สถาบัน CIEM ชี้ทิศทางเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 2565

สถาบัน Central Institute for Economic Management (CIEM) ได้แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้จะขยายตัวสูงถึง 6.9% ในกรณีฉากทัศน์ที่ดี (Best Case Scenario) ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 7% ในปีนี้ ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.7% ตลอดจนการส่งออกขยายตัว 16.3% และดุลการค้าราว 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ สถาบัน CIEM ระบุว่ายังมีปัจจัยหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปี อาทิ ความสามารถในการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 สายพันธ์ใหม่และโรคอื่นๆ การดำเนินงานตามแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ สำหรับปัจจัยอื่นๆ เช่น ผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามลงนามไว้และการจัดการความเสี่ยงทางด้านการค้าและเทคโนโลยีกับประเทศมหาอำนาจของโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/ciem-provides-two-scenarios-for-vietnam-s-economic-growth-this-year-2040431.html

“เวียดนาม-ยูเค” ยอดการค้าระหว่างประเทศ แตะ 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามข้อมูลของสำนักงานตลาดยุโรป-สหรัฐฯ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าในปีที่แล้ว การส่งออกและการนำเข้าระหว่างเวียดนาม-สหราชอาณาจักร (UK) มีมูลค่าอยู่ที่ 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และจากการคาดการณ์ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ตัวเลขของการค้าทั้งสองประเทศจะสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุหลักมาจากการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหราชอาณาจักร-เวียดนาม (UKVFTA) ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรคาดว่าจะฟื้นตัว หลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดและรัฐบาลฯ ยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ เริ่ม 18 มี.ค.65 ทำให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นโอกาสแก่ผู้ส่งออกเวียดนาม โดยเฉพาะตลาดยูเคที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนามในยุโรป รองจากเยอรมนีและเนเธอแลนด์ นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของสหราชอาณาจักรไปยังเวียดนามในปี 2564 อยู่ที่ 4.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นสองเท่าของมูลค่าก่อนที่จะก่อตั้งหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1268982/viet-nam-uk-trade-expected-to-reach-us-10-billion.html

“เวียดนาม” ตั้งเป้ายอดการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมง 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังตลาดอียู

เวียดนามตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงไปยังตลาดยุโรป อยู่ที่ราว 5-5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 ซึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปจะมีสัดส่วน 30% ของสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมงของเวียดนามทั้งหมดที่ส่งออกไปยังตลาดอียู และอีกราว 20% ของสินค้าทางการเกษตรจะจำหน่ายในแบบการค้าปลีก โดยร้อยละของสินค้าข้างต้นจะเพิ่มขึ้น 50% และ 30% ตามลำดับ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ได้วางแผนที่จะแก้ไขอุปสรรคครั้งใหญ่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่ การมีส่วนร่วมระหว่างกระทรวงและท้องถิ่น โดยเฉพาะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการผลิตทางการเกษตร รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการแปรรูปอาหารทะเลให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเกษตรของเวียดนามยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งเรื่องความเข็มงวดของคุณภาพสินค้าและมาตรฐานสิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1267910/viet-nam-targets-5-5b-in-agro-forestry-fishery-export-value-to-eu.html

“เวียดนาม” เผยราคาน้ำมันลดลงสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2565

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยข้อมูล ณ วันที่ 11 ก.ค. ชี้ว่าราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่า 3,000 ดอง (0.13 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อลิตร หากพิจารณาเปรียบเทียบราคาน้ำมันกลุ่ม พบว่าราคาเบนซิน 95 (RON 95) ลดลงราว 3,088 ดอง มาอยู่ที่ระดับ 29,675 ดองต่อลิตร และราคาน้ำมัน E5RON92 ลดลง 3,103 ดอล มาอยู่ที่ระดับ 27,788 ดองต่อลิตร ในขณะที่ราคาดีเซล DO 0.05s-II และราคาแก๊ส ปรับตัวลดลง 3,022 ดอง และ 2,008 ดอง อยู่ที่ระดับ 26,593 ดอง และ 26,345 ดอง ต่อลิตร ตามลำดับ ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากน้ำมันปรับขึ้นราคาหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. คณะกรรมการประจำสภาได้ออกพระราชกฤษฎีกา “0/2022/UBTVQH15” เรื่องการลดภาษีสิ่งแวดล้อมและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อช่วยควบคุมราคาน้ำมันในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/petrol-prices-see-highest-decrease-since-2022s-beginning/233498.vnp

“เวียดนาม” ตั้งเป้า GDP ปีนี้ โต 6.5%

คุณ เหงียน ถิ เฮือง ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) กล่าวว่าเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2565 ไว้ที่ 6.5% ถือว่าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับเวียดนาม เนื่องจากยังคงเผชิญกับอุปสรรคจากภาคการผลิตและการดำเนินธุรกิจ รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก นอกจากนี้ ราคาเชื้อเพลิง วัตถุดิบ การขนส่งและค่าบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตและธุรกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการผลิตและห่วงโซ่อุปทานทั้งในประเทศและทั่วโลก ในขณะที่ธุรกิจ SMEs ได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งรักษาระดับการผลิตและแสวงหาตลาดใหม่ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ สำนักงานสถิติฯ เรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการตรึงราคาน้ำมันและช่วยเหลือธุรกิจที่ใช้น้ำมันและก๊าซ ประกอบกับติดตามสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างทันท่วงที

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/growth-target-of-65-percent-poses-big-challenge-to-vietnam-gso/233426.vnp

สหราชอาณาจักร ส่งออกไปตลาดเวียดนาม ขยายตัว 23% ผลจากข้อตกลง “UKVFTA”

เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าหลังจากการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม–สหราชอาณาจักร (UKVFTA) เมื่อต้นปีที่แล้ว ส่งผลให้การค้าของทั้งสองประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้เผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 โดยจากสถิติชี้ให้เห็นว่าการค้าระหว่างเวียดนามและสหราชอาณาจักร มีมูลค่าสูงถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่การส่งออกเวียดนามไปยังตลาดสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 16.4% คิดเป็นมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของการส่งออกสหราชอาณาจักรไปยังตลาดเวียดนาม เพิ่มขึ้น 23.6% มูลค่าราว 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผลการศึกษาพบว่าข้อตกลง UKVFTA เปรียบเสมือนรถไฟความเร็วสูงสองเส้นทางที่ผลักดันการส่งออกระหว่างประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/uk-exports-to-vietnam-grow-over-23-after-ukvfta-post955722.vov