MTB ปล่อยกู้ร้านขายของที่ระลึกเยียวยาพิษโควิด

Myanma Tourism Bank (MTB) ปล่อยเงินกู้ให้ร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นสมาชิกของ Myanmar Souvenir Entrepreneurs Association (MSEA) โดยธนาคารได้ลงนาม MOU เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 เพื่อส่งเสริมการผลิตของที่ระลึก เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหยุดชะงักลงโดยสิ้นเชิงและกำลังประสบปัญหาทางการเงิน  MTB ยังได้ลงนามใน MOU ในด้านการเงินและการให้กู้ยืมกับสมาคมนักเรียนเก่า GTI และสมาคมการท่องเที่ยวแห่งสหภาพเมียนมา

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanma-tourism-bank-grants-loans-souvenir-shops.html

เอกชนวอนรัฐแจงพร้อมสนองนโยบายล็อกดาวน์

หอการค้าตะวันออกวอนรัฐชี้แจงมาตรการล็อกดาวน์-ภาคท่องเที่ยวจี้ใช้วัคซีนด่วนหวั่นเสียหายหนัก นายปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย หรือประธานหอการค้าภาคตะวันออก กล่าวว่า หากรัฐจะประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ภาคตะวันออก ต้องการให้รัฐเรียกผู้ประกอบการมาหารือร่วมกันก่อน เพื่อทำความเข้าใจในมาตรการต่างๆ เนื่องจากในพื้นที่มีโรงงานจำนวนมาก ที่ต้องทำงานต่อเนื่องไม่สามารถปิดได้ทันที เช่น โรงงานปิโตรเคมี เพราะต้องเร่งผลิตตามคำสั่งซื้อ ขณะเดียวกันขอให้รัฐชี้แจงให้ชัดเจนถึงความหมายของ ล็อกดาวน์ เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน เนื่องจากขณะนี้มีความเข้าใจความหมายที่แตกต่างกัน “ถ้าล็อกดาวน์แล้วไม่ยืดเยื้อผู้ประกอบการก็สามารถเข้าใจได้ เพราะตอนนี้ โรงแรม ท่องเที่ยว กระทบอย่างหนัก และไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหน ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ครั้งแล้ว ซึ่งครั้งแรก โควิดที่เกิดต้นปี ครั้งที่ 2 กรณีเกิดการระบาดจากทหารอียิปต์ และครั้งนี้ที่เกิดระบาดระลอกใหม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ว่าจำนวนเท่าใด แต่คาดว่าหลายพันล้านบาท” นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวว่า ทางภาคเอกชนท่องเที่ยว โดยสมาคมขอให้รัฐบาลรีบพิจารณานำวัคซีนมาใช้โดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นของประเทศใดก็ได้ นอกเหนือจากที่รัฐได้ทำสัญญาไว้ก่อนหน้านี้เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับประชาชน และจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว เพราะกิจการไม่จำเป็นต้องปิดอะไรมาก ส่วนเรื่องของการท่องเที่ยวในประเทศได้รับผลกระทบแน่นอนจากการปิดกิจการต่างๆ โดยเอกชนยอมรับสถานการณ์พร้อมทำตามนโยบาย

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/816626

ค้าปลีกเวียดนาม แตะ 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 68

จากรายงานชองกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าการใช้จ่ายของชนชั้นกลางและรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้รายได้ของภาคค้าปลีกเวียดนาม เพิ่มขึ้น 1.6% เท่าในปี 2563 และมีมูลค่าสูงถึง 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของปี 2568 รวมถึงคาดว่าปี 64-68 อัตราการขยายตัวของภาคค้าปลีก 9-9.5% ในขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในเวียดนาม ปี 2563 ใช้เวลาเพียง 22 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้ช่วยลดแรงกดดันต่อการบริโภคในประเทศ ทั้งนี้ ตามข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดของนีลเส็น เปิดเผยว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ ลดลงราว 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสที่ 2 และลดลง 26%, 19% ในตลาดสิงคโปร์และอินโดนีเซีย เป็นผลมาจากเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ทำให้ภาคค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะโตในปีหน้า จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและความพร้อมในการใช้วัคซีน

