ซูจีขอให้ผู้เลี้ยงปลาท้องถิ่นขยายตลาดส่งออก

นางอองซานซูจีที่ปรึกษาของรัฐเรียกร้องให้พ่อค้าปลาและกุ้งในเมียนมาทำการส่งเสริมการประมงชนิดใหม่และขยายตลาดส่งออกในระหว่างการประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา มีปลาหลายชนิดในเมียนมาแต่ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ยังไม่รู้ดังนั้นจำเป็นต้องมีการหาตลาดใหม่ นอกจากนี้การผลิตผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ปลากระป๋องจะช่วยให้อุตสาหกรรมสร้างรายได้ใหม่ ๆ และกระจายออกไปจากปลาและกุ้งสด ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยปกป้องธุรกิจประมงและไม่ให้พึ่งพารายได้จากแหล่งเดียวมากเกินไป ปีงบประมาณ 2562-2563 อุตสาหกรรมการประมงและธุรกิจโลจิสติกสได้สร้างงานมาแล้วกว่า 3.5 ล้านคน ปริมาณการส่งออกถึง 782 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น 100 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า การระบาดของ COVID-19 ให้อุตสาหกรรมตกต่ำลง การส่งออกชะลอตัวหลังจากคำสั่งซื้อถูกยกเลิก สหภาพยุโรปและประเทศตะวันตกอื่น ๆ มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 45% ในขณะที่จีนและไทยคิดเป็น 55% ในตอนนี้มีการจัดสรรเงินจำนวน 1.4 พันล้านจัต เพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมและเทคโนโลยีสำหรับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ COVID-19 ของรัฐบาล ซึ่งเงินดังกล่าวจะถูกแจกจ่ายภายในเดือนกันยายน 2563 นี้ จากการวิจัยพบว่า 40% ของธุรกิจปศุสัตว์และประมง 4,900 แห่งได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/state-counsellor-urges-local-fish-breeders-expand-export-market.html

ความต้องการทองคำของเมียนมาลดลงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

ราคาทองคำในประเทศทรงตัวที่ระดับ 1.22 ล้านต่อทองคำ 1 บาทเนื่องจากความต้องการที่ลดลงแม้ว่าทั่วโลกราคาทองคำจะเข้าใกล้ระดับ 1,800 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ค้าทองคำและนักลงทุนเลือกที่จะถือเงินสดมากกว่าทองคำ อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลล่าร์ร่วงลงมาที่อยู่ที่ 1365จัต/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 1400 จัต/ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤษภาคมและมีผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อในตลาด นักลงทุนทองคำจำนวนมากยังเลิกลงทุนในทองคำเนื่องจาก COVID-19 ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียงานและการตกต่ำของเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดทองคำของเมียนมาลดลงประมาณ 50% หลังจากการระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-gold-demand-falls-back-lower-dollar-exchange-rate.html

ภาคการก่อสร้างเมียนมาร้องขอนโยบายผ่อนปรนการใช้เงินสด

ธุรกิจก่อสร้างกำลังเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนกฎระเบียบและการลดหย่อนภาษีผ่านความช่วยเหลือทางการเงินจากปัญหาการระบาดของ COVID-19 สมาคมผู้ประกอบการก่อสร้างเมียนมา (MCEA) กล่าวว่ามีวิธีอื่นนอกเหนือจากการใช้เงินสดที่รัฐบาลสามารถช่วยบรรเทาภาระของผู้รับเหมาและนักพัฒนาในท้องถิ่น เช่น การลดอากรแสตมป์สำหรับชาวต่างชาติ การจำนองที่ราคาถูกและยืดหยุ่นมากขึ้น ในย่างกุ้งปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมประมาณ 15,000 ยูนิตอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 40% สามารถเปิดขายให้กับชาวต่างชาติ ได้ทั้งหมด 6,000 ยูนิต สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดคอนโดมิเนียมอาจดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติได้หากเงื่อนไขที่อนุญาตเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 โครงการก่อสร้างจำนวนมากได้หยุดชะงักจากการขาดแคลนเงินสดความต้องการที่ลดลงและความล่าช้าในการนำเข้าวัสดุก่อสร้าง  รัฐบาลจะช่วยให้ภาคการก่อสร้างเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะอนุญาตให้กลับมาทำงานได้แต่ต้องปฏิบัติตามแนวทางด้านสุขภาพและการป้องกันอย่างถูกต้อง  รัฐบาลกำลังจะเปิดตัวโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่โดยใช้กองทุนของรัฐและสินเชื่อระหว่างประเทศและอนุมัติการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับภาคเอกชน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-construction-sector-requests-policy-relief-over-cash.html

เมียนมาส่งออกไปบังคลาเทศผ่านชายแดนมังดอร์มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เดือนมิถุนายน 2563 เมียนมาส่งออกผ่านชายแดนผ่านชายแดนมังดอว์มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังบังคลาเทศและส่วนใหญ่เป็นสินค้าอย่างพลาสติก ซึ่งการค้าชายแดนมังดอร์ หยุดตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤษภาคมและเปิดในเดือนมิถุนายน 2563 จากการแพร่ระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/more-than-us-1-million-worth-products-exported-to-bangladesh-via-maungdaw-border-trade

