.5 สูญเสีย FDI กว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีปริมาณการว่างงานกว่า 6 แสนคน ค่าเงินจ๊าดอ่อนค่าร้อยละ 18 (24/5/2564) และรายได้ของครัวเรือนเมียนมาลดลงถึงร้อยละ 83 ส่วนราคาน้ำมันเพิ่มร้อยละ 15 ราคาข้าวขายปลีกเพิ่มร้อยละ 35 ทั้งนี้ FDI ของเมียนมาที่ลดลงจะอยู่ในกลุ่ม พลังงาน อุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ น้ำมันและก๊าซ ขนส่ง และนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50864456/cambodia-stands-to-benefit-from-fdi-diversion-as-exports-to-myanmar-expected-to-drop/

เวียดนามเผย 5 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการส่งออกพุ่ง 30.7%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เผยว่ายอดการส่งออกสินค้าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 130.94 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากตัวเลขทั้งหมดนั้น มาจากธุรกิจในประเทศ ประมาณ 33.06 พันล้านเหรียญสหรัฐ และธุรกิจที่ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ อยู่ที่ 97.88 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว มีสินค้าส่งออก 22 รายการที่มีมูลค่าการส่งออกแต่ละชิ้นกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนรวมกัน 87.3% ของยอดการส่งออกรวม ทั้งนี้ สินค้าอุตสาหกรรมหนักและแร่ธาตุ เป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ประมาณ 70.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รองลงมาสินค้าอุตสาหกรรมเบาและหัตถกรรม (33%), สินค้าเกษตรและป่าไม้ (13.5%) และสินค้าประมง (12%) ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 37.6 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาจีน สหภาพยุโรปและอาเซียน ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/export-turnover-grows-307-percent-in-five-months/202264.vnp

โควิด! พ่นพิษฉุดราคาส่งออกมะม่วงเซ่งตะโลงไปจีน ดิ่งลง

สมาคมพัฒนาตลาดมะม่วงและเทคโนโลยีแห่งเมียนมา เผย ราคามะม่วงเซ่งตะโลงส่งออกไปจีนลดลงในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จาก 120 หยวนต่อตะกร้า แต่ในปีนี้ราคาร่วงเกลือ 100 หยวนต่อตะกร้า (1 ตะกร้าละ น้ำหนัก 16 กิโลกรัม) ผลจากการที่รถบรรทุกหลายพันคันติดอยู่ที่ชายแดนเมียนมา – จีน จากการปิดด่านเพราะสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้คุณภาพมะม่วงลดลงและราคาก็ลดลงตามไปด้วย ปัจจุบันมีการส่งออกทางรถบรรทุกมะม่วงประมาณ 10 หรือ 15 คันไปยังจีนทุกวัน ส่วนใหญ่ผลผลิตมาจากเมืองสะกายและเมืองกะธา โดยมะม่วงส่วนใหญ่จะปลูกกันในเขตอิรวดีบนพื้นที่ประมาณ 46,000 เอเคอร์ ตามด้วยเขตพะโค 43,000 เอเคอร์ เขตมัณฑะเลย์ 29,000 เอเคอร์ รัฐกะเหรี่ยง 24,000 เอเคอร์ รัฐฉาน 20,400 เอเคอร์ และเมืองซะไกง์ 20,000 เอเคอร์

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/price-of-seintalone-mango-exported-to-china-plummets-this-year/#article-title

ADB คาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาเติบโตร้อยละ 4 ในปีนี้

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโตถึงร้อยละ 4 ในปีนี้ และเติบโตที่ร้อยละ 5.5 ในปีถัดไป ตามการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้ารายใหญ่ ซึ่งถูกนำเสนอผ่านรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียประจำปี 2021 ที่ ADB เป็นผู้จัดทำ โดยได้คาดการณ์ว่าภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรมของประเทศจะกลับมาขยายตัวร้อยละ 7.1 ในปีนี้ และร้อยละ 7 ในปีหน้า เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย รองเท้า และสินค้าสำหรับการเดินทาง รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการประกอบจักรยาน ซึ่งภาคการเกษตรคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 ในปี 2021 และร้อยละ 1.2 ในปี 2022 ในขณะที่ภาคบริการต่างๆ อาจฟื้นตัวช้ากว่าโดยขยายตัวที่ร้อยละ 3.3 ในปี 2021 และร้อยละ 6.2 ในปี 2022 ภายใต้ความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50864730/cambodian-economy-can-grow-by-four-percent-this-year/

พ่อค้าถั่วชี้ เกษตรควรปลูกถั่วดำ ถั่วแระเพิ่ม คาดราคาพุ่งขึ้นถึงปีหน้า

ผู้ค้าถั่ว เผย เกษตรกรควรหันมาปลูกถั่วดำและถั่วแระให้มากขึ้นเนื่องจากราคามีแนวโน้มสูงขึ้นจนถึงปีหน้าจากความต้องการของอินเดียที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันอินเดียขอโควต้าการนำเข้า 400,000 ตัน ขณะที่สต๊อกถั่วมีประมาณ 250,000 ตัน ส่งผลให้ราคาเพิ่มตามไปด้วย โดยถั่วดำจะทำการเพาะปลูกในเดือนตุลาคมพฤศจิกายนและธันวาคม ในเขตพะโคและเขตอิระวดี พื้นที่ตอนบนของมัณฑะเลย์และเขตมะกเว ส่วนถั่วแระจะมีการเพาะปลูกอยู่ทั่วประเทศและส่วนใหญ่ผลิตในตอนกลางของประเทศ ราคาของถั่วดำและถั่วแระขึ้นอยู่กับความต้องการของอินเดีย โดยราคาส่งออกถั่วเมียนมาลดลง 97,000 จาก 120,000 จัตในปี 2558 ซึ่งตั้งแต่ปี 60 จะเห็นว่าราคถั่วเมียนมาลดลงเรื่อยๆ แต่เมื่อปีที่แล้วการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของอินเดียส่งผลต่อพื้นที่เพาะปลูกในประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเริ่มหันมานำเข้าถั่วจากเมียนมามากขึ้น เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 64 ราคาถั่วดำอยู่ที่ 100,000-130,000 จัตต่อ 60 visses ในขณะที่ถั่วแระราคาอยู่ที่ 86,000-95,000 จัตต่อ 60 visses (1 visses เท่ากับ 1.66 กิโลกรัม)

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/more-black-beans-pigeon-peas-to-be-grown-as-prices-likely-to-rise-higher-until-next-year/