คาด อีคอมเมิร์ซ ไทยปี 63 โต 7.48 แสนล้านบาท

เปิดแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยปี 63 ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งอาเซียน เติบโตกว่า 7.48 แสนล้านบาท ผลพวงห้างร้านใช้ชื้อขายรับส่งสินค้าผ่านบริการออนไลน์  รายงานข่าวจากสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยภาพรวมและแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลที่สำคัญในปี 63 ของไทย ว่า ในปีนี้ธุรกิจการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ซ) จะเป็นกลุ่มธุรกิจดิจิทัลที่มาแรงและมีการเติบโตสูง คิดเป็นมูลค่า 748,000 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ของมูลค่าธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ในภูมิภาคอาเซียน โดยใน 60-62 ที่ผ่านมา มีการประมาณอัตราการเติบโตเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 20-30% กลุ่มธุรกิจที่เติบโต คือ ธุรกิจห้างสรรพสินค้า ธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์อาหาร และธุรกิจด้านเครื่องสำอางและอาหารเสริม เป็นผลมาจากการก้าวเข้ามาของเทคโนโลยีด้านการซื้อขายและรับส่งสินค้าผ่านบริการออนไลน์ เช่น ไลน์แมน และแกร็ป โดยเฉพาะไลน์แมน พบว่า มียอดการใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 300% และมีผู้ใช้บริการ 1.5 ล้านคนต่อเดือนภายในระยะเวลา 2 ปี ส่วนอุตสาหกรรมดิจิทัลที่ถูกผลกระทบจากเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาก คือ อุตสาหกรรมโทรทัศน์ ที่มูลค่าลดลงจาก 115,000 ล้านบาท ในปี 57 เหลือเพียง 57,000 ล้านบาทในปี 61 ที่ผ่านมา และยังสูญเสียผู้รับชมจนกระทั่งมีการคืนใบอนุญาตดิจิทัลทีวี ซึ่งเป็นผลมาจากการทดแทนของเน็ตฟลิกซ์ และยูทูป ที่เริ่มลงทุนให้บริการและผลิตเนื้อหาสำหรับประเทศไทย ชณะที่อุตสาหกรรมการเงิน ก็ได้รับผลกระทบ ด้วยระบบการชำระเงินดิจิทัล จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทยปี 62 ระบุว่า จำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์ลดลงจาก 7,016 สาขาในปี 59 เหลืออยู่ที่ 6,534 สาขาในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/751386

ความคืบหน้าของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 มกราคมคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงกับ บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (ITD) สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกในภูมิภาคตะนาวศรี ตามการแก้ไขสัญญา จะต้องชดเชยและโยกย้ายชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเขตอุตสาหกรรม ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม รัฐบาลไทยตกลงที่จะให้กู้ยืมเงินสำหรับการก่อสร้างทางหลวงสองเลนซึ่งจะเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกับชายแดนเมียนมา- ไทยเพื่อปูทางสำหรับการก่อสร้างต่อไป มีการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขสัญญาเช่าที่ดินรวมถึงการพัฒนาโครงการก๊าซธรรมชาติเหลวและโรงไฟฟ้า

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/development-dawei-sez-makes-progress.html

ใบอนุญาตโครงการการท่องเที่ยวถูกเพิกถอนเพื่อหลีกทางให้กับเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ผู้ว่าราชการแขวงจำปาสักตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตโครงการที่ได้รับอนุญาตในปี 2554 ให้กับนักธุรกิจเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่น้ำตกคอนพะเพ็งและสมภพเพื่อพัฒนาโครงการที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลโดยรัฐบาลสปป.ลาว และ บริษัท LTV Road and Bridge Construction Sole จำกัด ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ 9,846 เฮกตาร์ภายใต้แผนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 4ส่วนหลักคือการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหัตถกรรมและกิจกรรมอุตสาหกรรมอื่น ๆมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าจะลงทุนในโครงการมูลค่ากว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐพร้อมการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นจาก 2561 ถึง 2593และคาดว่ากิจกรรมเชิงพาณิชย์จะสร้างรายได้ประมาณ 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐและจะสร้างงานให้ 100,000 คนสำหรับคนในท้องถิ่น

