รัฐบาลสปป.ลาวให้คำมั่นว่าจะลดการขาดดุลการคลังให้อยู่ในระดับเหมาะสม

รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะลดการขาดดุลการคลังให้เหลือเฉลี่ยไม่เกินร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทุกปีเริ่มตั้งแต่ปี 2564-2568 คำมั่นสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่สปป.ลาวกำลังพยายามลดหนี้สาธารณะและบรรเทาความตึงเครียดด้านงบประมาณที่ขาดดุลต่อเนื่องจากช่วงทศวรรษที่ผ่านมาสปป.ลาวมีโครงการลงทุนใหญ่มากมายไม่ว่าจะเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำหรือเมกาโปรเจกต์อย่างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว ทำให้สปป.ลาวมีความเสี่ยงที่อาจผิดนัดชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้และเงินคงคลังที่ไม่สมดุลกับรายจ่ายของประเทศทั้งนี้การที่จะลดการขาดแคลนงบประมาณ รัฐบาลจะต้องลดการใช้จ่ายซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในระยะยาวรัฐบาลจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการจัดการการขาดดุลและทำให้แน่ใจว่าหนี้ของประเทศอยู่ภายใต้การควบคุม ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่สปป.ลาวกำลังเผชิญกับความตรึงเครียดของเศรษฐกิจจากรระบาดของ COVID-19

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt216.php

แผนแม่บทใหม่มุ่งสร้างการพัฒนาเมืองที่น่าอยู่

แผนแม่บทการพัฒนาเมืองฉบับใหม่จะช่วยให้ทางการสามารถตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของเวียงจันทน์ในอนาคตแต่การพัฒนาระบบต่างๆในแต่ละแขวงกลับไม่เป็นระเบียบ เนื่องจากขาดการวางแผนอย่างละเอียดทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาระบบสาธารณูปโภคที่ไม่สามารถรองรับประชากรในพื้นที่ได้  รวมถึงปัญหาของการแออัดของรถยนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกล่าวในการประชุมสมัชชาแห่งชาติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “ถนนในเมืองหลวงไม่เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานในขณะที่พื้นที่สาธารณะยังไม่ได้รับการพัฒนาจึงจำเป็นต้องจัดทำแผนแม่บทใหม่เพื่อให้เวียงจันทน์ได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ในภูมิภาค” แผนแม่บทฉบับใหม่จะครอบคลุมพื้นที่ 61,600 เฮกตาร์และ 288 หมู่บ้านคิดเป็นร้อยละ 16 ของพื้นที่ดินของเมือง เวียงจันทน์มีประชากรเกือบหนึ่งล้านคนมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจและแนวโน้มจำนวนประชากรที่สูงขึ้น พื้นที่ในเมืองจะขยายไปสู่ชานเมืองตามถนนสายหลักอย่างรวดเร็ว หากไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอการแผ่ขยายออกไปในเมืองจะส่งผลให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่ดีและบริการทางสังคมที่ไม่เพียงพอ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New_215.php

รัฐบาลจะขจัดอุปสรรคและปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนในสปป.ลาว

รัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะขจัดอุปสรรคและปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนในสปป.ลาวจากนักลงทุนต่างประเทศมากขึ้น รัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจหลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนมากขึ้นโดยรัฐบาลสปป.ลาวจะมีการดำเนินนโยบายกระตุ้นการลงทุนผ่านนโยบาย “3 เปิด” ไปสู่การปฏิบัติซึ่งเกี่ยวข้องกับ“ เปิดใจ”“ เปิดประตู” และ“ อุปสรรคที่เปิดกว้าง”  การลงทุนถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สปป.ลาวที่รัฐบาลกำลังพยายามผลักดันให้มีขยายตัวต่อเนื่องเห็นได้ชัดในหลาย 10 ปีที่ผ่านมาที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากมายโดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนคิดเป็นมูลค่าแล้วกว่า 26,127 พันล้านกีบคิดเป็นร้อยละ 50.7 ของการลงทุนทั้งหมดในสปป.ลาว Mr. Sonexay Siphandone รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนกล่าวเพิ่มเติม “ ในอนาคตเงินลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศจะมาจากภาคเอกชนซึ่งจำเป็นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว” ดร. Sonexay กล่าวว่ารัฐบาลจะนำนโยบาย“ เปิดสามครั้ง” ไปสู่การปฏิบัติซึ่งเกี่ยวข้องกับ“ เปิดใจ”“ เปิดประตู” และ“ อุปสรรคที่เปิดกว้าง”

