ธนาคาร Mandiri ของอินโดนีเซียเข้าลงทุนในกัมพูชาและสปป.ลาว

ธนาคาร Mandiri ของอินโดนีเซียซึ่งเป็นสถาบันของรัฐได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะเข้าสู่ตลาดกัมพูชาและสปป.ลาว และได้จัดตั้งกองทุนการลงทุนขนาดใหญ่ โดยจะทำการศึกษาวิธีที่ดีที่สุดในการเจาะตลาดใหม่ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 ธนาคาร Mandiri เติบโดถึง 11.1% และมีการประกาศจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชาซึ่งจะเน้นการเติบโตที่แข็งแกร่งของธนาคารในประเทศและภาคการเงินรายย่อย ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีสินเชื่อในสาขาธนาคารและสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นประมาณ 22.4%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50630496/indonesias-mandiri-bank-to-enter-cambodia-laos/

จีน สปป.ลาว ร่วมมือบังคับใช้ด้านกฎหมายด้านความมั่นคง

 สมาชิกสภาแห่งของรัฐบาลจีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของ สปป.ลาว ถึงความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการสร้างชุมชนจีน – ลาว พร้อมกับการศักราชใหม่สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงสำหรับโครงการสำคัญและโครงการทางถนนและความร่วมมือในการปกป้องความมั่นคงของชาติการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น โทรคมนาคม การคอรัปชั่น การพนันออนไลน์ และการสร้างความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีต่อไป

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-08/06/c_138288334.htm

บริษัท เดินเรือกังวลเรื่องความหนาแน่นของท่าเรือสีหนุวิลล์

Sihanoukville Autonomous Port (PAS) ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกเพียงแห่งเดียวของกัมพูชาและเป็นหนึ่งในการเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดไปยังโลกภายนอกกำลังประสบปัญหาความออัดซึ่งกลายเป็นแหล่งที่มาของความกังวลสำหรับ บริษัท ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่สำคัญบางแห่ง โดยพูดถึงความแออัดอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อกัมพูชาเนื่องจากความสำคัญของท่าเรือต่อเศรษฐกิจของประเทศมากถึงประมาณ 70% ของการนำเข้าและส่งออกของกัมพูชาผ่านทางท่าเรือ ซึ่งปัญหาอาจยังคงอยู่จนกว่าการก่อสร้างลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ โดยเฟสที่หนึ่งของการขยายตัวของพอร์ตซึ่งได้รับทุนจากญี่ปุ่นกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเทอร์มินัลใหม่จะเพิ่มความสามารถในการจัดการคอนเทนเนอร์ของพอร์ตจากปัจจุบัน 700,000 หน่วยเทียบเท่าเท้า (TEUs) เป็น 1.29 ล้าน TEUs ภายในปี 2566

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50630492/shipping-companies-concerned-over-congestion-at-pas/

สนามบินเล็งเห็นการเติบโตของผู้โดยสารในช่วงครึ่งปีแรกของกัมพูชา

สนามบินนานาชาติทั้ง 3 แห่งของกัมพูชามีการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในช่วงหกเดือนแรกของปีเนื่องจากมีเส้นทางบินใหม่เชื่อมต่อราชอาณาจักรไปยังจุดหมายปลายทางทั่วเอเชีย จากรายงานตัวของสนามบิน Vinci ผู้ถือหุ้นหลักในสนามบินกัมพูชารวมถึงสนามบินทั้ง 3 แห่งได้รองรับผู้โดยสารถึง 6 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเพิ่มขึ้น 15.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสนามบินทั้ง 3 แห่งเป็นเที่ยวบินโดยสารพาณิชย์ทั้งหมด 56,346 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.1% ซึ่งผลการดำเนินการของสายการบินในกัมพูชาเติบโตถึง 25.1% ในไตรมาส 2 และรัฐบาลกัมพูชาคาดหวังว่าจะมีการเปิดเส้นทางใหม่ในปีหน้าเพื่อเชื่อมต่อกัมพูชาไปยังอินเดียและรัสเซียรวมถึงประเทศในตะวันออกกลาง และจุดหมายปลายทางใหม่ในประเทศจีน โดยตัวเลขการรองรับผู้โดยสารขาเข้าในปีที่แล้วอยู่ที่ 10 ล้านคน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50630544/airports-see-strong-passenger-growth-in-h1/

