เวียดนามนำเข้ารถยนต์จำนวนมากจากไทย อินโดนีเซีย

จากรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เวียดนามนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศมากที่สุด (CBU) จากไทย จำนวน 38,800 คันและอินโดนีเซีย จำนวน 28,900 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 84 ของการนำเข้ารวม ทั้งนี้ ในภาพรวม มูลค่าการนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ อยู่ที่ 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนมากกว่า 80,000 คัน ในช่วงเวลาดังกล่าว ลดลงร้อยละ 33.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม เวียดนามนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศทั้งหมด อยู่ที่ 13,650 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อน

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-imports-most-cars-from-thailand-indonesia-818105.vov

เวียดนามเกินดุลการค้า แตะ 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. ปี 63

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่ายอดเกินดุลการค้าในเดือนต.ค. อยู่ที่ประมาณ 2.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลักดันให้ยอดเกินดุลการค้าในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. อยู่ที่ระดับ 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามอยู่ที่ 440.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 229.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าการนำเข้า 210.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ โทรศัพท์และชิ้นส่วนเป็นสินค้าส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. อยู่ที่ 42.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.3 ของยอดการส่งออกรวม รองลงมาคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วน, เสื้อผ้า, อุปกรณ์และชิ้นส่วน, รองเท้า, ไม้และผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ ตามลำดับ นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดในช่วงดังกล่าว ด้วยมูลค่า 62.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รองลงมาจีนและสหภาพยุโรป ในขณะที่ จีนยังคงเป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 65.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รองลงมาเกาหลีใต้และอาเซียน

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-trade-surplus-hits-us195-billion-in-jan-oct-314851.html

เมียนมาเริ่มส่งออกอะโวคาโดไปอังกฤษ

จากประกาศของสถานทูตเมียนมาในกรุงลอนดอน เมียนมาเริ่มส่งออกอาโวคาโดจำนวนครึ่งตันไปยังอังกฤษ ได้แก่สายพันธ์ Amara (พันธุ์ท้องถิ่น) Hass และ Buccaneer โดยสมาคมผู้ผลิตและส่งออกผักและผลไม้แห่งเมียนมา (MFVP) ได้เชื่อมโยงธุรกิจกับหอการค้าอังกฤษโดยในการส่งออกตัวอย่างสินค้าไป ทั้งยังได้รับความสนใจจากทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง และไต้หวัน โดย 85% ของอาโวคาโดถูกส่งออกไปยังไทยเนื่องจากการค้าชายแดนหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 62 จึงไม่มีการส่งออกไปยังจีน ซึ่งราคาต่อตันในตลาดอังกฤษอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดไทย

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-avocado-exported-britain-london-embassy.html

กัมพูชาส่งออกข้าวไปยังออสเตรเลียเพิ่มขึ้นในช่วง 10 เดือนแรกของปี

กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังออสเตรเลียรวม 25,994 ตัน ในช่วง 1 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้าวอินทรีย์ (SRP: Sustainable Rice Platform) โดย CRF กล่าวว่าทางฝั่งกัมพูชายินดีเป็นอย่างมากที่รัฐบาลออสเตรเลียได้ให้การสนับสนุนภาคเกษตรกรรมของกัมพูชา นอกจากการส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นแล้วบริษัทออสเตรเลียจำนวนหนึ่งยังให้ความสนใจในการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรในกัมพูชาอีกด้วย ซึ่งกัมพูชาส่งออกข้าวเปลือกทั้งสิ้น 536,305 ตัน ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.11 เมื่อเทียบรายปี สร้างรายได้ประมาณ 366.44 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50783475/cambodias-rice-exports-to-australia-up-by-53-percent-in-first-10-months/

ปริมาณผู้โดยสารทางอากาศที่เดินทางมายังกัมพูชาลดลงอย่างมาก

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางมายังกัมพูชาลดลงกว่าร้อยละ 78 ณ ที่สนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ของกัมพูชาในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2020 เมื่อเทียบกับตัวเลขปีที่แล้ว โดยในปัจจุบันการจราจรจะจำกัดเฉพาะเที่ยวบินที่มาจากประเทศจีนไม่กี่เมือง โซล สิงคโปร์ และไทเป รวมถึงเที่ยวบินไปและกลับจากโฮจิมินห์ซิตี้ ของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีบริษัทผู้ให้บริการเที่ยวบิน ได้แก่ Cambodia Angkor Air, Lanmei Air และ Sky Angkor Air โดยรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวได้เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับมาตรการ “Travel bubble” ที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังกัมพูชาซึ่งจัดลำดับว่านักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นส่วนสำคัญอันดับต้นๆ ซึ่งกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศประมาณ 1 ล้านคน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2020 ลดลงร้อยละ 74.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/783581/big-drop-in-passenger-traffic/

กัมพูชาลงนามข้อตกลง GREEN BELT สนับสนุนภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ

