กัมพูชาติดอันดับหนึ่งในห้าผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์ไปยังสหภาพยุโรป

ความต้องการข้าวอินทรีย์ในสหภาพยุโรปและตลาดสำคัญอื่นๆ เช่นสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และจีนพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคมีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จากตัวเลขของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา รายงานว่าการส่งออกข้าวอินทรีย์ของกัมพูชาอยู่ที่ 8,467 ตัน ไปยังสหภาพยุโรปคิดเป็น 3.9% ของการนำเข้าข้าวอินทรีย์ทั้งหมด โดยสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์รายใหญ่ที่สุดไปยังสหภาพยุโรปคิดเป็นเกือบ 70% ของตลาดทั้งหมด ตามด้วยปากีสถาน 10% และอินเดีย 9% ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 โดยมีการส่งออกอยู่ที่ 4.9% ของตลาด (10,522 ตันในการส่งออก) กว่าประมาณ 90% ของการส่งออกข้าวอินทรีย์ทั้งหมดของกัมพูชาเมื่อปีที่แล้วมาจาก Amru Rice Cambodian ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกข้าว 626,225 ตัน ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดในการส่งออกข้าวของกัมพูชาคือสหภาพยุโรป คิดเป็นเกือบ 270,000 ตัน คิดเป็น 42.9%

ที่มา:https://www.khmertimeskh.com/50639919/cambodia-among-top-five-exporters-of-organic-rice-to-the-eu/

เวียดนามเผยยอดการค้ารวมเพิ่มขึ้น 7.3% ในช่วง 8 เดือนแรก

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีมูลค่าการค้ารวม 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสินค้าส่งออกหลักของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ และชิ้นส่วน เป็นต้น ซึ่งทำให้เวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม ในขณะที่ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเวียดนามรายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่า 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3 yoy รองลงมาสหภาพยุโรป จีน และอาเซียน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าผู้ประกอบการควรคำนึงถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า (Origin of goods) เพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-export-turnover-up-73-percent-in-eight-months/159828.vnp

เวียดนามเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 11.5% ในเดือนม.ค. – ส.ค.

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 ยอดค้าปลีกของเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าของรายได้จากการค้าปลีกและบริการประมาณ 137.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการซื้อของคนในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น หากมีการปรับปัจจัยด้านราคา ดัชนียอดค้าปลีกในช่วง 7 เดือนแรก  เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.03 ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ ทุกภาคส่วนของยอดค้าปลีก ระบุว่าด้านกำลังซื้อเพื่อการศึกษา และผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รองลงมากลุ่มอาหาร (เพิ่มขึ้น 13.6%) ของครัวเรือน (11%) เครื่องนุ่งห่ม (10.5%) และการขนส่ง (8.5%) นอกจากนี้ จากข้อมูลของสถาบันวิจัยการตลาด คาดว่าตลาดค้าปลีก/ร้านสะดวกซื้อของเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตกว่า 2 เท่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า และอัตราการขยายตัวร้อยละ 37.4 ในปี 2021 รวมไปถึงสำนักงานการลงทุนต่างประเทศ ระบุว่าภาคการค้าปลีก/ค้าส่ง ติดอยู่ในอันดับที่ 3 ของภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับการดึงดูดจากการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/retail-sales-up-115-percent-in-januaryaugust/159849.vnp

FDI ในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยวของย่างกุ้งสูงกว่า 230 ล้านเหรียญสหรัฐ

คณะทำงานด้านการท่องเที่ยวภูมิภาคย่างกุ้งได้อนุญาตให้ก่อสร้างโรงแรมและเกสต์เฮาส์ 21 แห่งมีมูลค่าลงทุนรวม 238.29 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงสี่เดือนได้ออกใบอนุญาตโรงแรม 33 ฉบับ ใบอนุญาตโรงแรมชั่วคราวหนึ่งใบ อนุญาตเกสต์เฮาส์ 8 ใบ อนุญาตสำหรับการก่อสร้างโรงแรม 18 แห่งจำนวน 2,136 ห้อง ใบอนุญาติก่อสร้างเกสต์เฮาส์ 3 แห่ง ใบอนุญาตทัวร์ขาเข้า 276 ใบ ใบอนุญาตทัวร์ขาออก 121 ใบและใบอนุญาตไกด์นำเที่ยว 218 ใบ การลงทุนรวมสูงถึง 114,924 ล้านจัตและ 238.29 ล้านเหรียญสหรัฐและสามารถสร้างงานใหม่ถึง 2,691 ตำแหน่ง ย่างกุ้งคิดเป็น 70% ของการลงทุนทั้งหมดในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว ในช่วงปลายเดือน ส.ค.อนุญาตให้มีการลงทุนรวม 26,674 ล้านจัต สามารถสร้างงานได้ถึง 335 อัตรา