สถาบัน APi นำสินค้าเกษตรนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามโชว์ที่อินเดีย

สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม (APi) นำสินค้านวัตกรรมด้านสุขภาพและความงาม ที่ผลิตจากสินค้าเกษตรนของไทย ไปจัดแสดงในงาน Health & Beauty Expo 2019 หวังเปิดตัวเจาะตลาดอินเดีย APi จะนำสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเข้าร่วมโชว์ศักยภาพในงานแสดงสินค้า Health & Beauty Expo 2019 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค.2562 ณ เมืองเจนไน อินเดีย ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐาน สร้างโอกาสในการขยายตลาดส่งออกมายังตลาดอินเดีย โดยมั่นใจว่าสินค้าเกษตรนวัตกรรมของไทยจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ซื้อ ผู้นำเข้า และผู้เข้าชมงาน สำหรับสินค้าที่จะนำไปจัดแสดง ประกอบด้วยสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ความงามจากผลผลิตทางการเกษตรของไทยทั้งที่เป็นอาหาร (Food) และที่ไม่ใช่อาหาร (Non-food) เช่น น้ำมันรำข้าว เครื่องดื่มจากสมุนไพร น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ Energy bar แผ่นแปะสิวจากมังคุด ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมจากข้าว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากมะพร้าว และลิปสติกจากสมุนไพรและเครื่องเทศของไทย เป็นต้น ในการเข้าร่วมงานที่อินเดียครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรราว 1,300 ล้านคน ยังเป็นโอกาสในการศึกษาแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคอินเดีย ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากลมากขึ้นด้วย

ที่มา: https://mgronline.com/business/detail/9620000074493

เวียดนามประเมินผลิตภัณฑ์ 5 ประเภท ที่มีศักยภาพในตลาดยุโรป

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่า 5 รายการสินค้าของเวียดนามที่มีศักยภาพในการเข้าตลาดยุโรป ได้แก่ อาหารทะเล ผลไม้ เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า และเครื่องแต่งกาย เป็นต้น เนื่องมาจากการลดภาษีศุลกากร โดยเป็นผลมาจากข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนามกับอียู (EVFTA) ซึ่งข้อตกลงดังกล่าว ได้มีการลงนามในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา นับว่าเป็นครั้งแรกที่สหภาพยุโรปได้ลงนามกับประเทศกำลังพัฒนาในแถบเอเชีย และทางกระทรวงฯ แนะนำให้ผู้ส่งออกเวียดนามให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ โดยเฉพาะกฎข้อบังคับแหล่งกำเนิดสินค้า และความปลอดภัยทางด้านอาหาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญของสหภาพยุโรป โดยในปี 2561 มูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป อยู่ที่ 55.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/five-products-to-see-stronger-export-to-eu-ministry/157288.vnp

เวียดนามนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา พุ่งสูงขึ้น

จากรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการนำเข้าสินค้าของเวียดนาม 8.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หากจำแนกรายสินค้านำเข้าสำคัญของเวียดนาม ระบุว่าคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 ตามมาด้วยฝ้าย มูลค่า 978 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1 พลาสติก ส่วนประกอบเครื่องจักรกล อาหารสัตว์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ในขณะเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เผยว่าเวียดนามนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสินค้าเกษตร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/523601/vn-imports-of-us-goods-shoot-up.html

