เมียนมาเตรียมเจรจาส่งออกเมล็ดข้าวฟ่างไปยังไทย

ส่งออกของลูกเดือยธัญพืชมายังไทยผ่านชายแดนเมียนมา – ไทยในเมียวดีได้หยุดชะงักลงตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.62 เป็นต้นมา ซึ่งประธานสมาคมการค้าชายแดนเมียวดีกำลังได้คำตอบจากการเจรจาที่ค่ายการค้าชายแดนเพื่อหารือการส่งออกอีกครั้ง หลังพบลูกเดือยธัญพืชประมาณ 100,000 ตันถูกเก็บไว้ที่เขตการค้าชายแดนเมียวดีเนื่องจากมีภัยธรรมชาติและปัญหาการขนส่งจึงไม่สามารถส่งออกได้ตามวันที่กำหนด ปัจจุบันพบว่ากลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) จากไทยมีความต้องการสูงมาก ซึ่งทางสมาคมฯ ได้หารือกับบริษัทใหญ่ๆ ผ่านกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาทางส่งออกธัญพืชที่ถูกกักตุนในเขตการค้าชายแดน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/diplomatic-means-will-be-sought-for-exporting-millet-grains-to-thailand

ธนาคารกลางสปป.ลาวกำหนดมาตรการรักษาเสถียรภาพ

ธนาคารแห่งสปป.ลาวได้กำหนดมาตรการเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ค่าเสื่อมราคาของกีบเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ธนาคารได้ปรับปริมาณเงินในระดับที่เกี่ยวข้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน นอกจากนี้ธนาคารได้ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวที่มีการจัดการเพื่อรักษามูลค่าของกีบที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาเสถียรภาพของกีบคือการจำกัดอุปสงค์และเพิ่มอุปทานของสกุลเงินต่างประเทศในประเทศ ธนาคารเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนและประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่ผลิตสินค้าสำหรับตลาดต่างประเทศ ในขณะเดียวกันผู้บริโภคจำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการซื้อสินค้า บริการนำเข้าและบริการฟุ่มเฟือยน้อยลง นอกจากนี้ธนาคารได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นเนื่องจากภาคส่วนนี้สร้างเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Central.php

เว็บไซต์ท่องเที่ยวของเวียงจันทน์เปิดระบบตั้งค่าให้รับ WiFi ฟรี

การประชุมเชิงปฏิบัติการและการเปิดตัวของระบบ Wifi ฟรี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการสาธารณะและการท่องเที่ยวในสปป.ลาว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไปรษณีย์ โทรคมนาคมและการสื่อสารกล่าวว่าโครงการนี้เป็นโอกาสที่ดีในการใช้เงินทุนจากองค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก ในการติดตั้ง WiFi ฟรีสำหรับการใช้งานโดยบุคคลทั่วไปและผู้มาเยี่ยมชม โครงการนี้จะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในสถานที่ที่เข้าเยี่ยม ซึ่งจำนวนผู้มาเยือนสปป.ลาวเพิ่มขึ้น มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,100,000 คนในปี 61 สร้างรายได้มากกว่า 810 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขเหล่านี้ได้สนับสนุนกระทรวงไปรษณีย์ โทรคมนาคมและการสื่อสารในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลได้กว้างขึ้น สอดคล้องกับกระแสดิจิตอลในปัจจุบัน โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในประเทศ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/vientiane-tourist-sites-set-get-free-wifi-103349

การเพิ่มขึ้นของสัญญาระหว่างเกษตรกรและผู้ค้าในกัมพูชา

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่ารูปแบบการทำสัญญาที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและการเข้าถึงตลาดให้กับเกษตรกร โดยกระทรวงต่างประเทศประกาศว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมมีการทำสัญญาโครงการของเกษตรกรรมรวม 91 โครงการ ทั้งภาคการผลิต ข้าว, อ้อย และปศุสัตว์ ซึ่งมีเกษตรกรรายย่อยเข้าร่วมถึง 7,897 ราย ร่วมทำสัญญาทั่วประเทศ โดยในการทำสัญญาผู้ซื้อจะลงนามในข้อตกลงกับเกษตรกรสำหรับการผลิตและการส่งมอบพืชผลที่จะส่งมอบในอนาคต ซึ่งจะกำหนดปริมาณคุณภาพและราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยรัฐบาลกัมพูชามองว่าการทำสัญญาเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลิตภาพ ในขณะที่เอื้อประโยชน์ต่อคนทุกฝ่าย ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงเกษตรกรกับ บริษัท ต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตข้าวที่เป็นสมาชิกสหพันธ์ข้าวของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50639917/contract-farming-schemes-rising-ministry/

กัมพูชาติดอันดับหนึ่งในห้าผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์ไปยังสหภาพยุโรป

ความต้องการข้าวอินทรีย์ในสหภาพยุโรปและตลาดสำคัญอื่นๆ เช่นสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และจีนพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคมีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จากตัวเลขของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา รายงานว่าการส่งออกข้าวอินทรีย์ของกัมพูชาอยู่ที่ 8,467 ตัน ไปยังสหภาพยุโรปคิดเป็น 3.9% ของการนำเข้าข้าวอินทรีย์ทั้งหมด โดยสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์รายใหญ่ที่สุดไปยังสหภาพยุโรปคิดเป็นเกือบ 70% ของตลาดทั้งหมด ตามด้วยปากีสถาน 10% และอินเดีย 9% ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 โดยมีการส่งออกอยู่ที่ 4.9% ของตลาด (10,522 ตันในการส่งออก) กว่าประมาณ 90% ของการส่งออกข้าวอินทรีย์ทั้งหมดของกัมพูชาเมื่อปีที่แล้วมาจาก Amru Rice Cambodian ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกข้าว 626,225 ตัน ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดในการส่งออกข้าวของกัมพูชาคือสหภาพยุโรป คิดเป็นเกือบ 270,000 ตัน คิดเป็น 42.9%