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/retail-market-size-to-hit-350-bln-by-2025-4214029.html

เก็บภาษีจากโฆษณา Facebook-Google ในเวียดนาม สูงถึง 42.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานของกรมภาษีอากร (General Department of Taxation: GDT) เปิดเผยว่าเม็ดเงินภาษีที่จัดเก็บอยู่ในลักษณะบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มอย่าง Google และ Facebook ในปี 2562-2563 มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านด่อง หรือราว 42.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบุคคลที่จ่ายภาษีดังกล่าว ได้ทำการแจ้งภาษีและดำเนินการชำระภาษีโดยสมัครใจ หรือรับการกำหนดโดยหน่วยงานภาษี ทั้งนี้ ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิม ชี้ให้เห็นถึงจำนวนธุรกิจดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนหันมาซื้อของออนไลน์ กิจกรรมบันเทิงและการชำระเงินแบบไม่ต้องใช้เงินสด ด้วยเหตุนี้ ทางกรมภาษีอากร จึงดำเนินงานให้หน่วยงานด้านภาษีจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาระบบธุรกิจเสมือนจริง ในขณะเดียวกัน ยังร่วมมือกับองค์กรกรบริหารการตลาดและบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน เพื่อจัดหาแนวทางในการแก้ไขด้านการจัดเก็บรายได้ที่มาจากการบริการดิจิทัล

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/tax-from-online-ads-on-facebook-google-in-vietnam-hits-us-428-million-27023.html

การค้าทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วง 11 เดือนแรก

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 6.6 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ไทย แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนปีนี้กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 1,071 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 51 ในขณะเดียวกันกัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 5,580 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยการค้าทวิภาคีของกัมพูชาระหว่างประเทศใกล้เคียงในปัจจุบันได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามกิจกรรมทางการค้าคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในไม่ช้าหลังจากการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยอยู่ที่ 9.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50799739/cambodia-thailand-bilateral-trade-valued-at-6-6-billion-in-first-11-months/

NBC คาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาจะกลับมาเติบโตร้อยละ 4 ในปี 2021

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชาคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 4 ในปี 2021 ตามรายงานด้านเศรษฐกิจและการธนาคารของ NBC ฉบับปรับปรุงประจำปี 2020 โดยการคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในเชิงบวกนั้นขึ้นอยู่กับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ซึ่ง NBC กล่าวเพิ่มเติมว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะมีส่วนช่วยสนับสนุนและบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา โดยรัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายในการส่งเสริมการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งยังส่งเสริมนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีในทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างกิจกรรมการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในท้องถิ่นร่วมด้วย ซึ่งรัฐบาลได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศว่าจะหดตัวร้อยละ 1.9 ในปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50799755/nbc-kingdoms-economy-to-grow-by-4-percent/

สปป.ลาวสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลไทยหลังการระบาดของ COVID -19 ครั้งใหม่

สปป.ลาวสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากไทยชั่วคราวหลังพบ COVID -19 ระบาดครั้งใหม่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสปป.ลาวกังวลว่าอาหารทะเลอาจปนเปื้อนเชื้อไวรัส ดังนั้นการนำเข้าจึงถูกระงับโดยมีผลทันที คำสั่งห้ามดังกล่าวมีผลหลังจากที่อำเภอสมุทรสาครของไทยกลายเป็นศูนย์กลางของการระบาดของ COVID -19 ครั้งใหม่โดยมีพบผู้ติดเชื้อกว่า 1,000 คน ส่งผลโดยตรงต่อผู้นำเข้าอาหารทะเลในสปป.ลาวได้รับผลกระทบจากการไม่สามารถนำเข้าได้ สมุทรสาครถือเป็นจังหวัดที่มีอุตสาหกรรมประมงใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมีมูลค่าในปี 2562 กว่า 5.8 พันล้านบาท ดังนั้นการเกิดการระบาดระลอกใหม่ครั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าผู้ประกอบการไทยจะสูญเสียเงินจากการส่งออกอาหารทะเลไปยังสปป.ลาวกว่า 100 ล้านบาท

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos251.php

ททท.คาดปีใหม่เงินสะพัดท่องเที่ยวแค่หมื่นล.

