ญี่ปุ่นให้เงินมากกว่า 123 พันล้านกีบสำหรับการตอบสนองต่อ Covid-19

รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนกว่า 123 พันล้านคิป (1.5 พันล้านเยน) สำหรับการซื้อเครื่องมือแพทย์เพื่อสนับสนุนในการรับมือกับการระบาดของโควิด -19 เงินทุน 1.5 พันล้านเยน (US $ 13.7 ล้าน) จะถูกนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์ให้กับรัฐบาลสปป.ลาว การลงนามในครั้งนี้ญี่ปุ่นมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนสปป.ลาวในความพยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแนวคิด“ ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ซึ่งอุปกรณ์การแพทย์ที่ให้ไว้ภายใต้โครงการนี้คาดว่าจะนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพทั่วสปป.ลาวโดยเฉพาะในชุมชนท้องถิ่นที่ระบบการดูแลสุขภาพยังไม่มีประสิทธิภาพ การแพร่กระจายทั่วโลกของ Covid-19 ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจและผู้คนของทุกประเทศรวมถึงสปป.ลาวและญี่ปุ่น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความพยายามร่วมกันเพื่อลดผลกระทบของโรคร้ายแรงนี้ทั้งในด้านเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan_108.php

นายจ้างยังคงต้องจ่ายค่าจ้างให้แรงงานตามปกติ

กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมของลาวได้สั่งให้นายจ้างตรวจสอบให้แน่ใจว่าแรงงานได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรมในช่วง COVID-19 ระบาด อธิบดีกรมจัดการแรงงานนาย Phongxaysack Intharath พูดในงานแถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่มาถึงขั้นตอนที่กระทรวงแรงงานใช้ในการประกันการจ่ายเงินของพนักงานและการจ่ายเงินประกันสังคมแก่แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากกCOVID-19 เพื่อบรรเทาอัตราการว่างงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเลื่อยๆ และจะทำให้เศรษฐกิจตกต่ำลง กระทรวงได้ออกคำสั่งเฉพาะสำหรับนายจ้างธุรกิจที่หยุดดำเนินการในเดือนเมษายน จะต้องจ่ายค่าจ้างพนักงานตามปกติและธุรกิจที่ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงต้องจ่ายพนักงานอย่างน้อยร้อยละ 50 ของค่าจ้างปกติทั้งนี้กระทรวงได้ขอให้นายจ้างเคารพกฎหมายแรงงานและปฏิบัติตามกฎระเบียบและสัญญาจ้างที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ปัจจุบันอัตราการว่างงานในประเทศลาวเพิ่มขึ้นจากระดับเฉลี่ย 2% เป็น 25% และคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นไปอีกหากรัฐบาลไม่มีมาตราการที่ช่วยเหลือแรงงาน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2020/06/04/ministry-of-labor-orders-employers-to-pay-wages-despite-pandemic/

ภาคเอกชนทำข้อตกลงรัฐบาลสปป.ลาวเพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน

บริษัท Evolution Power Investment Corporation (EPIC) และ Khounmixay Bridge และ บริษัท ก่อสร้างและซ่อมแซมถนน (KMX) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลสปป.ลาว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่สะอาดในจังหวัดเซกอง ทางตอนใต้ของสปป.ลาวภายใต้ MOU นั้น EPIC และ KMX จะได้รับอนุญาตให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมของโครงการโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีความร้อนสะอาดในเขตดากจึง จังหวัดเซกองโดยโครงการคาดว่าจะมีค่าใช้จ่าย 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2570 เพื่อผลิตไฟฟ้าและส่งออกไปยังประเทศไทย เวียดนามและกัมพูชา รวมถึงการบริโภคในประเทศโดยโครงการมุ่งมั่นที่จะใช้แหล่งเชื้อเพลิงที่สกัดในประเทศเพื่อผลิตพลังงานเพื่อการส่งออกและเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น พลังงานความร้อนจะเป็นส่วนสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับภูมิภาคอาเซียนและได้จะรับกระแสความนิยมจากทั่วโลกซึ่งในอนาคตพลังงานสะอาดจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของสปป.ลาวต่อไป  

