SECC ของกัมพูชาและออสเตรเลียร่วมมือกันปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุน

รัฐบาลออสเตรเลียร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (SECC) เปิดตัวการระดมทุนภายในประเทศ เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านโครงการ Security Market Project ซึ่งคาดว่าหากตลาดทุนในประเทศมีประสิทธิภาพจะช่วยให้กัมพูชาสามารถกระจายการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลัง COVID-19 โดยออสเตรเลียได้ให้การสนับสนุนโครงการมูลค่ากว่า 50 ล้านเหรียญออสเตรเลียผ่าน “Investing in Infrastructure (3i)” ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลียร่วมมือกับ SECC เพื่อปรับปรุงการระดมทุนในประเทศสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเพื่อพัฒนากรอบการกำกับดูแลหนี้สินระยะยาว การสร้างขีดความสามารถของผู้มีส่วนร่วมในตลาด และการพัฒนามาตรการ เพื่อให้ภาคเอกชนในกัมพูชามีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50771221/secc-australia-team-up-to-improve-domestic-capital-mobilisation-for-infrastructure-investment/

รัฐบาลกัมพูชามองหามาตรการผ่อนคลายด้านการลงทุนภายในประเทศ

รัฐบาลกัมพูชากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและส่งเสริมการค้าภายนอกให้ทันกับสภาพแวดล้อมการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยโฆษกกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน (MEF) กล่าวว่าในช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของไวรัสทั่วโลก ทั้งประกอบไปด้วยสงครามการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายที่จะสนับสนุนธุรกิจการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้ากับกระแสโลกและใช้ช่วงโอกาสให้เป็นประโยชน์จากสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในช่วงของความตึงเครียดทางด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดย MEF ได้จัดทำแผนพัฒนา 5 ปี (พ.ศ. 2020-2025) สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ในการปรับเปลี่ยนภาคอุตสาหกรรมให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีความมั่นคง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50770066/government-looks-at-easing-investment-procedures/

เวียดนามเผย 8 เดือนแรกของปี 2563 ดึงดูดเม็ดเงิน FDI 19.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่า ณ เดือนสิงหาคม เวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) 19.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 13.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับโครงการที่ได้รับการอนุญาตใหม่นั้น มีจำนวน 1,797 โครงการ ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 9.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 25.3 ในแง่ของโครงการ แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากโครงการบากเลียว (ก๊าซธรรมชาติ) ในขณะเดียวกัน โครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน 718 โครงการ มีการปรับเพิ่มเงินลงทุนมากกว่า 4.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงดึงดูดเม็ดเงิน FDI สูงสุด ที่ 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (47.7% ของยอดลงทุนทั้งหมด) รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า, อสังหาริมทรัพย์และการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยมูลค่า 6.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (33.5% ของยอดลงทุนทั้งหมด) รองลงมาเกาหลีใต้ จีน, ญี่ปุ่น, ไทยและไต้หวัน ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/eightmonth-fdi-attraction-hits-1954-billion-usd/181983.vnp

การลงทุนในภาคการก่อสร้างของกัมพูชายังคงเห็นการเติบโต

กัมพูชาได้อนุมัติโครงการก่อสร้างกว่า 2,522 โครงการ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 มูลค่ารวมกว่า 3.84 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของกระทรวงการจัดการที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้าง โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณร้อย 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีโครงการก่อสร้างราว 2,000 โครงการ มูลค่าประมาณ 3.39 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจากการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 โครงการก่อสร้าง 2,000 โครงการมูลค่า 774 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 143 ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเทศบาลและจังหวัดทั่วประเทศ โดยโครงการก่อสร้างที่เหลืออีก 207 โครงการ มีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ที่ได้รับอนุญาตจากระดับกระทรวง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50757441/cambodias-investment-in-construction-sector-registers-remarkable-rise-in-first-semester/