หนี้สินเมียนมาพุ่ง 38,000 ล้านจัต

ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคมของปีนี้เมียนมามีหนี้รวม 38,117 พันล้านจัต รวมถึงหนี้สินต่างประเทศ 9.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 54-55 หนี้ในประเทศ 9,938 พันล้านจัตและหนี้ต่างประเทศ 6,635 พันล้านจัต ในปี 55 – 56 หนี้สินในประเทศ 10,824 ล้านจัตและต่างประเทศ 7,301 พันล้านจัต ปี 55-56 และ 12,014 พันล้านในหนี้สินในประเทศ และหนี้ต่างประเทศจำนวน 9,561 พันล้านจัต ในปี 2556-2557 มีตราสารหนี้ในประเทศ 12,487 พันล้านจัตในและต่างประเทศ 9,545 พันล้านจัต และในปี 58-59 มีหนี้สินในประเทศ 15,724 พันล้านจัต หนี้ต่างประเทศ 12,246 พันล้านจัต นับตั้งแต่รัฐบาลพรรค NLD เข้ารับตำแหน่งมีหนี้ในประเทศปี 59-60 ในประเทศ 18,020 พันล้านจัตและหนี้ต่างประเทศ 10,841 พันล้านจัต ในปีงบประมาณ 2559-2560 ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ก.ย. ปี 62 นี้มีหนี้สินในประเทศ 22,787 พันล้านจัตส่วนต่างประเทศมี 15,330 พันล้านจัต ซึ่งปัจจุบันกระทรวงการวางแผนและการคลังกำลังวางแผนเพื่อรับมือกับปัญหานี้อยู่

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-has-over-ks38000-billion-in-total-debt

มหาวิทยาลัยแห่งชาติสปป.ลาวจะรับนักเรียนมากกว่า 8,000 คนในปีนี้

มหาวิทยาลัยแห่งชาติสปป.ลาวในเวียงจันทน์จะรับนักศึกษาประมาณ 8,100 คนเพื่อศึกษาใน 13 คณะในปีการศึกษาถัดไป นักเรียนถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก (กลุ่ม A) ทำการทดสอบในวิชาคณิตศาสตร์ วรรณคดี ฟิสิกส์ เคมีและชีววิทยา กลุ่มที่สอง (กลุ่ม B) ได้รับการทดสอบ วิชาวรรณคดี คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ กลุ่มที่สาม (กลุ่ม C) ได้ทำการทดสอบในวิชาคณิตศาสตร์ เคมี ชีววิทยา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์และวรรณคดี มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อกำหนดคำถามการสอบและอีกส่วนหนึ่งเพื่อตรวจสอบนักเรียนระหว่างการสอบ มหาวิทยาลัยยังได้จัดทำระบบออนไลน์เพื่อให้ผู้สมัครสามารถลงทะเบียนสอบผ่านกระบวนการง่ายๆ ผลการสอบเข้าจะมีการประกาศในปลายเดือนนี้ การลงทะเบียนหลักสูตรจะเริ่มในเดือนกันยายนและชั้นเรียนจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคมปีนี้ ่ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_National.php

กระทรวงสปป.ลาวอนุญาตให้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้มากขึ้น

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้แก้ไขรายการผลิตภัณฑ์ไม้ที่ได้รับอนุมัติสำหรับการส่งออกเพื่อให้ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในสปป.ลาวสามารถขายสินค้าของตนได้ง่ายขึ้นในตลาดท้องถิ่นและต่างประเทศ กระทรวงฯ ได้ระบุผลิตภัณฑ์ไม้ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ไม้ที่ปลูกผลิตภัณฑ์จากไม้ธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์หวายและไม้ไผ่ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ทำจากไม้สวนสามารถส่งออกได้ รวมถึงสินค้าที่ผ่านการแปรรูปและไม่แปรรูปตามรายการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ไม้ (หมายเลข 0939 / MoIC) ไม้กฤษณาควรส่งออกในรูปแบบของไม้บดหรือบิ่น ในขณะที่ไม้ที่ปลูกในเชิงพาณิชย์อื่น ๆ ควรดำเนินการตามขนาดที่กำหนดภายใต้คำแนะนำของกระทรวงก่อนส่งออก กระทรวงแสดงความหวังว่าการตัดสินใจครั้งใหม่จะช่วยผู้ขายไม้และผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในสปป.ลาวส่งออกผลิตภัณฑ์ของตนได้ง่ายขึ้น ลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะผู้ซื้อชาวจีนยังคงแสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์ไม้และเฟอร์นิเจอร์ แต่ขนาดของสินค้าส่งออกที่กำหนดโดยรัฐบาลไม่ตรงกับความต้องการ ปัญหานี้กลายเป็น ปัญหาใหญ่ เพื่อแก้ปัญหานี้สมาคมเฟอร์นิเจอร์สปป.ลาวได้ขอให้รัฐบาลปรับปรุงกฎและข้อบังคับ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-ministry-allows-more-wood-products-export-101523