เวียดนามส่งออกปลาสวายพุ่งไปยังมาเลเซีย

จากรายงานของสมาคมผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลของเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกปลาสวายเวียดนาม (Pangasius) ไปยังตลาดอาเซียนสูงกว่า 87.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตลาดมาเลเซียเป็นหนึ่งในกลุ่มสมาชิกอาเซียนที่มีการนำเข้าของปลาสวายสูงที่สุดจากเวียดนาม และในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มาเลเซียมีมูลค่าการนำเข้าปลาสวายกว่า 18.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 47.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในส่วนของการนำเข้าปลาสวายของไทย พบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกปลาสวายไปยังไทยกว่า 32.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 เมื่อเทียบกับปี 2561

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7682902-vietnamese-tra-fish-exports-to-malaysia-rise-sharply.html

เมียนมาอนุญาต 5 บริษัทลงทุนในประเทศ

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและบริหารบริษัท (DICA) เปิดเผยว่าที่ผ่านมาอนุญาตให้องค์กรธรกิจ วิสาหกิจการลงทุนทั้งในและต่างประเทศจำนวนห้าแห่งเข้ามาลงทุนในประเทศ ประกอบด้วยในประเทศ 5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต่างประเทศที่มีทุนจดทะเบียน 93.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสามารถจ้างงานได้มากกว่า 530 ตำแหน่งในท้องถิ่นของภาคการผลิต การก่อสร้าง และการบริการอื่น ๆ จากตัวเลขของ DICA มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศ 80.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจาก 1,725 บริษัท นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2531-2532 ถึงวันที่ 31 พ.ค.ของปีงบประมาณ 2561-2562 โดยน้ำมันและก๊าซสามารถดึงดูดการลงทุน 27.94% ของการลงทุนต่างประเทศทั้งหมดส่วนภาคพลังงาน 26.4% และภาคการผลิต 13.59% ด้านภูมิภาคอย่างย่างกุ้งดึงดูดเงินลงทุน 60% ตามด้วยมัณฑะเลย์ 30% และที่เหลือเป็นภูมิภาคอื่นๆ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-07/11/c_138218102.htm

สหรัฐฯช่วยสปป.ลาวขยายเครือข่ายการเกษตร

สหรัฐฯ ได้ตกลงที่จะขยายการสนับสนุนสปป.ลาวผ่านโครงการสร้างการเชื่อมโยงสำหรับขยายเครือข่ายเกษตร (CLEAN) ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์เกษตรกรและขยายการส่งออก Winrock International ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกรมวิชาการเกษตรเพื่อดำเนินโครงการ CLEAN ในสปป.ลาว ได้รับทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ มากกว่า 9 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ กิจกรรมของ CLEAN เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2561-2564 ในเขตพื้นที่เป้าหมายในเมืองหลวงเวียงจันทน์, แขวงจำปาศักดิ์, เซกองและสาละวัน ภายใต้ข้อตกลงนี้โครงการจะยังคงมุ่งเน้นที่การส่งเสริมการเพาะปลูกพืชเชิงพาณิชย์เช่น ส้ม มันสำปะหลัง กะหล่ำปลี กาแฟ กล้วย ถั่วลิสงและพริกไทย เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ โครงการจะใช้แนวทางการตลาดเพื่อพัฒนาการเชื่อมโยงตลาดและเพิ่มความต้องการการเกษตรของสปป.ลาวในตลาดในประเทศ ภูมิภาคและทั่วโลกโดยการปรับปรุงการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการรับรองคุณภาพ ความพยายามเหล่านี้จะเพิ่มการผลิตและลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_US_160.php

GDT เก็บภาษีได้ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในครึ่งปีแรก

รายรับจากการจัดเก็บภาษีสูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรก หรือประมาณ 66% ของเป้าหมายทั้งปี โดยครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว กรมสรรพากร (GDT) เก็บภาษีได้ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในแถลงการที่ออกมาเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา GDT กล่าวว่าได้มีการเก็บภาษีสูงกว่าเป้าหมายอย่างน้อย 10% ชี้ให้เห็นว่าในปี 2560 รายได้จากภาษีสูงกว่าเป้าถึง 15% ในขณะที่ปีที่แล้วทำได้ 14% โดยผู้อำนวยการทั่วไปของ GDT กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากภาษีเป็นผลมาจากการปฏิรูปที่ชัดเจนทั้งในแง่ของกฎระเบียบและการบริหารภาษี ซึ่งเน้นถึงความสำคัญของการมีบริษัทจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ โดยปีที่แล้วรัฐบาลมีรายได้ที่ 2.19 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.19% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50622816/gdt-collects-1-5bln-in-taxes-in-first-half-of-the-year/

