UMFCCI คาดปีงบฯ นี้ จีน รั้งประเทศลงทุนอันดับต้นๆ ในเมียนมา

จากข้อมูลของสมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา(UMFCCI) ปีงบประมาณ 63-64 นักลงทุนจากจีนจะเป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วยเงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งจะมุ่งไปที่โครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ที่สนับสนุนโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) จีนลงทุนกว่า 3.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 375 ธุรกิจในเมียนมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 59-60  นอกจากจีนแล้วประเทศที่มีศักยภาพน่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ กระตือรือร้นที่จะเร่งการลงทุนโครงการปัจจุบันของจีนบางส่วนในประเทศหลังจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งจะเพิ่มการลงทุนในภาคพลังงาน โทรคมนาคม การท่องเที่ยว และการผลิตก๊าซธรรมชาติ ในปี 63-64 เมียนมาตั้งเป้าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไว้ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและ 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 64-65 โดยมีเป้าหมายในปีนี้เพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนในภาคเกษตรกรรม การประมง อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/china-forecast-be-top-myanmar-investor-fiscal-year-umfcci.html

ทางด่วนเลียบชายฝั่งอิระวดีเริ่มก่อสร้างในปีนี้

จากรายงานของกระทรวงการก่อสร้าง โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งอิระวดีภายใต้ธนาคารโครงการของเมียนมา (Project Bank)  ซึ่งเป็นทางด่วนที่เชื่อมระหว่างเขตอิรวดีและรัฐยะไข่ จะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปีงบประมาณนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 94 ล้านดอลลาร์สหรัฐและแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 66-67 โครงการนี้จะเป็นการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งความยาว 274 กม. จากเขตอิรวดีไปยังรัฐยะไข่ เมื่อสร้างเสร็จจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจและความปลอดภัยบนทางด่วน การก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าเกษตรและประมงจากเขตอิระวดีและภูมิภาคอื่น ๆ ใกล้เคียงไปยังท่าเรือสำคัญเพื่อการส่งออก ช่วยลดเวลาในการเดินทางและช่วยให้เข้าถึงชายหาดที่มีชื่อเสียงได้ง่ายขึ้น ทั้งยังกระตุ้นการพัฒนาโครงการโรงแรมและรีสอร์ทตามแนวชายฝั่งในภูมิภาค นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงการให้บริการอย่างเช่น สุขภาพ การศึกษา และโอกาสเติบโตของธุรกิจ เป็นต้น Myanmar Project Bank เป็นแพลตฟอร์มบนเว็บที่ออกแบบมาเพื่อเน้นโครงการลงทุนที่สอดคล้องกับการปฏิบัติตามแผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเมียนมา (Myanmar Sustainable Development Plan 2014 – 2030: MSDP) โดยสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลได้ที่ www.projectbank.gov.mm ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับโครงการทั้งหมดที่สอดคล้องกับการดำเนินการตามแผน MSDP โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังสร้างระบบที่มีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส ซึ่งเชื่อมโยงโครงการลงทุนที่สำคัญกับแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม ธนาคารโครงการเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ มีโครงการทั้งหมด 58 โครงการ ส่วนในเดือนสิงหาคมมีการเพิ่มโครงการอีก 71 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 7.9 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/construction-ayeyarwady-coastal-expressway-start-year.html

ปี 65 เมียนมาเดินหน้าสร้างทางด่วน พะโค-ไจ้โต

จากข้อมูลของกรมทางหลวง กระทรวงการก่อสร้างเผย การก่อสร้างทางด่วนที่เชื่อมระหว่างเมืองพะโคและเมืองไจ้โตในรัฐมอญคาดว่าจะเริ่มได้ในปีงบประมาณ 2565-2566 โดยจะได้รับเงินกู้ยืม 483.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB)  เพื่อสร้างทางด่วนระยะทาง 64 กม. โครงการนี้ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2571-2572 โดยจะมีสะพานข้ามแม่น้ำสีตึ้งยาว 2.3 กม. และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) จะเป็นผู้จัดหาเงินทุนสำหรับก่อสร้างสะพาน New Sittaung ด้วยเงินกู้ 27.8 พันล้านเยน ซึ่งโครงการนี้อยู่ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ทั้งนี้ทางหลวงจากพะโคถึงไจ้โตจะช่วยให้เข้าถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาและไปใกล้ย่างกุ้งได้ง่ายขึ้น อีกทั้ง EWEC ยังเชื่อมต่อไทยกับเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาและต่อไปยังพะสิมในเขตอิรวดี

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/construction-bago-kyaik-hto-expressway-commence-2022.html

