ธุรกิจก่อสร้างในเวียดนามมีทิศทางการดำเนินงานเป็นบวก ในช่วงไตรมาสที่ 3

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ผู้ประกอบการด้านการก่อสร้างส่วนใหญ่ร้อยละ 40.9 มองว่าผลประกอบการอยู่ในระดับทรงตัว/ไม่เปลี่ยนแปลง รองลงมาร้อยละ 36.4 ธุรกิจอยู่ในช่วงยากลำบาก และร้อยละ 22.7 ธุรกิจอยู่ในระดับดีมาก ตามลำดับ ซึ่งเป็นการสำรวจธุรกิจกว่า 5,500 แห่ง ที่อยู่ในภาคการก่อสร้าง และจากการสำรวจร้อยละ 66 ของกลุ่มรัฐวิสาหกิจมองว่าสถานการณ์ธุรกิจดีขึ้น ในช่วงกรกฎาคมจนถึงเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว นอกจากนี้ ผลของการสำรวจชี้ให้เห็นว่าธุรกิจส่วนใหญ่ร้อยละ 51.3 มีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น และร้อยละ 48.7 ต้นทุนการผลิตยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลง สำหรับความต้องการจ้างงาน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 81.5 ธุรกิจยังคงไม่ต้องการเพิ่มพนักงาน และร้อยละ 18.5 ธุรกิจต้องการพนักงานน้อยลง และทางสำนักงานฯ แนะนำให้ธนาคารพาณิชย์ช่วยลดขั้นตอนการปล่อยสินเชื่อ ลดระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ และเอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการเข้าถึงเงินทุน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/construction-firms-optimistic-about-business-performance-in-q3/160483.vnp

11 เดือน เมียนมาส่งออกถั่วมูลค่าเกือบ 930 ล้านเหรียญสหรัฐ

เมียนมามีรายได้เกือบ 930 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกถั่วและพัลส์ต่าง ๆ ประมาณ 1.5 ล้านตัน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.61 ถึง 30 ส.ค.62 ของปีงบประมาณนี้ซึ่งสูงกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 625.572 ล้านเหรียญสหรัฐ เมียนมาร์ส่งออกถั่วเขียวผิวมันและถั่วเขียวเป็นหลัก ผู้นำเข้าหลักคืออินเดียนิยมซื้อถั่วเขียวในขณะที่จีนและยุโรปมักจะซื้อถั่วเขียวผิวมัน ถั่วเขียวหนึ่งตันมีราคาอยู่ที่ประมาณ 754,000 จัตในตลาดท้องถิ่น ราคาถั่วเขียวมีความผันผวนในตลาดท้องถิ่นจากข้อมูลของผู้ค้าถั่วศูนย์ค้าส่งบุเรงนองในย่างกุ้ง เมียนมาส่งออกถั่ว 561,766 ตัน มูลค่า 672.288 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 59-60 527,965 ตันมูลค่า 344.043 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 60-61 งบประมาณ 61-62 ถึงสิงหาคมปีนี้ ราคาเฉลี่ยหนึ่งตันอยู่ที่ 758,332 จัต

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/nearly-930-m-earned-from-export-of-beans-and-pulses-in-11-months

พาณิชย์เร่งอัพเกรดเอฟทีเอ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมกำลังอยู่ระหว่างการ เตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา หลังจากที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้มีมติให้อาเซียนไปเจรจากับคู่เจรจาเพิ่มเติม หลังจากที่เอฟทีเอจับคู่เจรจาหลายกรอบ ทั้งอาเซียน-จีน, อาเซียน-อินเดีย, อาเซียน-เกาหลีใต้ และอาเซียน-ออสเตรเลียนิวซีแลนด์ ได้มีผลบังคับใช้มานานแล้ว และยังไม่มีการปรับปรุงความตกลง ยกเว้นอาเซียน-ญี่ปุ่น ที่ได้มีการอัพเกรดเอฟทีเอไปแล้ว ขณะนี้กำลังรอการบังคับใช้