ตลท.เล็งออกสกุลเงินดิจิทัล CLMV

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยภายในงานเสวนาลิบราว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวคิดศึกษาและพัฒนาแพลต ฟอร์มการเชื่อมโยงตลาดกลุ่ม “CLMV” ที่ให้สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศรวมกันได้ รวมทั้งอาจลดระยะเวลา และการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ที่ปัจจุบันดำเนินการ 2 วันทำการ (ที+2) ให้เร็วขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งเบื้องต้นหากดำเนินการจริง คงต้องมีการทดลองทำสกุลเงินดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงในกลุ่ม (CLMVT) ผ่านศูนย์ทดสอบนวัตกรรมการเงิน (แซน บอค) เพื่อทดสอบระบบดังกล่าวก่อน อย่างไรก็ตาม ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องการดำเนินการเพื่อพัฒนาการลงทุนให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีรวมกัน โดยจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเชื่อมโยงการลงทุนในภูมิภาคให้กับนักลงทุนไทยที่ลงทุนในต่างประเทศ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/tpd/3013083

นครดานังดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ 542 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปี 2562

        จากการประชุมคณะกรรมการพรรคและคณะกรรมการประชาชนนครดานัง ครั้งที่ 11 (The Party Committee and People’s Committee of Da Nang City) ในวันอังคารที่ผ่านมา เปิดเผยว่าในงานดังกล่าวได้มีการมอบใบรับรองการลงทะเบียนการลงทุน (Investment Registration Certificate) ให้กับโครงการรวม 8 โครงการ โดยมีมูลค่าการลงทุนกว่า 492 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมไปถึงหน่วยงานท้องถิ่นที่มีโครงการวิจัยรวม 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนวิจัย 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงแม้ว่าทิศทางการลงทุนยังอยู่ในเชิงบวก แต่ภาครัฐฯต้องดำเนินงานในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ทั้งด้านการค้าและการลงทุนให้รอบด้านมากขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/522456/da-nang-attracts-542-million-of-foreign-investment-in-h1.html#YOZfMohBZeZiDqAg.97

ธุรกิจโรงแรมหวั่นถูกย้ายหลังพุกามขึ้นทะเบียนมรดกโลก

วันที่ 6 กรกฎาคม 62 องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ยกให้พุกามเป็นมรดกโลกภายหลังได้มอบให้กับกลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู เมืองโบราณศรีเกษตร เมืองฮาลิน และเมืองเบกถาโน ในปี 57 ซึ่งเมืองโบราณมีเจดีย์ที่หลงเหลือกว่า 3,500 แห่งตอนนี้รัฐบาลและประชาชนต้องร่วมมือกันอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีและต้องย้ายโรงแรมไปยังโซนที่จัดไว้โดยเฉพาะภายในปี 71 หากล้มเหลวสถานะจะถูกเพิกถอน จากข้อมูลมีโรงแรมมากกว่า 300 แห่งในพุกามส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัวที่มีห้องพักเพียง 30 ถึง 50 ห้อง ซึ่งราคาของหลายโรงแรมมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์และเป็นที่ดินของตัวเองซึ่งเป็นการยากที่จะชดเชยสำหรับธุรกิจ ภายหลังพุกามถูกยกสถานะคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเห็นได้จากสายการบินอย่างบางกอกแอร์เวย์ที่สนใจเปิดเส้นทางบินไปยังพุกาม คาดว่าดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉลี่ย 300,000 คนต่อปีตั้งแต่ปี 54 จนถึงปีนี้ มีจำนวน 200,000 คนที่มาเยี่ยมชมพุกาม ดังนั้นการจัดโซนโรงแรมขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลและยูเนสโก

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/concerns-may-emerge-when-bagan-hotels-businesses-are-forced-move.html

รัฐบาลสปป.ลาว ดำเนินลดภาระงบประมาณและภาระหนี้สิน

รัฐบาลได้กำหนดมาตรการเพื่อเพิ่มรายได้ประชาชาติภายในปี 2563 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการลงทุนของรัฐฯ ซึ่งทางคำสั่งของนายกรัฐมนตรีฯ ได้ดำเนินให้หน่วยงาน ภาครัฐให้มีการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพตามงบประมาณที่จำกัดและลดงบประมาณการบริหารโครงการที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน โดยเป้าหมายของภาครัฐในครั้งนี้ เพื่อจำกัดการใช้จ่ายของงบประมาณ และการป้องกันขาดดุลการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้สิน และวิกฤตทางการเงินได้ นอกจากนี้ โครงการลงทุนของภาครัฐต้องได้รับการสนับสนุนจากภาคการลงทุนของต่างชาติเป็นสำคัญ และความร่วมมือของภาคเอกชนในการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศขยายตัวอย่างน้อยร้อยละ 6.5 ต่อปี

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_GovtS.php