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_vows_214.php

Starbucks ตั้งเป้าการส่งออกกาแฟในสปป.ลาว

Starbucks มีแผนจะเปิดสาขาในนครหลวงเวียงจันทน์ของสปป.ลาวภายในฤดูร้อนหน้าซึ่งจะดำเนินการโดย Coffee Concepts (Laos) Ltd. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Maxim’s Caterers Ltd. Starbuck บริษัทตั้งใจที่จะใช้เครื่องข่ายระดับโลกเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและโอกาสในการทำงานในผู้ยากไร้ในสปป.ลาว Mr.Michael Wu ประธานและกรรมการผู้จัดการ Maxim’s Caterers Limited กล่าวว่า“ เรายินดีที่จะแนะนำแบรนด์ Starbucks ในสปป.ลาวซึ่งต่อยอดความสัมพันธ์ 20 ปีกับ Starbucks เพื่อขยายอุตสาหกรรมกาแฟไปทั่วเอเชีย” ปัจจุบันพฤติกรรมของชาวสปป.ลาวจำนวนมากดื่มเครื่องดื่มกาแฟผงที่มีนมและน้ำตาลเช่นเดียวกับในชาวเอเชียส่วนใหญ่และที่สำคัญสปป.ลาวมีแหล่งเพาะปลูกกาแฟคุณภาพซึ่งจะเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สคัญให้แก่ Starbucks สาขาในสปป.ลาว  

ที่มา : https://finance.yahoo.com/news/starbucks-targets-market-coffee-exporting-021354059.html

สปป.ลาวจับมืออาเซียนหนุนแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยในการทำงาน

สปป.ลาวและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนจะเสริมสร้างการประสานงานในการดำเนินการตามแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยในการทำงานและการจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพทั่วทั้งภูมิภาค สปป.ลาวยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนนโยบายและมาตรการด้านแรงงานเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในสถานที่ทำงานและอำนวยความสะดวกในการกลับไปทำงานอย่างปลอดภัยหลังการแพร่ระบาด และส่งเสริมความร่วมมือการเพิ่มความคล่องตัวและความยืดหยุ่นของพนักงานในการเตรียมความพร้อมสำหรับวิกฤตสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต และขีดความสามารถที่สูงขึ้นสำหรับอนาคตของการทำงาน ข้อมูลนี้ได้รับการถ่ายทอดโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมระหว่างการประชุม ALMM + 3 ครั้งที่ 11 ผู้เข้าร่วมได้ใช้ลำดับความสำคัญ 5 ปีของความร่วมมืออาเซียนบวกสามด้านแรงงานในช่วงปี 64-68 ที่ประชุมยังเห็นพ้องกับแผนงานของอาเซียนสำหรับการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด แนวปฏิบัติของอาเซียนว่าด้วยเพศที่เป็นกระแสหลักในนโยบายแรงงานและการจ้างงาน ด้านความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยงอาชีวอนามัยสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการส่งกลับและการกลับคืนสู่สภาพเดิมของแรงงานข้ามชาติและโครงการทำงานของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนปี 64-68 การประชุมคณะทำงานเจ้าหน้าที่แรงงานอาวุโส ปรับปรุงแผนปฏิบัติการของฉันทามติอาเซียนด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิแรงงานข้ามชาติ  และยังตกลงที่จะขยายการเข้าถึงของคนงานทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ตกงานหรือได้รับรายได้น้อยไปยังโครงการประกันสังคมและความช่วยเหลือทางสังคมเพื่อดำรงชีวิตอยู่

ที่มา :  http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_213.php