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/tourism-project-licences-revoked-make-way-special-economic-zone-111888

สปป.ลาวทำข้อตกลงกับจีนในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินโดยตรง

เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนและสปป.ลาวได้ลงนามทำข้อตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยตรงของกีบลาว(LAK)กับหยวนจีน(CNY)แทนที่จะต้องทำการแปลงผ่านสกุลเงินอื่น ๆ จุดประสงค์หลักของข้อตกลงคือเพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนตามนอกจากการการทำข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศจะลดลง ซึ่งจะเกิดประโยชน์จากความร่วมมือนี้และส่งเสริมนโยบายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่หลากหลายจะช่วยลดความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งลาวต้องนำเข้ามาใช้ในการนำเข้าสินค้าเพราะในปัจจุบันเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำต้นทุนของผู้ผลิตในประเทศสูงขึ้นรวมถึงการบริโภคสินค้าในประเทศก็สูงขึ้นข้อตกลงดังกล่าวจะเข้ามาข่วยแก้ปัญหาได้โดยตรงและส่งผลดีต่อไปกับประเทศในอนาคด้านการค้าและการลงทุน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_China_8.php

กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดเวทีสัมมนาด้านการท่องเที่ยวของอาเซียนในปี 2564

กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ในเดือนมกราคม 2564 โดยผู้นำในภาคธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญที่สำคัญจะมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ซึ่ง Asean Tourism Forum (ATF) ครั้งที่ 39 มีกำหนดที่จะเริ่มการประชุมตั้งแต่ 17-23 มกราคมในกรุงพนมเปญตามประกาศของกระทรวงการท่องเที่ยว โดยวาระรายละเอียดยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยว การประชุมทางเทคนิคของเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวอาเซียน การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวอาเซียนและการแสดงต่างๆ ซึ่งกัมพูชาหวังว่า ATF จะเป็นส่วนช่วยในการแสดงผลิตภัณฑ์และบริการที่มีศักยภาพของกัมพูชาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมายังกัมพูชา โดยสิ่งที่สำคัญในการมารวมตัวกันคือสามารถปรับปรุงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับประเทศในภูมิภาคเพื่อพัฒนาภาคการท่องเที่ยว และถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่จะแสวงหาโอกาสการลงทุนในภาคการท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50679156/nation-to-host-crucial-asean-tourism-forum-in-year-2001

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชายังคงมีแนวโน้มคงที่ในปี 2563

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจหลักของประเทศในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ คาดว่าจะยังคงมีความมั่นคงและเป็นหนึ่งในไม่กี่ภาคส่วนที่นักธุรกิจภายในมองว่าเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับนักลงทุน โดยผู้อำนวยการฝ่าย CBRE กัมพูชากล่าวว่าตลาดแสดงสัญญาณการฟื้นตัวในปีนี้แม้จะมีความเสี่ยงและความวุ่นวายต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาปะหยัดและการพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นน่าจะเป็นจุดสนใจสำหรับปี 2563 ตามรายงานของ CBRE ในไตรมาสที่สามของปี 2562 กรุงพนมเปญรายงานว่ามีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 9 โครงการ คิดเป็น 5,140 ยูนิต โดยการเปิดตัวโครงการใหม่จะมุ่งเน้นไปที่อำเภอ Chamkarmon และ Chroy Changvar ซึ่งคิดเป็น 44% และ 40% ของหน่วยที่เปิดตัวใหม่ตามลำดับ ส่วนใหญ่ของการเปิดตัวใหม่อยู่ในตำแหน่งช่วงกลางซึ่งประกอบด้วยประมาณร้อยละ 52 (ประมาณ 2,700 หน่วย) ของการเปิดตัวทั้งหมด