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/tpd/3041888

เวียดนามเผยยอดนำเข้ารถยนต์จากจีนร่วงลง

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม เปิดเผยว่าเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว การนำเข้ารถยนต์จากประเทศจีนลดลง เนื่องมาจากการยกเลิกอัตราภาษีนำเข้าในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยในปีที่แล้ว เวียดนามนำเข้ารถยนต์ทุกชนิดจากจีนกว่า 1,565 คัน ลดลงร้อยละ 87 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีปริมาณรถยนต์ราว 11,800 คัน  และคาดว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนามอยู่ที่ 900 คัน หากจำแนกประเภทรถยนต์ ระบุว่าส่วนใหญ่เวียดนามนำเข้ารถบรรทุกจากจีน ในขณะที่ ความต้องการรถยนต์ชนิดดังกล่าวเพิ่มขึ้น และเวียดนามนำเข้ารถยนต์ไม่เกิน 9 ที่นั่ง จากอาเซียน เป็นผลมาจากการได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0 นอกจากนี้ สัดส่วนการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนาม ส่วนใหญ่มาจากอาเซียนร้อยละ 88.8 ในขณะที่ จีนมีเพียงร้อยละ 1.9 ทางด้านกระทรวงฯ มองว่าในปีนี้ เวียดนามนำเข้ารถยนต์ ด้วยมูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา :    https://e.vnexpress.net/news/business/industries/car-imports-from-china-crash-3981546.html

เอกชนชี้ตลาดโลว์คอสต์ไทยโตทะลุ 20%

ไทยเวียดเจ็ต เผยว่าปี 62 เป็นอีกปีที่สายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost Airline) เติบโตอย่างคึกคัก สวนทางตลาดท่องเที่ยวไทยที่เติบโตลดลงมาโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติถือว่าไม่ค่อยคึกคัก ส่งผลให้ไทยเวียดเจ็ตปรับเป้าการเติบโตจาก 10% เป็น 20% ในปีนี้ ทั้งนี้คาดว่าปริมาณผู้โดยสารทั้งปีจะอยู่ที่ 2.4 ล้านคน เติบโตจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2.1 ล้่านคน ตลาดศักยภาพเกิดใหม่เป็นขุมทรัพย์และเป้าหมายการทำตลาด คืออินเดีย ในรอบ 10 ปีข้างหน้าผู้โดยสารจากอินเดียจะไหลทะลักไปทั่วโลกรวมถึงเข้ามาในไทยด้วย ทั้งนี้ส่วนในรอบ 5-10 ปีนั้นสายการบินโลว์คอสต์จะพุ่งเป้าไปในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งมีดีมานต์ประชากรมากกว่า 70 ล้านคน ดังนั้นจึงสนใจเปิดเส้นทางบิน ไทย-ย่างกุ้ง (เมียนมา) และ ไทย-สปป.ลาว จากปัจจุบันมีเส้นทางบินแค่ ไทย-เวียดนาม รายงานข่าวกระทรวงคมนาคมระบุว่า ตลาดอินเดียมีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก เฉลี่ย 20% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 61 ขยายตัว 18% ทิ้งห่างเจ้าตลาดจีนอย่างมากซึ่งเติบโตเพียง 11% ในปีก่อน ดังนั้นคาดว่าปริมาณผู้โดยสารของอินเดียจะมีมากกว่า 520 ล้านคนในปี 2037 และเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 10% ในอีกหลายปี

