เวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค (VLP) และตัวแทนการค้าของญี่ปุ่น (Jetro) ลงนามส่งเสริมการลงทุนของญี่ปุ่นในสปป.ลาว

เวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค (VLP) และตัวแทนการค้าของญี่ปุ่นได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในนครหลวงเวียงจันทน์เพื่อทำงานร่วมกันเพื่อกระตุ้นการลงทุนของญี่ปุ่นในเขต Hadxaifong พื้นที่กดังกล่าวมีการกำหนดสิ่งจูงใจหลายประการไม่ว่าจะเป็นระบบโลจิสติกส์ โครงสร้างพื้นฐานรวมถึงสิทธิประโยชน์พิเศษด้านต่างๆ  เพื่อเป็นแรงดึงดูดให้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในพื้นที่ สำหรับ บริษัท ญี่ปุ่นที่ต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทานโครงการดังกล่าวเป็นโอกาสในการลงทุนผลิตส่งออกหรือส่งออกจากสปป.ลาวจะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าทั้งหมดที่สปป.ลาวมีให้รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านเอกสารกระบวนการและบริการด้านโลจิสติกส์ทั้งหมดที่จะทำให้การลงทุนในสปป.ลาวเป็นไปอย่างรวดเร็ วง่ายดายและสร้างผลกำไรแก่บริษัท

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_VLP_61.php

เวียดนามก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี

ตามข้อมูลของนิกเคอิ (Nikkei) เผยว่าบริษัทอินเทล (Intel) ประกาศลงทุน 475 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปใช้ในบริษัทอินเทลโปรดักส์ เวียดนาม คอร์ป (IPV) ซึ่งเป็นศูนย์กลางทดสอบและประกอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังของปี 63 บริษัทมีเป้าหมายเพื่อทำการผลิตสินค้า 5G และโปรเซสเซอร์  Intel Core มาพร้อมกับเทคโนโลยีอินเทล ไฮบริด และซีพียูตัวใหม่ล่าสุด ‘Intel Gen 10’ ทั้งนี้ Apple เร่งดำเนินย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามและอินเดีย บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ มีกำหนดการผลิตไอแพด (iPad) ในเวียดนามช่วงกลางปี 64 นอกจากนี้ ยังจะขยายสายการผลิตลำโพง HomePod mini smart นอกจากนี้ บริษัท Savills Vietnam ระบุว่าบริษัท ‘Pegatron’ ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวัน ได้เข้ามาทุ่มเงิน 19 ล้านเหรียญสหรัฐในเมืองไฮฟอง สำหรับแผนการขยายการลงทุนในช่วงเฟสแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทข้ามชาติบางแห่งย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนาม หรือขยายการปริมาณการผลิต

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-becomes-attractive-destination-to-technology-giants-28437.html

กัมพูชาร่วมกับออสเตรเลียหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยลงทุน

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ร่วมกับโครงการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าการเกษตรกัมพูชา – ออสเตรเลีย (CAVAC) ได้มีการประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยลงทุนทางการเกษตรและอาหาร โดยมีวัตถุประสงค์ในการพูดคุยเพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อมูลจากกระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดตั้งหน่วยลงทุนภายใต้ความร่วมมือระหว่าง CDC และ CAVAC ซึ่งหน่วยลงทุนด้านการเกษตรคาดว่าจะสร้างความสะดวกให้แก่นักลงทุนที่สนใจลงทุนในด้านการเกษตร โดยจะมีการอัพเดทข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกฎระเบียบ สิ่งจูงใจและเงื่อนไขที่จำเป็น ผ่านการจัดทำกลยุทธ์เพื่อเผยแพร่ศักยภาพการลงทุนให้กับนักลงทุนได้พิจารณาลงทุน โดยคาดว่าหากจัดตั้งหน่วยลงทุนได้แล้วจะช่วยดึงดูดนักลงทุนด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรให้มาลงทุนในกัมพูชามากขึ้น ตามนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมของกัมพูชาประจำปี 2015-2025 และการดำเนินกลยุทธ์การดึงดูดการลงทุนให้เป็นเป้าหมาย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50816226/cambodia-australia-discuss-establishment-of-agri-food-investment-unit/

International Finance Corporation เสนอแผนปฏิรูปด้านการลงทุนดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