‘Intel’ สนใจที่จะขยายการลงทุนในเวียดนาม

จากการประชุม US Business Forum ที่นครโฮจิมินห์ เมื่อวันที่ 25 สิ.ค. เป็นการจัดกิจกรรมฉลอง 25 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ นาย Kim Huat Ooi รองประธานและผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท อินเทล โปรดักส์เวียดนาม (Intel Products Vietnam) กล่าวว่าเม็ดเงินทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังโรงงานท้องถิ่น และทางบริษัทยังคงจะลงทุนในเวียดนามอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทอยู่ในช่วงเตรียมตัวในการลงทุนครั้งสำคัญ โดยปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในนครโฮจิมินห์ ทั้งนี้ นาย Kim Huat Ooi ยังกล่าวชื่นชมถึงสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจในท้องถิ่น และ Intel ถือเป็นบริษัทไฮเทคแห่งแรกที่อัดฉีดเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังเมืองทางตอนใต้ของเวียดนาม นับว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัท Intel อย่างมาก นอกจากนี้ Intel ยังลงทุนราว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับมหาวิยาลัย 8 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในนครโฮจิมินห์ ขณะที่ ทำงานร่วมกับนักศึกษาหญิงกว่า 700 คน ด้วยการวางรางฐานให้กับธุรกิจในการพัฒนาโรงงานประกอบและทดสอบที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมกับสร้างแรงงานทักษะสูงอีก 5,000 ตำแหน่ง

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/intel-keen-to-expand-investment-in-vietnam-417806.vov

บริษัทเยอรมันพร้อมลงทุนต่อไปในเมียนมา

บริษัท เยอรมันในเมียนมากำลังปรับลดการลงทุนและแผนการขยายธุรกิจเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 เมื่อเร็ว ๆ นี้คณะผู้แทนอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของเยอรมันในเมียนมา (AHK) เปิดเผยรายงานการสำรวจแนวโน้มธุรกิจ – AHK World Business Outlook 2020 Results สำหรับเมียนมา – การวัดความเชื่อมั่นทางธุรกิจและผลกระทบของ coronavirus ที่มีต่อ บริษัท เยอรมันในเมียนมาร์ ผลการศึกษาพบว่าประมาณ 2 ใน 3 ของ บริษัท ที่ทำการสำรวจมีแผนที่จะลดการลงทุนเมื่อเทียบกับก่อนการระบาดของ COVID – 19 เนื่องจากความท้าทายและขาดความมั่นใจ มีเพียงร้อยละ 6.7 เท่านั้นที่วางแผนเพิ่มการลงทุนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จากรายงานคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วที่สุดภายในปีหน้า  ร้อยละ46 ในการสำรวจคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะใช้เวลานานขึ้น มีเพียงร้อยละ6.7 เท่านั้นที่คาดว่าจะฟื้นตัวในปีนี้ มากกว่าสองในสามบริษัทมองว่าการขาดมาตรการสนับสนุนทางธุรกิจในการเอาชนะวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถึงกระนั้นมากกว่าร้อยละ 86 ระบุว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะให้เมียนมาเป็นที่ตั้งถาวรสำหรับธุรกิจ ปริมาณการค้ารวมระหว่างเมียนมาและเยอรมนีทะลุ 820 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2561-2562 ในปีนี้ส่งออกสินค้ามูลค่ารวม 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าและสิ่งทอ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรและผลิตภัณฑ์ยา คณะกรรมการด้านการลงทุนและจดทะเบียนธุรกิจ (DICA) การลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทเยอรมนีในเมียนมาคือ Metro Wholesale ซึ่งมีช่องทางการค้าปลีกในประเทศประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/german-companies-myanmar-struggle-meet-investment-targets.html

อิรวดีและฉานมีแผนส่งเสริมการลงทุน

เมียนมากำลังขยายทางเลือกสำหรับธุรกิจที่จะลงทุนในประเทศ เมื่อไม่นานมานี้อนุญาตให้นักลงทุนขยายสาขาการลงทุนออกไปนอกกรุงย่างกุ้งและมัฑะเลย์และภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศแม้จะมีการระบาดของ COVID-19 คณะกรรมการการลงทุนของอิรวดี ได้อนุญาตให้ลงทุนในโรงแรมและการท่องเที่ยว การผลิต และการก่อสร้างมูลค่าประมาณ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 3 พันล้านจัต คาดว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 2,000 ตำแหน่ง โดยได้ให้การสนับสนุน 35 นักลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศลงทุนในภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันรัฐฉานเดินหน้าด้วยแผนการส่งเสริมการลงทุน 10 ปี สำหรับปีงบประมาณ 2562-2563 ถึงปีงบประมาณ  2573 – 2574 เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจโดยการจ้างแรงงานในสัดส่วนที่สูงขึ้น โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และการให้บริการที่สามารถรองรับนักลงทุนและธุรกิจ แผนส่งเสริมการลงทุนของรัฐฉาน (SSIPP) มีเป้าหมายที่จะเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 และ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 โดยรัฐฉานสามารถดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมูลค่า 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2561-2562 ส่วนใหญ่เป็นภาคพลังงานคิดเป็นร้อยละ 70 แม้ว่ารัฐฉานจะมีทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เนื่องจากขาดทักษะ โครงสร้างพื้นฐาน และระบบตลาดที่ใช้ได้จริง ท่ามกลางความไม่แน่นอนในภูมิภาคและในพื้นที่แนวชายแดน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/ayeyarwady-shan-advance-investment-promotion-plans.html

