กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ผ่อนปรนกฎระเบียบ ใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับนักเดินเรือ

ตามประกาศที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา ประกาศลดการเก็บรายได้เงินโอนระหว่างประเทศขาเข้าของผู้เดินเรือเป็น 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี จากเดิมกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เพื่ออนุญาตให้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากคำแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา หากพลเมืองเมียนมารวมถึงนักเดินเรือที่มีการโอนเงินค่าจ้างต่างประเทศไปยังธนาคารท้องถิ่นในประเทศ พวกเขาจะได้รับสิทธิในการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคัน ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับร้อยละ 5 ของเงินโอนเข้าประเทศที่มีมูลค่ามากกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ยกเว้นผู้ที่ได้รับเงินเดือนประจำจากต่างประเทศ ซึ่งบางรายได้รับอนุญาตให้นำเข้ายานพาหนะไฟฟ้าหรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เทียบเท่ากับร้อยละ 5 หากส่งเงินเข้าประเทศมูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและส่งเสริมกิจกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าหรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจึงได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้สำหรับผู้ที่มีการโอนเงินเดือนต่างประเทศเข้ามาในประเทศ หรือพลเมืองเมียนมาที่ได้รับค่าจ้างประจำจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ในกรณีที่การโอนเงินเข้าประเทศของแต่ละบุคคลไม่ถึงเกณฑ์รายได้ที่กำหนด ก็สามารถใช้สิทธิขออนุญาตนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าร่วมกันได้ โดยการดำเนินการขอใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moc-eases-import-rule-of-ev-permit-for-seafarers/

TOYOTA พร้อมดำเนินการผลิตชุดสายไฟรถยนต์ในปอยเปตกัมพูชา

Chea Vuthy รองเลขาธิการ สภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) กล่าวในแถลงการณ์ว่าปัจจุบัน Toyota Tsusho Corporation (Toyota Tsusho) วางแผนที่จะเริ่มผลิตชุดสายไฟสำหรับรถยนต์ในกัมพูชา ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปต โดยได้กำหนดไว้ในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ สำหรับ บริษัท Toyota Tsusho Corporation ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวและตลาดหลักทรัพย์นาโกย่า ซึ่งโครงการดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างมูลค่าประมาณ 36.7 ล้านดอลลาร์ โดยมีแผนที่จะรับสมัครพนักงานทั้งในและต่างประเทศประมาณกว่า 800 คน เพื่อทำงานในโครงการดังกล่าว ด้าน Aun Pornmoniroth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจและการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของกัมพูชาในห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก รวมถึงส่งเสริมความหลากหลายทางเศรษฐกิจในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501339087/toyota-to-produce-auto-wire-harness-in-poipet/

ส่งออกไปรัสเซีย เม.ย.ดิ่งหนัก “รถยนต์-ชิ้นส่วน” สูญหลังโดนนานาชาติคว่ำบาตร

นายกิตตินันท์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย เปิดเผยถึงการส่งออกของไทยไปรัสเซียว่า ตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.65 ที่รัสเซียเริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารกับยูเครน จนทำให้นานาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซียหดตัวอย่างรุนแรง โดยเดือน มี.ค.65 มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 22.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบถึง 73.02% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.65 มีมูลค่า 207.80 ล้านเหรียญฯ ลดลง 6.56% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เดือน เม.ย.65 มูลค่าเหลือเพียง 16.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบหนักถึง 76.77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปี 65 มูลค่า 224.40 ล้านเหรียญฯ ติดลบเพิ่มขึ้นเป็น 23.64%

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2411480

Ford วางแผนเริ่มสายการผลิตรถยนต์ ในกัมพูชาช่วง เม.ย. 2022

Ford ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสหรัฐฯ ตัดสินใจลงทุนเปิดสายการผลิตการผลิตรถยนต์ Ford Ranger และ Ford Everest มูลค่าโครงการรวม 21 ล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วงเดือนเมษายน 2022 โดยโครงการตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Krakor จังหวัดโพธิสัตว์ บนพื้นที่กว่า 4 เฮกตาร์ ในหมู่บ้าน Savon ชุมชน Sna Ansa อำเภอ Krakor จังหวัดโพธิสัตว์ ห่างจากกรุงพนมเปญ 159 กิโลเมตร ลงทุนภายใต้บริษัท RMA AUTOMOTIVE (CAMBODIA) CO., LTD. โดยบริษัทวางแผนที่จะประกอบรถยนต์ทั้งหมด 4,500 คันในปีแรก เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดกัมพูชาเพียงอย่างเดียว ซึ่งคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะช่วยสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นมากถึง 500 ตำแหน่ง สำหรับสายการผลิต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501003438/cambodias-21-million-ford-assembly-plant-to-start-production-line-in-april/