ที่มา :https://www.khmertimeskh.com/50679140/real-estate-market-stable-for-2020

ปูนซีเมนต์ ปูนเม็ด สร้างสถิติยอดการส่งออกสูงสุดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ในปี 2562 เวียดนามส่งออกปูนซีเมนต์และปูนเม็ดประมาณ 34 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 148 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าภาคอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของเวียดนามสร้างสถิติเป็นผู้ส่งออกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ตัวเลขส่งออกซีเมนต์สูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่สอง สำหรับการจำหน่ายปูนซีเมนต์และปูนเม็ดอยู่ที่ 98-99 ล้านตันและการบริโภคในประเทศอยู่ที่ 67 ล้านตัน นอกจากนี้ สมาคมปูนซีเมนต์เวียดนามคาดว่าความต้องการปูนซีเมนต์จะเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 4-5 ในปี 2563 ด้วยปริมาณราว 101-103 ล้านตัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/cement-clinker-exports-set-record-for-second-consecutive-year/167085.vnp

เม็ดเงิน FDI ไหลเข้าไปยังโครงการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามอย่างมาก

จากข้อมูลของสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวนมากไหลเข้าไปในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม โดยประเทศที่มีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอมากที่สุดของเวียดนาม คือ ฮ่องกง (447 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) รองลงมาสิงคโปร์ จีน เกาหลีใต้และสาธารณรัฐเซเชลส์ ตามลำดับ นอกจากกลุ่มประเทศข้างต้นแล้ว อุตสาหกรรมสิ่งทอเวียดนามมีเงินทุนจดทะเบียนรวมราว 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่มาจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งเม็ดเงินทุน FDI ได้ไหลเข้ามาในโครงการวัสดุต่างๆ ได้แก่ โครงการสิ่งทอ,ย้อมผ้า,ตัดเย็บเสื้อผ้า,เส้นใยและผลิตเส้นใย เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/strong-fdi-inflows-poured-into-textile-and-fiber-projects-408588.vov

ธนบัตรแบบใหม่จะไม่ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อ

การเปิดตัวธนบัตร 1000 จัตรุ่นใหม่ที่มีภาพเหมือนของนายพลอองซาน ไปเมื่อวันที่ 7 ม.ค.นั้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อกล่าวว่าเพื่อตอบสนองต่อความกังวลของตลาด จากความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการธนาคาร เมื่อธนาคารกลางปล่อยธนบัตรใหม่เข้าสู่เศรษฐกิจซึ่งจะเป็นการดึงธนบัตรแบบเก่าในจำนวนเท่ากันเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อ  ปัจจุบันไม่มีประเทศใดในโลกพิมพ์สัญลักษณ์พิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ในสกุลเงินของประเทศ ซึ่งเป็นความคิดที่ดีที่จะมีผู้ที่แสดงความจงรักภักดีต่อประเทศ Yoma Bank มองว่าแม้จะมีธนบัตรใหม่แต่ผู้คนควรเปลี่ยนความคิดโดยควรเป็นสังคมไร้เงินสด ซึ่งมีข้อดี เช่น ความสะดวกสบาย และลดต้นทุน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/new-bank-notes-will-not-affect-inflation-expert-says.html

เมียนมา-ไทยเซ็น MOU โอนเงินข้ามแดน

ธนาคารพาณิชย์จาก 2 ประเทศ คือธนาคาร Ayeyarwady (AYA Bank) ของเมียนมาและธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ของไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อร่วมมือกันในการพัฒนาการชำระเงินและบริการโอนเงินระหว่างสองประเทศ เมื่อเดือนตุลาคม 62 ที่ผ่านมาคาดเริ่มใช้งานได้เร็วๆ นี้ ที่ผ่านมาการชำระเงินผ่านธนาคารจะใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งส่งผลเสียจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ MOU นี้สามารถทำให้การชำระเงินเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น แม้ว่าจะมีแรงงานอพยพชาวเมียนมาจำนวนมากในไทยการโอนเงินจะเกิดขึ้นผ่านระบบ Hundi ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินนอกระบบ  ใน 4 ประเทศที่มีพรมแดนติดกับเมียนมา ไทยเป็นคู่ค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ปริมาณการค้าที่ชายแดนไทย – เมียนมาประกอบด้วย ท่าขี้เหล็ก เมียวดี เกาะสอง มะริด ทิกิ และเมาะตุง ในปีงบประมาณ 61-62 มีมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-thailand-agree-cross-border-transfers.html