International Finance Corporation เผยแพร่รายงานที่เกี่ยวข้งกับการลงทุนในสปป.ลาว โดยมีรายละเอียดในเรื่องการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนแบบองค์รวมควบคู่ไปกับการปฏิรูปกฎระเบียบอย่างต่อเนื่องของสปป.ลาว จะช่วยให้สปป.ลาวดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้สปป.ลาวสามารถขยายเศรษฐกิจและสร้างงานเพิ่มขึ้น การปฏิรูปด้านการลงทุนมีเป้าหมายเพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบเชิงบวกของการลงทุนโดยตรงต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่น ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา FDI เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสปป.ลาว อย่างไรก็ตามรายงานเผยว่าการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในทรัพยากรธรรมชาติทำให้เกิดโอกาสในการทำงานที่ จำกัด และไม่สามารถปลดล็อกศักยภาพของ FDI ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นความท้าทายที่สปป.ลาวจะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อโอกาสในการดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติมวึ่งจะเป็นกลไกที่สำคัญตัวหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New35.php

LG ลงทุนโรงงานในเวียดนาม 750 ล้านเหรียญสหรัฐ

บริษัท LG Display ผู้ผลิตจอแสดงผลรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศเดินหน้าลงทุนเพิ่มอีก 750 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโรงงานในเวียดนาม และเล็งขยายแผนการผลิตแผง OLED ต่อไป ทั้งนี้ เมืองไฮฟองได้อนุมัติแผนการลงทุนของบริษัทแอลจี ดิสเพลย์ สำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของเวียดนาม  โดยค่าใช้จ่ายของการลงทุนในโครงการเมืองท่าของเวียดนาม อยู่ที่ 3.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตลอดจนบริษัทดังกล่าวเล็งถึงการขยายแผนการผลิตเพิ่มมากขึ้นในแผง OLED ในเดือนหน้าอย่างเร็วที่สุด และคาดว่าจะจ้างแรงงานอีกกว่า 5,000 คน นอกจากนี้ LG Display เป็นผู้ผลิตแผง OLED รายใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งโรงงานผลิตโมดูล OLED ในเวียดนามเมื่อปี 2559

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/lg-display-to-invest-another-us-750mil-for-its-vietnamese-plant-say-reports-28222.html

กัมพูชาร่วมกับสหราชอาณาจักรหารือด้านการลงทุนที่ยั่งยืน

กัมพูชาและสหราชอาณาจักร ได้จัดให้มีการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนที่ยั่งยืนภายในกัมพูชา โดยเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหราชอาณาจักรและทูตการค้าของนายกรัฐมนตรีอังกฤษประจำกัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม ร่วมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าประชุมผ่านทางวีดีโอคอนเฟอร์เร้น ซึ่งในการประชุมดังกล่าวได้พูดถึงการลงทุนที่มีศักยภาพของกัมพูชาในทุกภาคส่วน โดยเน้นว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ร่างกฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุนใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกและดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของกัมพูชาในปี 2021 และสถานการณ์หลังวิกฤต COVID-19 จากข้อมูลของ CDC ในปี 2020 กัมพูชาได้รับอนุญาตโครงการลงทุน 238 โครงการ ด้วยเงินทุนรวม 8.2 พันล้านดอลลาร์ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งในเดือนมกราคมปี 2021 เพียงเดือนเดียวมีการอนุมัติโครงการลงทุนกว่า 20 โครงการมูลค่าลงทุนรวม 621 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50813485/cambodia-uk-discuss-sustainable-investment-opportunity-in-cambodia/

สุริยะ หนุนสตาร์ทอัพขับเครื่องเศรษฐกิจไทย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยได้จัดทำโครงการเชื่อมโยงตลาดสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่สร้างธุรกิจโดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์เป็นฐาน สามารถใช้ทรัพยากรของประเทศในการผลิตสินค้าและบริการ มุ่งเน้นการสร้าง มูลค่าเพิ่ม การจ้างงานในท้องถิ่น และการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เศรษฐกิจฐานรากภานในประเทศต่อไป เพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยพัฒนาทักษะการดำเนินธุรกิจ ส่งเสริมการ ใช้ประโยชน์จากงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมสนับสนุนต่าง ๆ ให้เป็นกลไกที่ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม รวมถึงสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการตลาดอย่างเหมาะสม ให้สามารถขยายฐานกิจการทั้งในและ ต่างประเทศได้  ส่วนกลุ่มเป้าหมาย จะเป็นสตาร์ทอัพที่จดทะเบียนพาณิชย์ตามกฎหมายไทย จำนวน 25 กิจการ โดยมีผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งมีนวัตกรรมในรูปแบบธุรกิจที่สามารถทำซ้ำ และขยายตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ มีความต้องการเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุนจากนักลงทุนร่วมทุน หรือบริษัทร่วมลงทุน  โดยจะมุ่งเน้นในสาขาเป้าหมายเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep technology) ที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), หุ่นยนต์, นาโนเทคโนโลยี, เทคโนโลยีชีวภาพ, IoT, การจัดการพลังงาน, บล็อกเชน, AR & VR (ความจริงเสมือนและ VR เสมือนจริง)และ Big Data เป็นต้น “สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 70% จะมียอดขายเพิ่มขึ้น มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น และเติบโตได้จากการที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการเชิงนวัตกรรมที่มีมูลค่าสูง มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นพร้อมก้าวสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ และยังช่วยลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ”

