ปีงบฯ 63-64การส่งออกวัว ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ลดฮวบ 88.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การส่งออกผลิตภัณฑ์จากสัตว์ของเมียนมาในปีงบประมาณ 2563-2564 แตะระดับต่ำสุดที่ 18.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดฮวบลง 88.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2562-2563 ที่ 107.7 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากจีนระงับการนำเข้าปศุสัตว์บริเวณชายแดน ซึ่งการส่งออกวัวที่มีชีวิตพึ่งพาจีนเป็นหลักเนื่องจากได้ราคาดี แม้จะมีตลาดภายอื่นๆ เช่น ลาว ไทย มาเลเซีย และบังคลาเทศ โดยเมียนมาจะส่งออกวัวที่มีอายุมากกว่า 5 ปี พร้อมใบรับรองการฉีดวัคซีน ใบรับรองการตรวจสุขภาพ และใบรับรองการจดทะเบียนเกษตรกรรม จากการสำรวจในปี 2561 พบว่า เมียนมามีวัวในประเทศจำนวน 11.5 ล้านตัว ตั้งแต่ปี 2560 เมียนมาส่งออกวัวไปแล้วมากกว่า 540,000 ตัว ทั้งนี้กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทานจะมุ่งมั่นลงทุนในธุรกิจการเลี้ยงโคนมและธุรกิจ การผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/exports-of-cattle-animal-products-down-by-88-9-mln-in-fy2020-2021/

ส่งออกสินค้าเกษตรเมียนมา พุ่ง 132.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย 15 วันแรกของเดือนตุลาคม 2564 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรอยู่ที่ 132.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของงบประมาณย่อย (Mini Budget) ตั้งแต่ ต.ค. 2564 ถึง มี.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2563-2564  ที่ส่งออกสูงถึง 87.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นแม้จีนคู่ค้าหลักซึ่งปิดพรมแดนทั้งหมดจากการระบาดของ COVID-19 ในเมียนมา ซึ่งการระบาดกระทบต่อกลุ่มสินค้าส่งออก เช่น สินค้าเกษตร ประมง ปศุสัตว์ แร่ ผลิตภัณฑ์จากป่า สินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป และสินค้าอื่นๆ ในภาคการส่งออก อุตสาหกรรมการเกษตรคิดเป็น 37% ของการส่งออกโดยรวม สินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวและข้าวหัก ถั่วและข้าวโพด ฯ ส่วนใหญ่สินค้าเกษตรส่งออกไปยังจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย และศรีลังกาเป็นหลัก ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์กำลังให้ความช่วยเกษตรกรในด้านต่างๆ เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูง การจัดหาเมล็ดพันธุ์ ต้นทุนการเพาะปลูก และสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/agricultural-export-tops-132-9-mln-as-of-15-oct/

“ราคาข้าวในประเทศดิ่ง” จากการบริโภคที่หดตัวลง

สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) เผย ราคาข้าวทั้งคุณภาพสูงและช้าวคุณภาพต่ำในประเทศลดลงเล็กน้อย ในตอนนี้ ข้าวหอม “Pearl Paw San” ราคาอยู่ที่ 47,000 จัตต่อถุง ลดลงเหลือ 46,000 จัตต่อ ในทำนองเดียวกัน ราคาข้าว. “Kyarpyan” อยู่ในช่วง 49,000-50,000 จัตต่อถุง ขยับลดลงเหลือ 47,500-48,000 จัตต่อถุง ในทำนองเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ราคาข้าวคุณภาพต่ำตั้งไว้ที่ 26,500 จัตต่อถุง แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 25,000 จัตต่อถุง ข้าวอายุ 90 วัน ซื้อขายกันในราคา 31,000 จัตต่อถุง แต่ตอนนี้มีราคาเพียง 30,000 วอนต่อถุงเท่านั้น โดย MRF ให้ข้อมูลว่าราคาข้าวที่ลดลงน่าจะเกิดจากความต้องการบริโภคข้าวในประเทศที่ลดน้อยลง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/domestic-rice-price-falls-slightly/#article-title