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/total-fdi-at-hotel-and-tourism-sector-in-yangon-hits-over-230-m-usd

นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเมียนมาเพิ่มขึ้น

รายงานของกระทรวงแรงงาน นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเมียนมามากขึ้นหลังยกเลิกวีซ่าและเพิ่มตารางเที่ยวบินใหม่ระหว่างเมืองต่างๆ ในจีนและย่างกุ้ง พบว่าเจ็ดเดือนแรกของปี 62 เพิ่มขึ้น 151% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วคิดเป็นเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 80% และญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แบ่งนักท่องเที่ยวจีน 380,000 คน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 69,000 คนและนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 67,000 คน จากประกาศของกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว เมียนมากมีแผนที่จะออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากอิตาลี สเปน ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และรัสเซียในวันที่ 1 ต.ค. เป็นระยะเวลาหนึ่งปีเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/more-chinese-tourists-visit-myanmar

การประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาชนบท

การประชุมคณะทำงานด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท (SWG-ARD) ได้สนับสนุนการประสานงานและการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NSEDP) และความสำเร็จของ SDGs ที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วน ที่ประชุมได้มีการดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนภายใต้ SWG-ARD และประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ เช่นหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดและโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร รวมถึงการสำรวจสำมะโนประชากรด้านการเกษตรที่นำไปสู่การกำหนดแผนพัฒนาการเกษตรและป่าไม้ 5 ปีข้างหน้า นโยบายและการจัดการเพื่อสนับสนุนผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางชีวภาพที่ใกล้เข้ามา เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านลบต่อการดำรงชีวิตในชนบทเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วน มันเป็นเวลาที่ดีในการเปลี่ยนแปลงการเกษตรจากกิจกรรมการยังชีพเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและ FAO พร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนของสปป.ลาวในการบรรลุเป้าหมายนี้

ที่มา : http://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=47907

สปป.ลาว, ฮังการีเตรียมยกเลิกวีซ่าการทูตร่วมกัน

สปป.ลาวและฮังการีจะยกเลิกข้อกำหนดวีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทางการทูตหรือผู้ให้บริการของตน ณ วันที่ 9 กันยายน อนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางจากทั้ง 2 ประเทศอยู่ในประเทศเจ้าบ้านได้เป็นระยะเวลา 90 วันโดยไม่ต้องมีวีซ่า ผู้ถือหนังสือเดินทางในหมวดหมู่นี้จะต้องไม่อยู่เกินกว่าระยะเวลา 90 วันที่อนุญาต แต่อาจเข้าประเทศอีกครั้งหลังจากอยู่นอกประเทศเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อให้มีคุณสมบัติในการสละสิทธิ์วีซ่าและหนังสือเดินทางจะต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนนับจากวันที่ผู้ถือออกจากประเทศ ภายใต้ข้อตกลงพลเมืองของทั้งสองประเทศไม่ว่าจะเป็นสมาชิกของสถานทูต สถานกงสุลหรือผู้แทนขององค์กรระหว่างประเทศที่จะต้องยื่นขอวีซ่าในรูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งคู่สมรสและบุตรของผู้ถือหนังสือเดินทางจะต้องทำเช่นเดียวกัน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos.php

กัมพูชาจะกลายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับ บริษัทจักรยานของสหรัฐฯ

Ken International เป็นผู้ผลิตจักรยานจากสหรัฐกล่าวว่ากัมพูชาจะกลายเป็นฐานการประกอบและฐานการผลิตที่สำคัญในไม่ช้า โดยบริษัทผลิตจักรยานในปีที่แล้วถึง 3 ล้านคัน ซึ่งบริษัทกำลังสร้างโรงงานผลิตจักรยานใกล้กับกรุงพนมเปญบนพื้นที่ถึง 40,000 ตารางฟุต เป็นการร่วมลงทุนกับ Shanghai General Sports โดยจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกจักรยาน 1.5 ล้านคัน ไปยังสหภาพยุโรปมูลค่ารวมถึง 331 ล้านเหรียญสหรัฐตามรายงานจากธนาคารโลก ทำการแซงไต้หวันในส่วนของการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในตลาดสหภาพยุโรป นอกจากนี้ Trek Bicycle ของสหรัฐฯ ประกาศว่ามีแผนที่จะย้ายการผลิตจักรยานอย่างน้อย 2 แสนคัน จากจีนมายังกัมพูชาในปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/639577/kingdom-to-become-a-key-manufacturing-base-for-us-bike-firm/