ที่มา:https://www.khmertimeskh.com/50639919/cambodia-among-top-five-exporters-of-organic-rice-to-the-eu/

เวียดนามเผยยอดการค้ารวมเพิ่มขึ้น 7.3% ในช่วง 8 เดือนแรก

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีมูลค่าการค้ารวม 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสินค้าส่งออกหลักของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ และชิ้นส่วน เป็นต้น ซึ่งทำให้เวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม ในขณะที่ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเวียดนามรายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่า 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3 yoy รองลงมาสหภาพยุโรป จีน และอาเซียน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าผู้ประกอบการควรคำนึงถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า (Origin of goods) เพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-export-turnover-up-73-percent-in-eight-months/159828.vnp

เวียดนามเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 11.5% ในเดือนม.ค. – ส.ค.

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 ยอดค้าปลีกของเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าของรายได้จากการค้าปลีกและบริการประมาณ 137.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการซื้อของคนในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น หากมีการปรับปัจจัยด้านราคา ดัชนียอดค้าปลีกในช่วง 7 เดือนแรก  เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.03 ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ ทุกภาคส่วนของยอดค้าปลีก ระบุว่าด้านกำลังซื้อเพื่อการศึกษา และผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รองลงมากลุ่มอาหาร (เพิ่มขึ้น 13.6%) ของครัวเรือน (11%) เครื่องนุ่งห่ม (10.5%) และการขนส่ง (8.5%) นอกจากนี้ จากข้อมูลของสถาบันวิจัยการตลาด คาดว่าตลาดค้าปลีก/ร้านสะดวกซื้อของเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตกว่า 2 เท่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า และอัตราการขยายตัวร้อยละ 37.4 ในปี 2021 รวมไปถึงสำนักงานการลงทุนต่างประเทศ ระบุว่าภาคการค้าปลีก/ค้าส่ง ติดอยู่ในอันดับที่ 3 ของภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับการดึงดูดจากการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/retail-sales-up-115-percent-in-januaryaugust/159849.vnp

FDI ในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยวของย่างกุ้งสูงกว่า 230 ล้านเหรียญสหรัฐ

คณะทำงานด้านการท่องเที่ยวภูมิภาคย่างกุ้งได้อนุญาตให้ก่อสร้างโรงแรมและเกสต์เฮาส์ 21 แห่งมีมูลค่าลงทุนรวม 238.29 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงสี่เดือนได้ออกใบอนุญาตโรงแรม 33 ฉบับ ใบอนุญาตโรงแรมชั่วคราวหนึ่งใบ อนุญาตเกสต์เฮาส์ 8 ใบ อนุญาตสำหรับการก่อสร้างโรงแรม 18 แห่งจำนวน 2,136 ห้อง ใบอนุญาติก่อสร้างเกสต์เฮาส์ 3 แห่ง ใบอนุญาตทัวร์ขาเข้า 276 ใบ ใบอนุญาตทัวร์ขาออก 121 ใบและใบอนุญาตไกด์นำเที่ยว 218 ใบ การลงทุนรวมสูงถึง 114,924 ล้านจัตและ 238.29 ล้านเหรียญสหรัฐและสามารถสร้างงานใหม่ถึง 2,691 ตำแหน่ง ย่างกุ้งคิดเป็น 70% ของการลงทุนทั้งหมดในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว ในช่วงปลายเดือน ส.ค.อนุญาตให้มีการลงทุนรวม 26,674 ล้านจัต สามารถสร้างงานได้ถึง 335 อัตรา

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/total-fdi-at-hotel-and-tourism-sector-in-yangon-hits-over-230-m-usd

นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเมียนมาเพิ่มขึ้น

รายงานของกระทรวงแรงงาน นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเมียนมามากขึ้นหลังยกเลิกวีซ่าและเพิ่มตารางเที่ยวบินใหม่ระหว่างเมืองต่างๆ ในจีนและย่างกุ้ง พบว่าเจ็ดเดือนแรกของปี 62 เพิ่มขึ้น 151% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วคิดเป็นเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 80% และญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แบ่งนักท่องเที่ยวจีน 380,000 คน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 69,000 คนและนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 67,000 คน จากประกาศของกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว เมียนมากมีแผนที่จะออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากอิตาลี สเปน ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และรัสเซียในวันที่ 1 ต.ค. เป็นระยะเวลาหนึ่งปีเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/more-chinese-tourists-visit-myanmar

การประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาชนบท

การประชุมคณะทำงานด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท (SWG-ARD) ได้สนับสนุนการประสานงานและการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NSEDP) และความสำเร็จของ SDGs ที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วน ที่ประชุมได้มีการดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนภายใต้ SWG-ARD และประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ เช่นหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดและโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร รวมถึงการสำรวจสำมะโนประชากรด้านการเกษตรที่นำไปสู่การกำหนดแผนพัฒนาการเกษตรและป่าไม้ 5 ปีข้างหน้า นโยบายและการจัดการเพื่อสนับสนุนผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางชีวภาพที่ใกล้เข้ามา เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านลบต่อการดำรงชีวิตในชนบทเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วน มันเป็นเวลาที่ดีในการเปลี่ยนแปลงการเกษตรจากกิจกรรมการยังชีพเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและ FAO พร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนของสปป.ลาวในการบรรลุเป้าหมายนี้

ที่มา : http://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=47907