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt106.php

กระทรวงแรงงานออกข้อบังคับธุรกิจยังคงต้องจ่ายเงินให้คนงานตามปกติ

กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้สั่งให้ธุรกิจในภาคการผลิตและบริการเคารพกฎหมายแรงงานกฎหมายที่เกี่ยวข้องและระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินของคนงานที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 กระทรวงแรงงานได้ออกคำสั่งพิเศษเพื่อช่วยเหลือแรงงานและบังคับใช้กับภาคธุรกิจโดยมาตรการที่กระทรวงดำเนินการนั้นเกี่ยวข้องกับกฎหมายแรงงานกฎหมายประกันสังคมและคำสั่งที่ 6 ของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการป้องกันควบคุมและเตรียมความพร้อมในการตอบสนองต่อ Covid-19 ซึ่งกระทรวงได้สั่งให้ธุรกิจที่หยุดดำเนินการในเดือนเมษายนจ่ายค่าจ้างตามปกติแก่แรงงานในส่วนธุรกิจที่ประสบปัญหาทางการเงินร้ายแรงควรจ่ายค่าแรงอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างปกติ มาตราการดังกล่าวมีขึ้นช่วยเหลือแรงงานที่อาจตกงานในสถาการณ์ COVID-19 ซึ่งคาดการณ์จะมีแรงงานว่างงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 ซึ่งหากให้มีการว่างงานสูงมากๆอาจนำมาซึ่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่รุนแรงในระยะยาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Labour106.php

ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจลาวปี 2563 จะเติบโตร้อยละ 1

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ธนาคารโลก ประจำ สปป. ลาวได้เผยแพร่รายงาน Lao Economic Monitor ฉบับล่าสุดเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและหนี้สินของสปป. ลาวในปี 2563 โดยคาดว่าเศรษฐกิจลาวจะขยายตัวร้อยละ 1 ในกรณีที่การแพร่ระบาดไม่รุนแรง และอาจจะหดตัวติดลบร้อยละ 1.8 ในกรณีรุนแรง ด้านการขาดดุลงบประมาณปี 2563 จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.5 – 8.8 ของ GDP (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.1 เมื่อปี 2562) ด้านหนี้สินปี 2563 จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 65 – 68 ของ GDP (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 59 เมื่อปี 2562) และด้านเงินสำรองระหว่างประเทศปี 2563 จะลดลง โดยครอบคลุมการนำเข้าน้อยกว่าหนึ่งเดือน

การแพร่ระบาดดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานและการขจัดความยากจน เนื่องจากภาคการขนส่ง การท่องเที่ยว การบริการ และการโรงแรมมีผลประกอบการลดลงอย่างมาก ทำให้เกิดการว่างงานคิดเป็นร้อยละ 11

ของการจ้างงานทั้งหมด และคิดเป็นร้อยละ 22 ของการจ้างงานในเขตตัวเมือง ทั้งนี้ คาดว่าจะมีประชากรประมาณ 96,000 – 214,000 คน จะพบประสบความยากจน สปป. ลาวจำเป็นต้องลงทุนในการสร้างระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ และจัดหาทรัพยากรที่เพียงพอต่อการให้บริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ

ที่มา : https://globthailand.com/laos-01062020/

รัฐบาลสปป.ลาวได้ชี้แจงการใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับการฟื้นฟูการศึกษาและสาธารณสุข

ตั้งแต่การระบาดของ COVID-19 ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงสปป.ลาว เพื่อมุ่งเน้นมาตรการเชิงปฏิบัติเพื่อป้องกันการควบคุมและแก้ไขการระบาดของ COVID-19  เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 รัฐบาลอัดฉีดงบประมาณ 10 พันล้านกีบ เพื่อใช้สำหรับการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์รวมถึงงบประมาณอีก 6.64 พันล้านกีบเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ด้านอื่นๆ และยังมีวงเงินฉุกเฉินอีก 100 ล้านกีบที่เป็นเงินสำรองในกรณีที่ COVID-19 กลับมาระบาดอย่างรุนแรงในด้านการศึกษารัฐบาลอนุมัติวงเงิน6.9 พันล้านกีบเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษา จำนวนเงินดังกล่าวจะเป็นส่วนช่วยในการฟื้นฟูในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสปป.ลาว และจะเป็นฐานสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจสปป.ลาวกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง

ที่มา : https://laoedaily.com.la/2020/06/01/78655/