“นักลงทุนต่างชาติ” เข้าไปลงทุน 8.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม ช่วงไตรมาสแรก

จากรายงานของหน่วยงานการลงทุนในต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 30 มี.ค. นักลงทุนต่างชาติได้เข้าไปลงทุนด้วยมูลค่า 8.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.1 ของช่วยเดียวกันปีที่แล้ว โดยมีโครงการใหม่ที่ได้รับอนุญาตการลงทุน 758 โครงการ มูลค่าการลงทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือเทไปยังโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ด้วยมูลค่า 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ในชวันที่ 20 มี.ค. เวียดนามมีเงินทุนจดทะเบียนรวม 370 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนการลงทุน 31,665 โครงการ และโครงการที่มาจาก FDI มีมูลค่า 215.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.3 ชองเงินทุนจดทะเบียนรวม ทั้งนี้ เกาหลีใต้ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยจำนวนลงทุน 8,702 โครงการ และมีมูลค่าเงินทุนจดทะเบียนสะสมรวม 68.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาญี่ปุ่น สิงคโปร์ เป็นต้น ขณะที่ โฮจิมินห์, ฮานอย, บิ่ญเซือง, ด่งนายและหวุงเต่า ล้วนเป็นจุดมุ่งหมายชั้นนำในการลงทุนจากต่างชาติ นอกจากนี้ การคาดการณ์ของกระทรวงวางแผนและการลงทุน มองว่าในปี 2563 เวียดนามจะดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังคงดำเนินจนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ และมูลค่า 38.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากไวรัสดังกล่าวดำเนินไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่สอง ซึ่งเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่า FDI อยู่ที่ 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้ เวียดนามตั้งเป้าดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติในปี 2563 อยู่ที่ 39.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อระงับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/654053/foreign-investors-pour-855b-in-vn-in-q1.html

เม็ดเงินลงทุน 564 ล้านดอลลาร์สหรัฐในนิคมอุตสาหกรรม Da Nang Hi-Tech Park

นิคมอุตสาหกรรม Da Nang Hi-Tech Park (DHTP) ได้เปิดตัวในปี 2556 ฐานะศูนย์กลางสีเขียวและการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง จนสามารถดึงดูดโครงการลงทุน 18 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) 9 โครงการ ด้วยเงินทุนรวม 564 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ผู้อำนวยการของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ระบุว่านิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวถูกออกแบบให้เป็น 1 ใน 3 ของนิคมอุตสาหกรรมหลักที่สามารถใช้งานได้หลายประเภท ตามมาด้วยกรุงโฮจิมินห์และฮานอย รวมถึงมีจำนวนธุรกิจ FDI 4 แห่ง ประกอบไปด้วยบริษัทญี่ปุ่น 2 ราย, บริษัทเกาหลีใต้ 1 ราย และบริษัทสหรัฐฯ 1 ราย ที่ได้ตัดสินใจทุ่มเงินลงทุน 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกและตลาดในประเทศ รวมถึงมีนักลงทุนในประเทศอีก 2 ราย ได้แก่ Long Hau company และ Bien Dong electric automation technology company ทั้งนี้ จากรายงานของคณะกรรมการ ระบุว่า UAC ได้ลงทุนก่อสร้างโรงงาน 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ ซึ่งได้เสร็จสิ้นการก่อสร้างแล้วและเริ่มต้นการผลิตในสิ้นปี 2562 นอกจากนี้ เมืองแห่งนี้ได้เรียกร้องให้มีการลงทุนจาก Silicon Valley และธุรกิจจากสหรัฐฯที่เกี่ยวข้องกับบริการสุขภาพ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค การศึกา อสังหาริมทรัพย์และยานยนต์ในนิคมอุตสาหกรรม DHTP และ IZs

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/653256/564-million-poured-in-da-nang-hi-tech-park.html

เมืองหลวงดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติกว่า 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของสำนักงานวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าเมืองฮานอยได้อนุมัติโครงการใหม่ของ FDI ทั้งหมด 68 โครงการ ด้วยเงินลงทุน 30.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมี 7 โครงการเดิมที่ปรับเพิ่มเงินทุนอยู่ที่ 71.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้อนุมัติโครงการจากนักลงทุนต่างชาติที่มีมูลค่าราว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเข้ามาซื้อหุ้นในกิจการท้องถิ่น ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว ฮานอยยังคงเป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด ด้วยมูลค่า 8.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ เงินทุนเบิกจ่ายสำหรับโครงการ FDI แตะระดับสูงกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74 ของเงินทุนจดทะเบียนทั้งหมด นอกจากนี้ เมืองฮานอยยังคงส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกับการสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น การก่อสร้าง, เมืองอัจฉริยะ, เทคโนโลยี, การให้บริการขั้นสูง, ไฮเทคเกษตร และการเงินการธนาคาร เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592039/capital-city-lures-more-than-140m-in-foreign-investment.html

จังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า ดึงดูดเงินลงทุน 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของคณะกรรมการประชาชนประจำจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า (Bà Rịa-Vũng Tàu) เปิดเผยว่าในวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการได้รับใบอนุญาต 5 โครงการใหม่และโครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนด้วยมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงการประชุมจากตัวแทนสมาคมองค์กรเศรษฐกิจและนักลงทุนกว่า 300 คน ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว จังหวัดดังกล่าวได้ดึงดูดโครงการลงทุนใหม่ 108 โครงการ และโครงจากต่างประเทศ 49 โครงการ ด้วยมูลค่า 623 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินในประเทศด้วยมูลค่า 566 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในปัจจุบัน มีโครงการในประเทศ 960 โครงการ และอีก 390 โครงการที่มาการลงทุนต่างประเทศ ด้วยมูลค่ารวมอยู่ที่ 40.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับประเภทธุรกิจที่นักลงทุนสนใจมากที่สุด ได้แก่ เมืองท่า การท่องเที่ยวและปิโตรเลียม เป็นต้น และคาดว่าภายในจังหวัดจะเน้นการดึงดูดโครงการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและทันสมัย รวมไปถึงแรงงานที่มีทีกษะขั้นสูงรวมไปถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมการลงทุน โครงการสร้างพื้นฐานให้ดีมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/591796/ba-ria-vung-tau-lures-174m-investment.html

ญี่ปุ่นลงทุนโดยตรงไปยังกัมพูชาสูงถึง 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา

ในระหว่างปี 2537-2562 กัมพูชาได้รับโครงการลงทุนจากญี่ปุ่นกว่า 137 โครงการ มูลค่ารวม 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใต้กรอบการลงทุนโดยตรงของญี่ปุ่น โดยผู้ช่วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์จัดงานสัมมนาเรื่อง “การได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีค่าผ่านการเชื่อมโยง MSME” ณ กรุงพนมเปญเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งโครงการลงทุนยังคงดำเนินต่อไปโดยมุ่งเน้นไปที่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมเกษตร อาหารแปรรูป โรงแรม การท่องเที่ยว โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าและอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) อีกจำนวน 1,799 แห่ง ที่ญี่ปุ่นลงทุนในด้าน โดยธุรกิจจากญี่ปุ่นมีชื่อเสียงด้านคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่นสร้างงานและช่วยปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของคนงานกัมพูชาซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งจำนวนบริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในกัมพูชาเพิ่มขึ้นทุกปี โดยการตัดสินใจลงทุนและขยายการดำเนินงานในกัมพูชาเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของรัฐบาลกัมพูชาและมีสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50686389/japans-foreign-direct-investment-in-cambodia-peaks-2-5-billion-in-last-15-years

ยอดลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนามสูงขึ้น 179%

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MIP) เปิดเผยว่าในช่วง 20 วันแรกของปีนี้ ยอดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 179.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับเม็ดเงินลงทุน 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น มาจากโครงการลงทุนต่างชาติใหม่จำนวนกว่า 258 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 454.1 และ 14.2 ตามลำดับ ขณะที่ เงินทุนส่วนที่เหลือจะเข้าไปสู่โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนและการเข้าซื้อหุ้นเวียดนามจากบริษัทต่างชาติ เป็นต้น สิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่า 4.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็น 90.9% ของเงินลงทุนทั้งหมดจากต่างชาติ) โดยเมื่อปีที่แล้ว กลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในอันดับที่ 3 ของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ตามมาด้วยเกาหลีใต้อยู่ในอันดับที่ 1 (7.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และฮ่องกงอยู่ในอันดับที่ 2 (7.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ในปี 2563 เวียดนามจะดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 38.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/january-fdi-surges-179-percent/167896.vnp

