รัฐบาลไทย – สปป.ลาวเตรียมสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาวข้ามแม่น้ำโขงเพิ่มอีก 2 แห่ง

รัฐบาลไทยเตรียมลงทุน 8.2 พันล้านบาทสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาวข้ามแม่น้ำโขงเพิ่มอีก 2 แห่ง ปัจจุบันสะพานมิตรภาพ 4 แห่งเชื่อมระหว่างไทย – สปป.ลาวที่หนองคาย – เวียงจันทน์มุกดาหาร – สะหวันนะเขตนครพนม – คำม่วนและเชียงของ – ห้วยทราย สะพานแห่งใหม่จะตั้งอยู่ในอำเภอเมืองจังหวัดบึงกาฬและจะเชื่อมไปยังปากซันในแขวงบอลิคำไซทางตอนกลางของสปป.ลาว รัฐบาลไทยจะลงทุนประมาณ 2.6 พันล้านบาทในขณะที่รัฐบาลสปป.ลาวจะทุ่มเงินอีก 1.3 พันล้านบาทที่จะกู้ยืมจากสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านที่ก่อตั้งในปี 2548 โดยรัฐบาลไทย โครงการนี้จะมีถนนความยาว 32 กม. คาดการณ์ว่าเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นปัจจัยสำคัญในการค้าการลงทุนที่สำคัญของทั้งสองประเทศและถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-สปป.ลาว

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/travel/2010347/thai-lao-bridges-announced

รัฐบาลสปป.ลาวประกาศแผนรับมือกับภาระหนี้

รัฐบาลได้ประกาศว่าจะจัดการและแก้ไขหนี้สาธารณะในรูปแบบต่างๆเพื่อบรรเทาความตึงเครียดทางการเงินของประเทศซึ่งรัฐบาลจะไม่รับเงินกู้จากต่างประเทศอีกต่อไป เป็นหนึ่งวิธีในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลการคลัง เงินกู้ยืมจะถูกนำไปชำระคืนเงินต้นของเงินกู้ที่มีอยู่ จะบริหารหนี้สาธารณะให้เป็นไปตามกฎหมายพร้อมทั้งพยายามลดการขาดดุลการคลังและมองหาวิธีอื่น ๆ ในการลดภาระหนี้ การเคลื่อนไหวเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มชื่อเสียงของประเทศและสร้างความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนต่างชาติและผู้บริจาคที่มีศักยภาพ อีกทั้งหนี้บริษัทเอกชนที่ดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ จะพยายามระดมเงินทุนจากแหล่งต่างๆเพื่อชำระคืน โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลหรือโอนหนี้เหล่านี้ไปยังธนาคารพาณิชย์ ภายในสิ้นปีนี้หนี้ของรัฐบาลจำนวน 578.35 พันล้านกีบจะถูกโอนไปยังธนาคารพาณิชย์ สิ่งนี้จะช่วยให้องค์กรเอกชนสามารถรักษาสภาพคล่องทางการเงินและเอาชนะอุปสรรคทางเศรษฐกิจได้ รัฐบาลได้พยายามปรับโครงสร้างการชำระหนี้ให้กับหุ้นส่วนการพัฒนาเนื่องจากเป็นนโยบายของประชาคมระหว่างประเทศที่จะลดหรือยกหนี้บางส่วนที่ประเทศกำลังพัฒนาเป็นหนี้ นอกจากนี้ได้จัดทำแผนระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวเพื่อจัดการกับหนี้สินและภาระผูกพันโดยพยายามลดการขาดดุลการคลังในแต่ละปี ตามรายงานของ Lao Economic Monitor ของธนาคารโลกที่เผยแพร่ในเดือนมิ.ย. หนี้สาธารณะคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 65 ถึง 68% ของ GDP ในปี 63 ทำให้สปป.ลาวมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาหนี้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt212.php

NA เปิดการประชุมสามัญสมัยสามหารือวาระการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (NA) ได้เปิดการประชุมสมัยสามัญสามโดยมีการอภิปรายในเรื่องการมุ่งเน้นไปที่มาตรการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งในปี 2564 จะเริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2564-2568)ในที่ประชุมยังหารือพิจารณาและอนุมัติการวางผังเมืองสำหรับเวียงจันทน์เพื่อให้กลายเป็นเมืองที่มีศักยภาพในทุกๆด้านรวมถึงการตรวจสอบงบประมาณของรัฐสำหรับปี 2020 อีกด้วยการเปิดประชุมสามัญสมัยสามรัฐบาลคาดหวังจะนำไปสู่แนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันที่สปป.ลาวกำลังเผชิญ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_NA_210.php