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/922135

CDC อนุมัติโครงการลงทุนในกัมพูชาอีก 5 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านดอลลาร์

บริษัท 5 แห่งได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) เพื่อลงทุนในจังหวัดตาแก้ว, กัมปงสปือ, กัมปงชนัง, กันดาลและสเวย์เหรียง ด้วยเงินลงทุนรวมกว่า 50.5 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าโครงการที่ได้รับอนุมัติใหม่จะสร้างงานให้กับท้องถื่นได้ประมาณ 2,230 ตำแหน่ง ซึ่งโครงการใหม่ทั้ง 5 โครงการครอบคลุมถึงการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่ของเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเสื้อผ้า ตั้งแต่ต้นเดือนโดยตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ CDC ได้อนุมัติโครงการลงทุนไปแล้วกว่า 10 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการข้างต้นด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ สร้างโอกาสในการหางานรวมประมาณ 6,580 ตำแหน่ง และมองว่าการลงทุนดังกล่าวท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมของกัมพูชาแม้ว่าจะถูกคุกคามจากการระบาดในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50811151/cdc-approves-5-more-investments-worth-more-than-50-million-in-investment-capital/

อนาคตเศรษฐกิจเมียนมา ความไม่แน่นอนหลังการเลือกตั้ง

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) เผยสถานการณ์ฉุกเฉินในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและนักลงทุนต้องรอดูว่าจะคลี่คลายอย่างไรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นได้หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศและเกิดการประท้วงเกิดขึ้นในต่างประเทศ จากสถานการณ์ปัจจุบันนักลงทุนอาจตัดสินใจถอนการลงทุนออกจากเมียนมา หากมองแนวโน้มของสถานการณ์คาดจะมีการปราบปรามโดยกองทัพมากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดความไม่สงบและความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สหรัฐฯ ยืนยันสนับสนุนสถาบันประชาธิปไตยของเมียนมาและเรียกร้องให้กองทัพยึดมั่นในประชาธิปไตยและปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวซึ่งรวมถึงนางอองซานซูจี เนื่องจากเอเชียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของการส่งออกทั้งหมดของเมียนมารโดยมีตลาดหลักคือจีนและไทยการส่งออกทั้งหมดไปภูมิภาคนี้จะลดผลกระทบของการคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตกได้ บริษัทวิจัยได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของ GDP เหลือ 2% สำหรับปีงบประมาณ 63-64 และปีงบประมาณ 64-65 จากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้คือ 5.6% และ 6% แนวโน้มการเติบโตของประเทศขึ้นอยู่กับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งอาจล่าช้าหรือยกเลิกได้ทั้งหมดหากมีการใช้มาตรการคว่ำบาตร

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/umfcci-vice-chair-says-impacts-economy-uncertain.html

รัฐบาลสปป.ลาวสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

รัฐบาลสปป.ลาวได้ออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงสร้างด้านสาธารณูปโภค โดยโครงการทั้งหมดจะทำผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) โครงการ PPP กำลังแพร่หลายในสปป.ลาวเนื่องจากรัฐบาลต้องการการลงทุนจำนวนมากเพื่อปรับปรุงโครงข่ายถนนทางรถไฟและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลด้านการลงทุนภายในประเทศพบว่า การลงทุนของภาคเอกชนคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 50 ของการลงทุนทั้งหมดในสปป.ลาว ทำให้รัฐบาลสปป.ลาวมุ่งมั่นที่จะเสนอสิ่งจูงใจเพื่อส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน อย่างไรก็ตามการลงทุนในแต่ละโครงการต้องพิจารณาถึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของชุมชนท้องถิ่นควบคู่ไปด้วย ตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติสปป.ลาวที่สนับสนับการลงทุนที่ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_16.php