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/45720

เวียดนามจำเป็นต้องต่อสัญญาตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ

เวียดนามจำเป็นต้องต่อสัญญาตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น และให้มีการยกระดับของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทางข้อมูลของผู้อำนวยการบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลส์ (JLL) เปิดเผยว่าการปฏิรูปกฎหมายจะพัฒนาในด้านความโปร่งใสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาสนใจลงทุนมากยิ่งขึ้น เนื่องมาจากการหาแหล่งพื้นที่ในการลงทุนนั้น มีความยากลำบากในการพัฒนา และลงทุนในอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งทางหน่วยงานรัฐฯ ได้มองเห็นถึงประเด็นดังกล่าว และดำเนินในการปรับปรุงกรอบของกฎหมายการลงทุนในตลาดอสังหาฯ ในขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์ Nguyen Tri Hieu ระบุว่าธุรกิจในท้องถิ่นได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจให้ดีมากขึ้น เพื่อจะเข้าในตลาดหลักทรัพย์ และร่วมมือกับกองทุนต่างชาติ รวมไปถึงต่อยอดโครงการให้ประสบความสำเร็จ แสดงให้เห็นว่าบริษัทอสังหาฯในประเทศ จำเป็นต้องมีเงินทุนจากต่างชาติ นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติของสำนักงานลงทุนต่างชาติ ระบุว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนต่างชาติมีความสนใจที่จะลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและแปรรูปมากที่สุด ด้วยมูลค่า 15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติรวม รองลงมาภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้าปลีกและค้าส่ง ตามลำดับ

ที่มา :    https://en.vietnamplus.vn/vietnam-needs-to-renew-property-market-to-lure-more-foreign-capital/160437.vnp

สปป.ลาว จำกัดการส่งออกข้าวเนื่องจากข้าวขาดตลาด

สปป.ลาว จำกัดการส่งออกข้าวเนื่องจากขาดแคลนอุปทานในตลาดภายในประเทศแม้จะมีความต้องการสูงจากต่างประเทศ ราคาข้าวที่สูงและผลกระทบจากอุทกภัยภายในประเทศในฤดูกาลนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชาวนาเก็บข้าวไว้บริโภคเอง สปป.ลาวส่งออกข้าวขัดมันเพียง 1,350 ตันไปยังจีนโดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโควต้าการส่งออก 50,000 ตัน ในขณะที่ตลาดจีนต้องการข้าวจากสปป.ลาวเพิ่มขึ้น ผลกระทบจากภัยธรรมชาติอาจเป็นสาเหตุสำคัญของผู้ส่งออกข้าวสปป.ลาวที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ซึ่งจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดและเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศแม้ว่าจะมีข้อกำหนดด้านคุณภาพที่เข้มงวด ราคาข้าวเริ่มเพิ่มสูงขึ้นในเดือนมิ.ย.และหลายพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคกลางและภาคใต้ได้รับผลกระทบ น้ำท่วมทำลายไร่นาหลายพันไร่และพืชไร่อื่น ๆ หลายร้อยเฮคแตร์ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รายงานตัวเลขโดยละเอียดเกี่ยวกับความเสียหาย

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-limits-rice-exports-due-short-supply-104201

11 เดือนของปีบัญชีปัจจุบันเมียนมาส่งออกหยก 356 ล้านเหรียญสหรัฐ

รายงานของกระทรวงพาณิชย์มูลค่าการส่งออกหยกอยู่ที่ 356 ล้านเหรียญสหรัฐจากปริมาณการส่งออก 1,548.452 ตัน ใน 11 เดือนของปีบัญชีปัจจุบัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 866.606 ล้านเหรียญสหรัฐจากปริมาณการส่งออก 3,128.501 ตัน ซึ่งลดลงถึง 509.730 ล้านเหรียญสหรัฐ หยกมีความเกี่ยวข้องกับงานประมูลอัญมณีเป็นอย่างมาก ยิ่งรัฐบาลมีงานประมูลอัญมณีมากเท่าไหร่จะทำให้การส่งออกหยกยิ่งมากขึ้น จากข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากงานประมูลอัญมณีของเมียนมาในปี 62 การเก็บภาษีหยกดิบจะอยู่ที่ 15% ส่วนทับทิม ไพลินและอัญมณีที่มีค่าอื่นอยู่ที่ 10%

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/jade-export-volume-reaches-us-356-million-in-11-months-in-current-fy