LG Electronics สร้างศูนย์ R+D ในเวียดนาม

จากการประกาศอย่างเป็นทางการในการประชุมเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างตัวแทนบริษัท LG Electronics กับนายกรัฐมนตรีเหงียน ซวน ฟุก ซึ่งคนในวงในของอุตสาหกรรมดังกล่าว ระบุว่าแผนที่จะก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาอีกแห่ง มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของโรงงานในเวียดนาม ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมการประชาชน Hai Phong กล่าวว่าเมือง Hai Phong กำลังรอการอนุมัติจากรัฐบาล เพื่อขยายเขตนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ เขตเศรษฐกิจ Dinh Vu-Cat Hai และ Trang Du เพื่อที่จะรองรับการขยายของบริษัท LG อีกทั้ง โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 16 ล้านชิ้นต่อปี เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องดูดฝุ่นและอุปกรณ์ดิจิตอลแก่รถยนต์ เป็นต้น โดยบริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้อันดับ 2 ที่เปิดศูนย์ R&D โดยมุ่งเน้นธุรกิจยานพาหนะในฮานอยทางการในการันที่ ตัวแทน

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/lg-electronics-to-build-additional-rd-centre-in-vietnam-416821.vov

ไฟเขียวต่างชาติลงทุนไทย มิ.ย.63 จำนวน 22 ราย

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่า เดือนมิ.ย.2563 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 22 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน มีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจ 1,587 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 3,575 คน และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยี ส่วนใหญ่เป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานในที่อับอากาศและการถ่ายเทสารเคมีในหอกลั่นสูงที่มีความกดอากาศตามมาตรฐานยุโรป องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของเครื่องกำเนิดไอน้ำที่ใช้หลักการแลกเปลี่ยนความร้อน (HRSG system) องค์ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมเพื่อออกแบบและพัฒนาคุณภาพชิ้นส่วนยานยนต์ และโปรแกรมเพื่อการตรวจและทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ และองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงของสินทรัพย์ เป็นต้น สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่ 1.ธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน จำนวน 4 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น และจีน มีเงินลงทุนจำนวน 542 ล้านบาท 2.ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 6 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ มีเงินลงทุนจำนวน 632 ล้านบาท 3.ธุรกิจนายหน้า ค้าปลีก ค้าส่ง จำนวน 7 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ฟินแลนด์ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์  มีเงินลงทุนจำนวน 181 ล้านบาท  4.ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 5 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศสวิส ซามัว อังกฤษ สิงคโปร์ และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน มีเงินลงทุนจำนวน 232 ล้านบาท ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/888887?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

การลงทุนในย่างกุ้งยังคงดำเนินต่อแม้จะการระบาด ของ COVID-19

การระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสไม่ได้ทำให้นักลงทุนสนใจในย่างกุ้งลดลง ตั้งแต่ตรวจพบเชื้อ COVID-19 ในเมียนมาเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งมี 4  ธุรกิจที่ได้รับอนุมัติให้ลงทุน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในย่างกุ้ง การประชุมเชิงปฏิบัติการและโรงงานในยังดำเนินงานตามปกติและไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง บริษัท 3 แห่งจากจีนและฮ่องกงและบริษัทท้องถิ่นแห่งหนึ่งได้รับอนุมัติให้ลงทุนในย่างกุ้ง ซึ่งการลงทุนคาดว่าจะสร้างตำแหน่งงานกว่า 656 ตำแหน่ง โดยผู้ผลิตเสื้อผ้าและรองเท้าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเขตย่างกุ้ง คณะกรรมการการลงทุนเขตย่างกุ้งจัดการประชุม 2 ครั้งต่อเดือนเพื่อตัดสินใจอนุมัติเงินลงทุนสูงสุด 5 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 6 พันล้านจัต

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/investments-yangon-continue-despite-pandemic.html