กระทรวงการท่องเที่ยวและบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น Yamato Green Co Ltd. ลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MoU) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาห่วงโซ่คุณค่า “Green belt” ที่ให้บริการภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้งมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเกษตรกรกัมพูชาในการปรับปรุงเทคนิคการปลูกผักและพืชอื่นๆด้วยเทคโนโลยีของญี่ปุ่น โดยเชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยให้เกษตรกรผลิตผักที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยสำหรับตลาดกัมพูชา โดยเฉพาะในโรงแรมและร้านอาหารในภาคการท่องเที่ยวรวมถึงส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น ซึ่ง MoU มุ่งเน้นไปที่การให้บริการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมดรวมถึงภาคย่อยทางด้านการท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและการท่องเที่ยวในชนบท ตามรายงานของ General Directorate of Agriculture (GDA) ของกระทรวงเกษตรในปี 2019 กัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกผักราว 57,262 เฮกตาร์ทั่วประเทศและผลิตอาหารได้ประมาณ 682,012 ตันต่อปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50783047/agreement-to-boost-green-belt-tourism-signed/

ประสิทธิภาพด้านพลังงานถือเป็นส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจกัมพูชาในอนาคต

เนื่องจากความต้องการพลังงานของกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีผู้เชี่ยวชาญจึงเรียกร้องให้มีการพัฒนาและดำเนินนโยบายที่ชัดเจน ซึ่งสนับสนุนให้ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมมีส่วนร่วมในการฝึกฝนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม โดยคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของกัมพูชาในระหว่างปี 2019-2040 ซึ่งคาดว่าการใช้พลังงานหลักทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากการคาดการณ์ความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชาสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศระบุว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการนำกัมพูชาไปสู่สังคมสถานะพลังงานสะอาด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50783204/achieving-energy-efficiency-crucial-to-kingdoms-economy/

Xaignavong Group Sole Company Limited ตั้งเป้าขยายอุตสาหกรรมท่อเฟส 2

15 ปีที่ผ่านมาของการนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวกับท่อไปยังสปป.ลาวมีมูลค่ามหาศาล นาย Langkone ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Xaignavong สังเกตเห็นว่ามีเงินตราต่างประเทศจำนวนมากไหลออกจากประเทศในขณะเดียวกันความต้องการสินค้าเหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเจตนารมณ์ในการลดการไหลออกของเงินตราต่างประเทศและช่วยสนับสนุนการพัฒนาที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการปรับปรุงอุตสาหกรรมให้ทันสมัยจึงเกิดการก่อตั้ง Toyo Industry Lao Factory Company Limited หรือ Toyo Pipe Factory ในปี 2559 ภายใต้บริษัทแม่อย่าง Xaignavong Group Sole Company Limited ปัจจุบัน Xaignavong Group กำลังจะมีการลงทุน 20 พันล้านกีบในเฟสที่สองของการก่อสร้างโรงงานท่อ นาย Langkone ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Xaignavong กล่าวกับเวียงจันทน์ไทม์สเมื่อวานนี้ว่าการก่อสร้างคาดว่าอุตสาหกรรม Toyo ใหม่จะแล้วเสร็จภายในแปดเดือนการผลิตทุกขั้นตอนจะทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานกอุตสาหกรรมท่อในภูมิภาคอาเซียนซึ่งในระยะสองจะมีการขยายพื้นที่ของโรงงานจาก 2 เฮกตาร์เป็น 3 เฮกตาร์ การลงทุนครั้งใหม่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในเวียงจันทน์และในประเทศอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือการสร้างโรงงานใหม่ในระยะที่สองจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นทำให้ บริษัทต้องกำชับการดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้และปฏิบัติตามนโยบายการพัฒนาสีเขียว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Xaignavong_224.php

การค้าเวียดนาม-จีน สูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนแรกของปี 63

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าเมื่อเดือนต.ค. เวียดนามมีมูลค่าส่งออกประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังจีน ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศมากกว่า 37.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วย 10 รายการสินค้าที่มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่าจะได้รับสัญญาเขิงบวกหลายด้านด้วยกัน แต่ว่าความตึงเครียดของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการนำเข้าและส่งออกของเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า จะดำเนินงานให้เกิดความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปยังจีน ได้แก่ ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจง่ายขึ้น ปฏิรูประบบให้ดีขึ้นและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการลงทุน เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกิจ

  ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-china-trade-turnover-reaches-us100-billion-in-ten-months-817862.vov

เวียดนามเผยส่งออกมะม่วงไปยังสหรัฐ พุ่ง 2 เท่า

จากรายงานของหน่วยงานการค้าต่างประเทศ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่ามูลค่าการนำเข้ามะม่วงของสหรัฐฯ อยู่ที่ 2.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 99.9 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ ราคานำเข้าเฉลี่ยอยู่ที่ 2,064.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และการนำเข้าส่วนใหญ่เป็นผลไม้สดและผลไม้แช่แข็ง ทั้งนี้ ในแง่ของปริมาณ พบว่าเวียดนามเป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุด อันดับที่ 12 ของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.3 ของยอดมูลค่าทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเวียดนามจำเป็นต้องติดตามเรื่องกฎระเบียบที่เข็มงวดเกี่ยวกับการทำฟาร์ม การบรรจุหีบห่อและแหล่งกำเนิดสินค้า นอกจากนี้ การส่งออกมะม่วงของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นนั้น นับว่าเป็นไปได้ยากมากในช่วงสถานการณ์ของการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ส่งผลการส่งออกทั่วโลกลดลง โดยสหรัฐฯ เป็นผู้ซื้อผลผลิตทางการเกษตรของเวียดนามรายใหญ่ อันดับที่ 4 ในปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.7 ของการส่งออกรวม รองลงมา จีน สหภาพยุโรปและอาเซียน

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnams-mangoes-export-volumnes-to-us-doubles-25849.html