ยุโรปเรียกร้องให้จีนชะลอการชำระหนี้ของเมียนมา

ประเทศในยุโรปตกลงที่จะเลื่อนการชำระคืนเงินกู้ของเมียนมาเป็นจำนวนเงินรวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเรียกร้องให้จีนทำเช่นเดียวกัน ออสเตรีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมันนี, เนเธอร์แลนด์และโปแลนด์มีการผ่อนผันการชำระคืนเป็นจำนวนเงินรวม 98 ล้านเหรียญสหรัฐรวมทั้งดอกเบี้ยสำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม 2563 จำนวนหนี้ประกอบด้วยร้อยละ 20 ของการชำระหนี้ตามกำหนดเวลาของเมียนมาซึ่งมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลานี้ สหภาพยุโรปเรียกร้องให้เจ้าหนี้รายใหญ่ของเมียนมาปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน เช่นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของคือ จีนและญี่ปุ่น หนี้ของเมียนมาในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10 พันล้านดอลลาร์ซึ่ง 4 พันล้านดอลลาร์เป็นหนี้ที่กู้จากจีน การบรรเทาหนี้ครั้งนี้จะช่วยให้เมียนมาในการสนับสนุนระบบสาธารณสุขชุมชนและธุรกิจในท้องถิ่น สหภาพยุโรปได้ระดมทุนและตั้งโครงการสำหรับภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤต COVID-19 ซึ่งได้แก่กองทุนฉุกเฉิน The Myan Ku Fund เป็นจำนวนเงิน 5 ล้าน สำหรับแรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าใ นเดือนพฤษภาคมและได้จ่ายเงินไปแล้วกว่า 2 พันล้านจัต จากจำนวนแรงงาน 21,690 นอกจากนี้ยังระดมเงินทุนสูงถึง 30 ล้านยูโรสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม พนักงานสาธารณสุข แรงงานข้ามชาติ และผู้ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/europe-defer-myanmars-debt-payments-urges-china-follow-suit.html

ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและค่าเงินแข็งค่า

แม้มีการระบาดของ COVID-19 แต่ความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์ของมัณฑะเลย์ยังคงเพิ่มขึ้น ราคาขายอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 100 – 300 ล้านจัตส่วนใหญ่ถูกขายให้กับชาวจีน เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและเงินหยวนจีนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เศรษฐกิจเมียนมาชะลอตัวลงแต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาฟื้นตัวหลังจากธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย ผู้คนจำนวนมากเริ่มลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ซึ่งมันดาเลย์มีอสังหาริมทรัพย์ราคาปานกลางที่มีศักยภาพที่จะเติบโต เช่น ที่ Ye Mon Taung Ward และ Htan Koe Pin พื้นที่เหล่านี้เชื่อมต่อกับพื้นที่สำคัญระหว่างถนน 35th, Thate Pan Street และถนนวงแหวน Pyin Oo Lwin-Mandalay ตอนนี้มีโครงการที่อยู่อาศัย คลังสินค้า และโชว์รูมรถยนต์เพิ่มขึ้น อีกทั้งสนามกอล์ฟในบริเวณใกล้เคียงยังช่วยเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ในขณะเดียวกันจำนวนประชากรก็เริ่มขยายตัว

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/mandalay-property-sales-spike-due-low-rates-strong-currency.html

ธนาคารในเมียนมาเปิดตัวบัตรเดบิต – เครดิตเพื่อผลักดันการใช้เงินสด

ธนาคารประชาชนแห่งเมียนมา (MCB) เตรียมให้บริการบัตรเดบิตโดยร่วมกับสหภาพพม่า Payment Union (MPU) และผู้ให้บริการชำระเงินจากญี่ปุ่นอย่าง JCB ธนาคารประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ การร่วมมือกันครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้บัตรอสามารถเข้าถึงเครือข่ายการค้าของ MPU ทั่วประเทศและถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม MCB, ตู้เอทีเอ็มอื่น ๆ ที่รองรับบัตร MPU / JCB และ ATM ที่รองรับบัตร JCB ในประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการชำระเงินผ่านเครื่อง ณ จุดขาย (POS) ที่เคาน์เตอร์ขายในประเทศและต่างประเทศรวมถึงชำระเงินและเติมเงินออนไลน์ได้ สัปดาห์นี้หลังจากที่ Yoma Bank จับมือกับ Mastercard จะช่วยให้ธนาคารสามารถขยายการให้บริการทางดิจิทัลและความความก้าวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลของเมียนมา รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการพัฒนาและใช้ผลิตภัณฑ์การชำระเงินแบบไร้เงินสดและแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อผลักดันการเติบโตและการรับมือกับการระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-local-banks-launch-debit-credit-cards-drive-cashless-push.html