รัฐบาลสปป.ลาวคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 3.3

รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสปป.ลาวจะเติบโตร้อยละ 3.3 ในปีนี้ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตเดียวกันที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน แม้ว่าจะมีการจำกัดการเดินทางที่ยืดเยื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ  COVID-19 ยังคงดำเนินต่อไป นายทองเจือ สีสุลิธนายกรัฐมนตรีสปป.ลาว กล่าวเพิ่มเติมว่า“ เราประสบปัญหาทางเศรษฐกิจมาหลายปีแล้วยังมีปัจจัยด้านสภาพอากาศที่รุนแรงและการระบาดของ COVID-19 ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของสปป.ลาว” นอกจากนี้ COVID-19 ยังทำให้เกิดภาระมากขึ้นต่อความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลสปป.ลาว เป็นที่มาของการร่างแผนระยะสั้นระยะกลางและระยะยาวเพื่อจัดการกับหนี้สินและลดการขาดดุลการคลังในแต่ละปี รัฐบาลจะไม่รับเงินกู้จากต่างประเทศอีกต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลการคลัง นายกรัฐมนตรียอมรับว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงแต่มองในแง่ดีว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสูงกว่าอัตราการเติบโตของโลกที่คาดการณ์ในปี 63 จะหดตัวถึงร้อยละ -4.4

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Economic_210.php

ธนาคารโลกจัดหาเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในสปป.ลาว

ธนาคารโลกได้อนุมัติเงินสำรองฉุกเฉินจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในสปป.ลาวเพื่อช่วยให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของ Covid-19 การระดมทุนจะดำเนินการผ่านโครงการ ‘Micro, Small, and Medium Enterprise Access to Finance Emergency Support and Recovery Project’ ของธนาคารโลกซึ่งจะทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าและสถาบันการเงินในท้องถิ่น เพื่อให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งมีโอกาสได้รับเงินกู้เงินทุนหมุนเวียนที่สามารถรักษาธุรกิจของตน เพื่อการลงทุนสำหรับอุปกรณ์ใหม่หรือการขยายโรงงาน ทั้งนี้บริษัทเผชิญกับการลดลงอย่างรวดเร็วของอุปสงค์ รายได้ ซัพพลายเชน และการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก ส่งผลผลให้บริษัทหลายแห่งจะเลิกจ้างพนักงานและจะต้องปิดถาวร โครงการใหม่นี้จะช่วยให้ MSME ปกป้องการดำรงชีวิตของพนักงานและลดปัญหาการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ธนาคารโลกจะให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของธนาคารแห่งสปป. ลาวในการกำกับดูแลระบบค้ำประกันสินเชื่อจะช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้ภายใต้โครงการ นอกจากนี้จะให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของธนาคารพาณิชย์ บริษัทขนาดเล็ก กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าและสถาบันอื่น ๆ ที่เข้าร่วม โดยธุรกิจต้องจดทะเบียนบริษัทขนาดย่อย ขนาดเล็ก หรือองค์กรเอกชนขนาด จึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงินกู้ภายใต้โครงการ การตัดสินใจในการให้สินเชื่อและการกำหนดราคาของเงินให้สินเชื่อจะให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมเป็นผู้พิจารณาจากการประเมินเครดิตของตนเอง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Worldl_209.php

โครงการความร่วมมือจีน – ลาวทำให้ชาวสปป.ลาวมีชีวิตที่ดีขึ้น

ทางตะวันออกเฉียงใต้สปป.ลาวเป็นสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่สำคัญหนึ่งในนั้นคือโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 1 ซึ่งเป็นการลงทุนโดยฝ่ายสปป.ลาวและฝ่ายไทย ภายใต้สัญญาของ PowerChina Sinohydro Bureau 3 Co. , LTD (Sinohydro 3) ซึ่งเป็น บริษัท วิศวกรรมของจีน โครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาในประเทศสปป.ลาว ไม่เพียงแค่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแต่ยังมีการก่อสร้างอุตสาหกรรมมากมายที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่เพียงแค่การเติบโตของเศรษฐกิจแต่ยังรวมไปถึงการดำเนินชีวิตของชาวสปป.ลาวที่ดีขึ้น ตลอด 10 ปีที่ผ่านมารายได้ต่อหัวของสปป.ลาว เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาของโครงการต่างๆจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ของสปป.ลาวดีขึ้น

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2020-10/26/c_139467833.htm