‘ชาวเวียดนาม’ โดนโกงออนไลน์ สูญเงินกว่า 12.24 ล้านเหรียญสหรัฐ
กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม (MIC) รายงานว่าคดีฉ้อโกงออนไลน์ มีจำนวนทั้งสิ้น 17,500 คดี โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวเวียดนาม มีมูลค่าการสูญเสียเงินจากการฉ้อโกงมากกว่า 300 พันล้านด่อง หรือประมาณ 12.24 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ จากการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันการฉ้อโกงและการรับมือกับอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ พบว่าการฉ้อโกงทางไซเบอร์มีความซับซ้อนในเมื่อไม่นาน ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อองค์กรและบุคคลทั่วไป จึงจำเป็นที่จะต้องหาแนวทาการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาชญากรทางไซเบอร์ได้เปลี่ยนวิธีการและยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง หันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการโจมดี แทรกซึมและฉ้อโกงในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสังคม และสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
‘เวียดนาม’ ยอดขายคอนโดเทล ไตรมาส 1 ต่ำสุดในรอบ 6 ปี
ตามรายงานของ DKRA Group บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าโครงการคอนโดเทล 90% ไม่มียอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่คอนโดเทลที่เปิดขายอยู่มีจำนวน 4,800 ยูนิต แต่มีเพียง 64 ยูนิตที่ขายได้ คิดเป็นสัดส่วน 1.3% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ถึงแม้ว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเสนอโปรโมชั่น แต่ก็ไม่สามารถที่จะดึงดูดลูกค้าได้ สาเหตุสำคัญมาจากราคาขายสูง ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านด่อง (6,000 เหรียญสหรัฐ) ต่อตารางเมตร
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ไม่แน่ใจว่าจะลดราคา เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในโครงการระดับไฮเอนที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าฐานะร่ำรวย และเมื่อคาดการณ์จะพบว่าตลาดคอนโดเทลอาจต้องใช้ระยะเวลา 5-7 ปี ในการฟื้นตัว ทั้งจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655491/condotel-sales-at-their-lowest-level-in-six-years-in-q1.html
ส่องตลาด ‘Data Center’ ในเวียดนาม ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
จากรายงานการตลาดของบริษัทวิจัย JLL ได้จัดทำข้อมูลภาพรวมของตลาดศูนย์ข้อมูล (Data Center) เปิดเผยว่าตลาดศูนย์ข้อมูลของเวียดนามในปัจุบัน ถูกครอบงำโดยธุรกิจโทรคมนาคมของท้องถิ่น ได้แก่ VNPT, Viettel IDC, FPT Telecom และ CMC Telecom จากการเติบโตอย่างมากทั้งในด้านการให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม นักพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างชาติและผู้ดำเนินการในต่างประเทศ เล็งเข้าสู่ตลาดแห่งนี้ ซึ่งรวมถึงโครงการต่างๆ เช่น โรงงาน ขนาด 20MW ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม Saigon Hi-Tech Park ตามมาด้วยโรงงาน ขนาด 30MW ของสิงคโปร์ และโครงการจากความร่วมมือของบริษัทเอ็นทีที (NTT) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะบริษัทอาลีบาบาที่ได้ประกาศว่าจะสร้างศูนย์ข้อมูลในเวียดนาม แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดนี้ว่ามีความต้องการมากขึ้น
‘เวียดนาม’ เผยภาคธุรกิจและประชาชน หวังให้มีการขยายเวลาลด VAT
จากการยื่นมติเรื่องการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 10% เหลือ 8% ตามมติที่ 110/2023/QH15 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2567 เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนแก่ภาคธุรกิจและกระตุ้นการบริโภคในประเทศ รวมถึงผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ภาคธุรกิจและประชาชน หวังว่าจะได้รับข้อเสนอและพิจารณาจากการมติของรัฐสภาในการขยายเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ จากการสอบถามประชาชนที่อยู่ในเมืองฮานอย กล่าวว่าตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน การลดภาษีมูลค่าเพิ่มลงเหลือ 8% ช่วยประหยัดการใช้จ่ายซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ต
นอกจากนี้ ดร. Lê Đăng Doanh นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่าการขยายเวลาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและยังช่วยกระตุ้นการบริโภค สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมาก นอกเหนือจากการลงทุนและการส่งออกแล้ว การบริโภคในประเทศยังเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม
Vietnam Economic Factsheet : Q4/2566
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ขยายตัว 6.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) เร่งขึ้นจากการขยายตัว 3.41% ในไตรมาสแรก, 4.25% ในไตรมาสสอง และ 5.47% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566
ด้านการผลิต : ภาคเกษตรกรรม ป่าไม้และประมง ขยายตัว 4.13%, ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง ขยายตัว 7.35% และภาคบริการ ขยายตัว 7.29%
ด้านการใช้จ่าย : การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน ขยายตัว 4.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว, การสะสมทุนในสินทรัพย์ ขยายตัว 6.21%, การส่งออกสินค้าและบริการ ขยายตัว 8.68% และการนำเข้าสินค้าและบริการ ขยายตัว 8.76%
‘เวียดนาม-มาเลเซีย’ จับมือส่งเสริมเทคโนโลยีใหม่ ดันโอกาสครั้งใหญ่
คุณ Lê Phú Cường ที่ปรึกษาการค้าประจำประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมฟอรั่มเศรษฐกิจ ปี 2567 ณ กรุงกัลป์ลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่าเวียดนามมีข้อได้เปรียบอย่างมากทั้งด้านทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง ในขณะที่มาเลเซียมีความแข็งแกร่งทางด้านการผลิตไฟฟ้าและการผลิตแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แต่มีปัญหาการขาดแคลนบุคลากร เนื่องจากโครงสร้างประชากรที่มีจำนวนจำกัด หากเวียดนามร่วมมือกับมาเลเซียจะสามารถช่วยลดต้นทุนการวิจัยและได้รับประสบการณ์ที่มีค่าจากการร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งในปัจจุบันมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานการผลิตไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์