ปลาดาบเงินตากแห้งขายราคาดีที่ตลาดเจาะพยู

พ่อค้าปลา เผย ปลาดาบเงินตากแห้งในจังหวัดเจาะพยู รัฐยะไข่ เป็นที่นิยมจากผู้ซื้อและขายดีเป็นอย่างมากที่ตลาดเจาะพยู โดยขายในราคา 4,500 จัต จากเรือลากอวน และนำมาขายต่อที่ 5,000 จัตต่อ viss (1 viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) นอกจากการนี้ยังนำไปขายในเมืองมเยาะอู้, เจาะตอ, มี่น-บย่า, อ้าน, ทัตตาอุง และย่าน-บแย ในรัฐยะไข่อีกด้วย แต่ทั้งนี้ไม่สามารถส่งไปขายยังเมืองใหญ่ๆ เช่น ย่างกุ้ง เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ และต่างประเทศได้เนื่องจากไม่มีการติดต่อรับซื้อ ปลาดาบเงินเป็นที่รู้จักในท้องถิ่นว่างาทัยเวแห้งในรัฐยะไข่ ใช้สำหรับทำน้ำพริกและเป็นอาหารแห้งโดยการย่าง ทอด หรือทำเป็นสลัดรวมทั้งรับประทานกับอาหารเช้าแบบดั้งเดิมของเมียนมา เช่น ข้าวเหนียวร้อน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/dried-ribbonfish-marketable-in-kyaukpyu/#article-title

ต.ค. 64 ชาวประมงมีรายได้จากการส่งออกไประนอง 15.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

รายได้รวม 15.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกประมงมากกว่า 14,037 ตัน ไปยังจังหวัดระนอง ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 21 ต.ค. พ.ศ. 2564 เนื่องจากอำเภอเกาะสอง เขตตะนาวศรี ประกอบธุรกิจการประมงเป็นหลัก ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูจับปลาชาวประมงมีกำไรจาการการจับปลา ได้อย่างน้อย 22 วันต่อเดือน โดยปัจจุบันราคาสินค้าประมงในตลาด ได้แก่ กุ้งก้ามกรามขนาดใหญ่ กก.ละ 60 บาท และเต่าขนาดเล็กราคา 90 บาท และขนาดใหญ่กว่า กก.ละ 120 บาท ซึ่งอนุญาตให้ใช้อวนจับปลาตามที่กรมประมงกำหนดเท่านั้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/usd-15-42-million-earned-from-fishery-exports-to-ranong-in-october/#article-title

ตะนาวศรีเริ่มฤดู ตกปลาหมึก หลังหมดหน้าฝน

ราคาน้ำมันพุ่งสูงส่งผลให้ต้นทุนของการจับปลาหมึกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยที่เรือประมงนอกชายฝั่งมีต้นทุนในการออกเรือ ประมาณ 15 – 20 ล้านจัต ในขณะที่เรือชายฝั่งมีต้นทุนตั้งแต่ 5 -7 ล้านจัต จากราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นสามเท่าในปีนี้ ก่อนการระบาดของ COVID-19 พ่อค้าชาวจีนจะมารับซื้อปลาหมึกที่เมืองมะริด แต่ปัจจุบันจีนได้หันมาพึ่งตลาดไทยแทน สมาคมผู้ประกอบการปลาหมึกมะริด ให้ข้อมูลว่า การส่งปลาหมึกไปเมืองมะตองผ่านมะริดโดยไม่ต้องแปรรูปในห้องเย็นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้  ซึ่งต้นทุนการแปรรูปที่อยู่ที่ประมาณ 500 จัตต่อกิโลกรัม แต่ขณะที่ต้นทุนการแปรรูปที่เมืองย่างกุ้งอยู่ที่ 150 จัต เมื่อผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาย

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/squid-fishing-season-starts-in-taninthayi/

ปีงบฯ 63-64 สิงคโปร์ทุ่มลงทุนในเมียนมา กว่า 429 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำนักงานบริหารจัดการบริษัทและทะเบียนบริษัท (DICA) เผย ปีงบประมาณ 2563-2564 สถานประกอบการที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ นำเงินลงทุนในเมียนมาไปแล้วกว่า 429 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเมือง อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน และภาคการผลิต ซึ่งในปีงบประมาณนี้ เมียนมาดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 3.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 48 บริษัท รวมถึงการขยายทุนในวิสาหกิจและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา โดยมีญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 2 ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 518.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 2 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวา รองจากญี่ปุ่นอีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/singapore-puts-capital-of-429-mln-into-myanmar-in-2020-2021fy/