ไตรมาสแรกของปีงบฯ 62-63 FDI เมียนมาพุ่ง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เมียนมาสามารถดึงดูดเงินลงทุนกว่า 1.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากต่างประเทศ ของปีงบประมาณ 62-63 ซึ่งเริ่มในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 62 ถึง 24 มกราคมของปีงบประมาณนี้ เดือนที่แล้วมี บริษัท ต่างประเทศ 23 แห่งที่มีเงินลงทุนมากกว่า 433.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการลงทุนพม่า (MIC) เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น 11,951 ตำแหน่ง การลงทุนแบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ ปศุสัตว์และการประมง และภาคการผลิตตามลำดับ ในขณะเดียวกัน MIC ไฟเขียวแก่ผู้ประกอบการชาวเมียนมา 39 ราย ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 647.6 พันล้านจั๊ต (431.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ย่างกุ้งดึงดูดการลงทุน 60% ทั้งในประเทศและต่างประเทศตามด้วยมัณฑะเลย์ 30% และที่เหลือไหลไปสู่ภูมิภาคและรัฐอื่น ๆ สิงคโปร์ จีน และไทยเป็นนักลงทุนหลัก กฎหมายบริษัทใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ให้การยกเว้นภาษีแก่นักลงทุนโดยขึ้นอยู่กับการพัฒนาของภูมิภาคและรัฐ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2020-01/28/c_138739270.htm

การลงทุนจากต่างประเทศของเมียนมาเพิ่มเป็นสองเท่า

เมียนมาอนุมัติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วงสามเดือนแรกของปีงบประมาณ 62-63 เพิ่มเป็นสองเท่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่ผ่านมา ณ วันที่ 10 มกราคม คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของเมียนมา (MIC) ได้อนุมัติการลงทุนในโครงการมูลค่ารวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 62-63 ในวันที่ 1 ต.ค. 62 ตามข้อมูลของสำนักงานบริหารจัดการบริษัทและทะเบียนบริษัท (DICA) ในช่วงเวลาดังกล่าวได้อนุมัติเงินลงทุนจำนวน 800 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการ 60 โครงการ ล่าสุดปฏิเสธโครงการลงทุนสองโครงการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในการประชุมเมื่อวันที่ 10 มกราคม รายงานของธนาคารโลกระบุว่ากระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีสัญญาณการฟื้นตัวในปี 62 อย่างไรก็ตามรายงานเพิ่มเติมว่าการลงทุนที่ยั่งยืนนั้นขึ้นอยู่กับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อดึงดูดเงินลงทุน DICA รายงานว่า FDI เพิ่มขึ้นเป็น 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 61-63 จาก 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 60-61 และคาดว่าจะสูงถึง 5.8 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณปัจจุบัน สิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดตามด้วยจีน และฮ่องกง สาขาที่ได้รับการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ได้แก่ น้ำมันและก๊าซรองลงมา ได้แก่ หมวดพลังงานและภาคอุตสาหกรรม

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/foreign-investment-inflows-double-myanmar-govt.html

เม็ดเงิน FDI ไหลเข้าไปยังโครงการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามอย่างมาก

จากข้อมูลของสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวนมากไหลเข้าไปในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม โดยประเทศที่มีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอมากที่สุดของเวียดนาม คือ ฮ่องกง (447 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) รองลงมาสิงคโปร์ จีน เกาหลีใต้และสาธารณรัฐเซเชลส์ ตามลำดับ นอกจากกลุ่มประเทศข้างต้นแล้ว อุตสาหกรรมสิ่งทอเวียดนามมีเงินทุนจดทะเบียนรวมราว 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่มาจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งเม็ดเงินทุน FDI ได้ไหลเข้ามาในโครงการวัสดุต่างๆ ได้แก่ โครงการสิ่งทอ,ย้อมผ้า,ตัดเย็บเสื้อผ้า,เส้นใยและผลิตเส้นใย เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/strong-fdi-inflows-poured-into-textile-and-fiber-projects-408588.vov

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน กระทบ FDI กัมพูชา

กัมพูชาและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง จากรายงานล่าสุดของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา โดยกล่าวเสริมว่าสงครามการค้าที่ยืดเยื้อได้ผลักดันให้เกิดความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งทำให้กิจกรรมและการลงทุนระหว่างประเทศหลายประเทศชะลอตัวลง โดยรองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ลุ่มน้ำโขงกล่าวว่าสงครามการค้าส่งผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวต่อประเทศ ซึ่งในระยะสั้นกัมพูชาจะได้รับประโยชน์ในแง่ของการค้าเพราะบริษัทจีนบางแห่งกำลังเผชิญกับการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดสหรัฐเนื่องจากมีการเก็บภาษีที่สูง ดังนั้นหลายบริษัทจึงมองหาฐานการผลิตใหม่เช่นกัมพูชา อย่างไรก็ตามในระยะยาวสงครามการค้าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจกัมพูชาไม่มากก็น้อย เช่นส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยลงและการลงทุนจากต่างประเทศในกัมพูชาลดลง โดย Nikkei Asian Review ได้รายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่ามี บริษัท 16 แห่งกำลังมองหาฐานการผลิตใหม่จากจีนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯเนื่องจากข้อพิพาททางการค้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677276/us-china-trade-tension-diverts-foreign-investments-to-kingdoms-benefit