แผนแม่บทใหม่มุ่งสร้างการพัฒนาเมืองที่น่าอยู่

แผนแม่บทการพัฒนาเมืองฉบับใหม่จะช่วยให้ทางการสามารถตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของเวียงจันทน์ในอนาคตแต่การพัฒนาระบบต่างๆในแต่ละแขวงกลับไม่เป็นระเบียบ เนื่องจากขาดการวางแผนอย่างละเอียดทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาระบบสาธารณูปโภคที่ไม่สามารถรองรับประชากรในพื้นที่ได้  รวมถึงปัญหาของการแออัดของรถยนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกล่าวในการประชุมสมัชชาแห่งชาติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “ถนนในเมืองหลวงไม่เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานในขณะที่พื้นที่สาธารณะยังไม่ได้รับการพัฒนาจึงจำเป็นต้องจัดทำแผนแม่บทใหม่เพื่อให้เวียงจันทน์ได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ในภูมิภาค” แผนแม่บทฉบับใหม่จะครอบคลุมพื้นที่ 61,600 เฮกตาร์และ 288 หมู่บ้านคิดเป็นร้อยละ 16 ของพื้นที่ดินของเมือง เวียงจันทน์มีประชากรเกือบหนึ่งล้านคนมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจและแนวโน้มจำนวนประชากรที่สูงขึ้น พื้นที่ในเมืองจะขยายไปสู่ชานเมืองตามถนนสายหลักอย่างรวดเร็ว หากไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอการแผ่ขยายออกไปในเมืองจะส่งผลให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่ดีและบริการทางสังคมที่ไม่เพียงพอ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New_215.php

การเจรจาระหว่าง Royal Railway และ รัฐบาลกัมพูชายังคงดำเนินอยู่

การเจรจาระหว่าง Royal Railway Cambodia และรัฐบาลกัมพูชายังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามข้อตกลงสัมปทานฉบับใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงระบบรถไฟของกัมพูชาตลอดจนการรักษาโครงสร้างพื้นฐานให้ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ โดย Royal Railway อยู่ระหว่างการเจรจากับ CRRC Corp Ltd. ซึ่งจะร่วมกันพัฒนาเส้นทางรถไฟของกัมพูชา ซึ่งตัวแทนของ CRRC กล่าวว่าบริษัทได้มีประสบการณ์ในการพัฒนาทางรถไฟมากว่า 21,000 กิโลเมตรในจีนและในต่างประเทศ โดย CRRC ได้แสดงความเต็มใจที่จะเข้าร่วมการเจรจาเพื่อเป็นพันธมิตรกับ Royal Railway ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศกัมพูชาให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50779061/royal-railway-and-cambodian-government-talks-still-on-track/

สหราชอาณาจักรพร้อมช่วยเหลือรัฐชานเดินหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและผังเมือง

นาย U Tun Aing Kyaw ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัยแห่งรัฐฉานเผยรัฐฉานจะร่างผังเมืองและพัฒนาโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของรัฐโดยความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร โครงสร้างพื้นฐานมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเมือง โดยจะดำเนินการตามแผนระยะสั้นและระยะยาวสำหรับการอนุรักษ์มรดกโบราณตลอดจนโครงการพัฒนาเมืองเพื่อปรับปรุงภูมิภาคให้ทันสมัยหากประสบความสำเร็จรัฐฉานจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ยังได้ดำเนินโครงการพัฒนาเมืองอีก 6 โครงการใน Moemeik, Mong Ton, Mong Hsat, Hopone ในขตปกครองตนเองปะโอ, Narnsam ในเขตปกครองตนเองของปะหล่อง และ Laukkai ในพื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง นอกจากนี้ยังร่วมกับสวีเดนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในเมืองกะลอของรัฐฉาน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/shan-conduct-development-programmes-uk-aid.html

กัมพูชาวางโครงการสายส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อทำการนำเข้าพลังงานไฟฟ้า

กระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน (MME) ระบุว่าการก่อสร้างสายส่งกำลังไฟฟ้ามูลค่ารวมกว่า 400 ล้านดอลลาร์ที่เชื่อมระหว่างกัมพูชากับสปป.ลาวและชายแดนไทยจะแล้วเสร็จในปีหน้า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและภาคเอกชน โดยรัฐบาลผ่านคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการลงทุนสายส่งกำลัง 500 กิโลโวลต์ จากพนมเปญไปยังชายแดนกัมพูชา-สปป.ลาวและสายส่งกำลังอีก 500 กิโลโวลต์จากพระตะบองถึงชายแดนกัมพูชา-ไทย ซึ่งผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพลังงานของ MME กล่าวว่ารัฐบาลได้เชิญ SchneiTec Co Ltd. เข้าลงทุนใน 2 โครงการนี้หลังจากที่ได้เสนอให้บริษัททำการศึกษาทางเทคนิคและการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมก่อนหน้านี้ โดยกล่าวว่าสายส่งกำลังที่เชื่อมต่อไปยังชายแดน สปป.ลาว จะมีความยาว 300 กม. และอีกสายหนึ่งจากจังหวัดพระตะบองถึงชายแดนไทยจะอยู่ที่ประมาณ 110 กม. ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะนำเข้าไฟฟ้าประมาณ 300 mW จากโรงงานในเฟสแรกภายในปี 2025 และอีก 300 mW ในปีต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50777612/400-million-transmission-line-to-bring-in-laos-thailand-power/