‘เวียดนาม’ เผยยอดขายยานยนต์ชะลอลง เหตุโควิด-19

ยอดขายยานยนต์ของเวียดนามในเดือนสิงหาคมได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และอยู่ในระดับแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2558 สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งเวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่าในเดือนดังกล่าว ตัวเลขของยอดขายลดลง 45% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ สมาชิกของสมาคมฯ มียอดขายยานยนต์รวมทั้งสิ้น 175,400 คัน ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากแบ่งประเภทยานยนต์ พบว่ายอดขายของยานยนต์ส่วนบุคคล 121,549 คัน และยานยนต์เชิงพาณิชย์ 50,034 คัน และยานยนต์วัตถุประสงค์พิเศษ 3,817 คัน นอกจากนี้ นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 เมื่อปลายเดือนเมษายน กลุ่มตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ โรงงานและศูนย์ซ่อมยานยนต์หลายแห่งของสมาคมฯ ต้องหยุดดำเนินกิจการ เนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-automobile-sales-slip-to-record-low-due-to-covid19/207891.vnp

เอกชนลุ้นกำลังซื้อฟื้น-ขายรถพุ่ง นักลงทุนจีนชี้อีอีซียังมีความหวัง

นายายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 150,345 คัน สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมากกว่า 100,000 คันเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ลดลง 40.13% อยู่ที่ 453,643 คัน ส่วนยอดผลิตเพื่อส่งออกลดลง 25.41% อยู่ที่ 67,964 คัน 9 เดือนลดลง 37.49% อยู่ที่ 509,423 คัน รวมยอดผลิตรถยนต์ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 963,066 คัน ซึ่งแม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38.76% ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า หากพิจารณายอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนต่อเดือน จะเห็นว่าตลาดรถยนต์มีแนวโน้มที่ดี เห็นได้จากยอดขายในประเทศเดือน ก.ย.อยู่ที่ 77,433 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 12.41% เนื่องจากรัฐบาลผ่อนคลายล็อกดาวน์มากขึ้น การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และการจัดงานมอเตอร์โชว์ ยังมีโอกาสที่ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้จะทะลุเป้าหมาย 1.4 ล้านคันได้ แม้จะลดลง 4.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดขาย 9 เดือนอยู่ที่ 534,219 คัน ลดลง 22.1% แต่มีสัญญาณดีขึ้น จึงเป็นไปได้ที่ยอดขายในประเทศจะทะลุ 700,000 คันในเงื่อนไขต้องไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบสองขณะที่ การส่งออกคงเป้าเดิมที่ 700,000 คัน” ด้านนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีนกล่าวว่า นักธุรกิจจีนยังมีความพร้อมมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยมีทุนใหญ่ 2 รายซื้อที่ดินไว้เตรียมลงทุนสมาร์ทซิตี้ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา 2,000-3,000 ไร่ และที่เมืองพัทยา 700 ไร่ แต่ยังรอการเปิดประเทศของไทย โดยการเข้ามาจำเป็นต้องเข้ามาผ่านระบบกักตัว 14 วัน ซึ่งได้เดินทางเข้ามาแล้วนับร้อยคน และยังมีรอเตรียมเข้ามาอีกนับพันคน.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1957021

อุตสาหกรรมยานยนต์เมียนมาเตรียมลดการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์

การร้องขอจากอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศสำหรับการลดผลิตชิ้นส่วนยานยนต์กึ่งสำเร็จรูป (Semi Knocked Down :SKD) ได้ถูกเสนอต่อหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของย่างกุ้ง โดยได้เสนอว่าควรส่งเสริมการผลิตรถยนต์ในประเทศสามารถยกระดับห่วงโซ่คุณค่าสู่การผลิตรถยนต์ในประเทศได้เอง (Completely Knocked Down :CKD) :7j’การผลิตแบบ SKD อาจขัดขวางภาคการพัฒนา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2562 กรุงย่างกุ้งจะอนุญาตให้มีการจดทะเบียนยานพาหนะมูลค่ารวม 10 ล้านจัตในเมียนมา ใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ที่จดทะเบียนในย่างกุ้งได้ถูกระงับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 ในอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้คือจะอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ที่จะหมดอายุในเดือนนี้ ตั้งแต่ปี 2561 อนุญาตให้นำเข้ารถยนต์พวงมาลัยซ้ายจากประเทศตะวันตกเท่านั้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/auto-industry-seeks-easing-duties-car-components.html

รัฐบาลจะออกกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเติบโต

รัฐบาลได้ประกาศใช้กฎหมายภายใต้พระราชกฤษฎีกาใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าการขายและการประกอบรถยนต์ในลาวมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบการ 3 ใบจากกระทรวงพาณิชย์บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกรถยนต์อาจดำเนินการเฉพาะในลักษณะขายส่งในขณะที่บริษัทที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายยานยนต์สามารถดำเนินธุรกิจได้ทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกและบริษัทที่มีใบอนุญาตประกอบรถยนต์ได้รับอนุญาตให้นำเข้าชิ้นส่วนและประกอบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับลูกค้าในแบบขายส่งเท่านั้นหนึ่งในข้อกำหนดหลักที่ บริษัทต้องปฏิบัติคือธุรกิจที่ต้องการขอใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกยานพาหนะจะต้องมีทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 4 พันล้านกีบสำหรับรถยนต์สามล้อและ 5 พันล้านกีบสำหรับยานพาหนะสี่ล้อกฎหมายใหม่จะทำให้การจัดการในธุรกิจยานพาหนะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจำกัดบริษัทที่ขายรถยนต์คุณภาพต่ำเนื่องจากจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมต่อไปนอกจากนี้มีการส่งเสริมด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่จะมีการลงทุนอีกด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt06.php