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2564 คาดว่าหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนักท่องเที่ยวเกิดความหวั่นวิตกกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาด ทั้งนี้ ททท.ประเมินว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวปีใหม่ 2564 ซึ่งเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง 4 วัน ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.63 – 3 ม.ค. 64 คาดว่า จะมีคนไทยเดินทางภายในประเทศ 2.75 ล้านคน-ครั้ง และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่มากว่า 10,742 ล้านบาท โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 37% ซึ่งลดลงจากปีก่อนมาก เพราะปีที่ผ่านมามีวันหยุดยาวถึง 5 วัน และมีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ เพราะเป็นช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยสร้างรายได้หมุนเวียนมากถึง 23,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเกิดล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาคร แต่ก็ยังไม่นำไปสู่การล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง ดังนั้น บางพื้นที่จึงยังจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 64 ที่ ททท. เป็นผู้จัด หรือร่วมสนับสนุนการจัดงานใน 4 พื้นที่ทั้งเมืองหลักและเมืองรองตามภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ กระบี่ ราชบุรี และร้อยเอ็ด แต่การจัดงานได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ ยกระดับความปลอดภัยตามมาตรการควบคุมโรค คาดว่ามีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่ประมาณ 4.71 แสนคน-ครั้ง และมีรายได้หมุนเวียน 1,800 ล้านบาท

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/814874

กัมพูชาร่วมมือกับเวียดนามในการรับมือโควิด-19

กัมพูชาและเวียดนามได้ให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามแนวชายแดนระหว่างประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชากล่าวในแถลงการณ์ โดยคำปฏิญาณดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการประชุมของคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างกัมพูชา-เวียดนามด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ 18 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาเป็นประธาน โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความขอบคุณสำหรับความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในการป้องกันและต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่การค้าสินค้าข้ามพรมแดนและการลงทุนก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กัมพูชามีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้วทั้งสิ้น 363 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเป็น 0 พร้อมกับได้รับการรักษาฟื้นตัวแล้ว 349 ราย ในขณะที่เวียดนามมีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 1,420 ราย จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 35 ราย และได้รับการฟื้นตัวแล้วทั้งสิ้น 1,281 ราย ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของทั้งทั้งสอง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50796851/cambodia-vietnam-vow-close-cooperation-to-fight-covid-19/

การค้าระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชายังคงดำเนินต่อแม้มีการติดเชื้อภายในประเทศไทย

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของไทยพุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดในเขตจังหวัดสมุทรสาคร มีผู้ติดเชื้อเกือบ 1,000 คน ทำให้รัฐบาลกัมพูชากังวลเป็นอย่างมากจากการระบาดรอบใหม่นี้ แต่อย่างไรก็ตามการกำหนดมาตรการพิเศษด้านศุลกากรโดยรัฐบาลทั้งสองประเทศกล่าวว่ายังคงสามารถทำการค้าระหว่างกันได้ตามปกติ ณ ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้มาตรการที่ได้ทำการกำหนด โดยรองประธานหอการค้ากัมพูชากล่าวว่าจนถึงขณะนี้การค้าชายแดนกัมพูชา-ไทยยังคงปกติและไม่มีปัญหาความแออัดหรือความล้มเหลวในการเคลียร์สินค้าเนื่องจากมาตรการความปลอดภัย โควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้นจากทั้งสองรัฐบาล ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของกัมพูชา โดยเฉพาะสินค้าเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาหารแช่แข็ง และวัตถุดิบแปรรูปจำนวนมาก ที่ขายในตลาดกัมพูชาที่ทำการนำเข้าจากประเทศไทย จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยกระทรวงพาณิชย์ของไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 แสดงให้เห็นว่าปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยอยู่ที่ 5.569 พันล้านดอลลาร์ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการส่งออกของกัมพูชาอยู่ที่ 958 ล้านดอลลาร์ลดลงร้อยละ 48 ในขณะที่การส่งออกไปกัมพูชาของไทยอยู่ที่ 4.611 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 9 ซึ่งการลดลงของการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยเกี่ยวข้องกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคระบาดในปีนี้เป็นหลัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50796894/business-as-usual-despite-recent-thai-virus-outbreak/