รัฐบาลกัมพูชาหารือนักลงทุนเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนสายใหม่

กระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MPWT) จัดให้มีการปรึกษาหารือเพื่อตัดสินใจที่ตั้งของถนนสายที่ 4 รอบกรุงพนมเปญ โดยเมื่อสร้างเสร็จแล้วคาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและการขนส่งสินค้า แต่ที่ตั้งของโครงการอยู่ระหว่างการควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาที่ดินซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในโครงการที่ผ่านมา ซึ่งให้คำปรึกษาและนำเสนอโดย China Road and Bridge Corp (CRBC.) ในภาพรวมของโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยการปรึกษาหารือมีตัวแทนจากกระทรวงและหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดจนตัวแทนจาก 10 บริษัท ทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมการหารือในครั้งนี้ ซึ่ง MPWT ยืนยันว่าจะสร้างถนนใหม่หลังจากการก่อสร้างถนนวงแหวนแห่งชาติที่ 3 เสร็จสมบูรณ์ ที่มีความยาวอยู่ที่ 53 กิโลเมตร และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น และในช่วงสองปีที่ผ่านมาราคาที่ดินริมถนนทางหลวงสูงขึ้นถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50775152/speculation-fears-over-location-of-new-ring-road/

กัมพูชาวางแผนส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ

แต้มต่อของกัมพูชาในการทำธุรกิจตั้งแต่ดั่งเดิมคือการขาดโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับสำหรับการดำเนินชีวิต ทั้งขาดความสะดวกในการทำธุรกิจและต้นทุนการผลิตที่สูงยังคงเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนที่จะต้องทำการพัฒนาบนโครงสร้างพื้นฐานหากประเทศต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าในระดับภูมิภาค โดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังระบุว่ากัมพูชาได้เสนอแหล่งข้อมูลที่มีศักยภาพให้กับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นภาคแรงงาน โครงสร้างประชากร ค่าแรงขั้นต่ำ ยังเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่น่าดึงดูดที่สุดของประเทศเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งโครงการทางด่วนพนมเปญ – สีหนุวิลล์กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทั้งยังพัฒนาพนมเปญโลจิสติกส์คอมเพล็กซ์ (PPLC) ให้เป็นศูนย์กลางที่มีศักยภาพในการส่งเสริมภาคการขนส่งของกัมพูชาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆในภูมิภาคและโลกในวงกว้างได้ ไปจนถึงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก ทางรถไฟให้กระจายไปได้ทั่วถึงทั้งประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50774345/promoting-infrastructure-to-boost-trade-status/

ADB ให้เงินกู้ 127.8 ล้านดอลลาร์ แก่กัมพูชาสำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้า

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) อนุมัติเงินกู้ 127.8 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายการก่อสร้างสายส่งและสถานีไฟฟ้าย่อย โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานในกรุงพนมเปญและอีกสามจังหวัดโดยรอบ ซึ่งโครงการนี้จะนำร่องระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ขนาดยูทิลิตี้แห่งแรกในกัมพูชา โดยคำแถลงกล่าวว่าโครงการนี้จะช่วย Electricite du Cambodge ที่ทำสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าแห่งชาติของกัมพูชาเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานระบบส่งโดยการจัดหาเงินทุนในการก่อสร้างสายส่ง 115–230 กิโลโวลต์ 4 สายและสถานีย่อย 10 แห่ง ในพนมเปญ กัมปงชนัง กำปงจาม และจังหวัดตาแก้ว ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถจัดเก็บไฟฟ้าได้ 16 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมง และให้บริการเพื่อช่วยในการผสมผสานพลังงานหมุนเวียน การบรรเทาความแออัดของระบบส่งผ่านและการปรับสมดุลของอุปสงค์และอุปทานทางด้านไฟฟ้าของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50763512/adb-provides-127-8-million-loan-for-reliable-electricity-infrastructure/