EIC CLMV Outlook Q1/2021

โดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)

ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลกและการระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ CLMV ในปี 2020 โดยเวียดนามและเมียนมามีการชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ขณะที่เศรษฐกิจลาวและกัมพูชาเผชิญการหดตัวจากปัจจัยด้านลบรายประเทศเพิ่มเติม ในภาพรวมนั้นแม้เศรษฐกิจ CLMV จะมีสัญญาณการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 แต่ในช่วงที่ผ่านมาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงเป็นไปอย่างช้า ๆ ยกเว้นเวียดนามซึ่งได้อานิสงส์จากการส่งออกที่แข็งแกร่งและความสำเร็จในการควบคุมการระบาด COVID-19

สำหรับในปี 2021 EIC ประเมินว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจ CLMV ในภาพรวมจะยังคงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่ยังไม่ทั่วถึง โดยขึ้นอยู่กับสามปัจจัยหลักได้แก่

  1. ประสิทธิภาพของมาตรควบคุมการระบาด COVID-19 และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง
  2. ขนาดและประสิทธิภาพของมาตรการภาครัฐเพื่อบรรเทาผลกระทบจากแผลเป็นทางเศรษฐกิจ (scarring effects) ระหว่างที่รอการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในภูมิภาค (herd immunity) ซึ่งคาดว่าเกิดขึ้นในปี 2022
  3. ปัจจัยเสี่ยงเฉพาะรายประเทศ เช่น ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลลาว และสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ปะทุขึ้นในเมียนมา

ซึ่งหากเปรียบเทียบกันในภูมิภาคแล้วนั้นเศรษฐกิจของเวียดนามน่าจะขยายตัวได้เร็วที่สุดจากทั้งภาคการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงขยายตัวและอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวได้ดี ในขณะที่เศรษฐกิจของเมียนมายังคงมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องในปีนี้จากปัจจัยลบทั้งสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ต่อเนื่องและปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง

กัมพูชา :

  1.  ฟื้นตัวอย่างค่อนเป็นค่อนไปตามเศรษฐกิจโลกและ FDI ที่ทยอยกลับมา โดยเฉพาะจากจีน
  2. ความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของ COVID-19 และมาตรการทางการคลังเป็นแรงสนับสนุนหลักต่ออุปสงค์ภายในประเทศ
  3. ข้อตกลงการค้าเสรีจีนกัมพูชาจะช่วยผลักดันการฟื้นตัวของการส่งออกในปี 2021
  4. การท่องเที่ยวที่ยังคงซบเซาต่อเนื่องเป็นความเสี่ยงสำคัญ

สปป.ลาว :

  1. ฟื้นตัวปานกลางด้วยอานิสงส์จากการกลับมาเปิดด่านค้าชายแดนและการคลายมาตรการ Lockdown ในประเทศ
  2. การค้าและ FDI ที่กลับมาฟื้นตัวจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทยอยฟื้นตัว
  3. มาตรการกระตุ้นทางการคลังจะยังมีขนาดเล็กจากขีดความสามารถการทำนโยบายการคลุง (fiscal space) ที่จำกัด
  4. หนี้สาธารณธที่อยู่ในระดับสูงขณะที่เงินกีบอ่อนค่าลงต่อเนื่อง การขาดแคลนเงินสำรองระหว่างประเทศ และการถูกปรับลดอันดับเครดิต ถือเป็นความเสี่ยงหลักต่อการบริหารจัดการหนี้

เมียนมา :

  1. ฟื้นตัวช้าท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่และความไม่แน่นอนทางการเมือง
  2. การส่งออกและอุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโมฟื้นตัวไปอย่างช้าๆ หลังทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown
  3. FDI จะยังซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอแผนการลงทุนออกไปหลังเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง
  4. เหตุการณ์ประท้วงที่ลุกลามในประเทศและแนวโน้วถูกคว่ำบาตรเป็นความเสี่ยงหลักการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

เวียดนาม :

  1. การส่งออกที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง ยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักของเศรษฐกิจ
  2. เศรษฐกิจภายในประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติหลังภาครัฐใช้มาตรการควบคุม COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. เครือข่ายข้อตกลงการค้าเสรีที่กว้างขวางจะช่วยผลักดันการส่งออกและดึงดูด FDI อย่างต่อเนื่องในระยะกลาง
  4. ความเสี่ยงที่ต้องจับตาคือการที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเวียดนามเป็นประเทศผู้บิดเบือนค่าเงิน แม้จะยังไม่มีมาตรการตอบโต้จากสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการก็ตาม

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.scbeic.com/th/detail/product/7392

กัมพูชาวางแผนปรับปรุงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตข้าวภายในประเทศ

กระทรวงเกษตรกัมพูชากำลังปรับปรุงแผนการพัฒนาการผลิตข้าวระดับชาติ เพื่อเพิ่มคุณภาพและปริมาณการผลิตข้าวภายในประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรกล่าวว่าจำเป็นต้องจำแนกพันธุ์และแผนที่เกษตรเชิงนิเวศ ในส่วนของพื้นที่เพาะปลูกข้าวในกัมพูชาเพื่อเป็นพื้นฐานในการจัดทำแผนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายและการพัฒนาการผลิตข้าว ไปจนถึงการพัฒนาระบบชลประทาน การประกันราคาผลผลิต ตลอดจนการพิจารณาสภาพภูมิอากาศและปัจจัยอื่น ๆ ในแต่ละโซนโดยละเอียด เพื่อเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีการเติบโต และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรผู้ผลิตข้าวในกัมพูชา โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาปลูกข้าวได้รวม 3,404,131 เฮกตาร์ สร้างผลผลิตรวม 10,935,618 ตัน ซึ่งส่งออกข้าวสารไปยังตลาดต่างประเทศรวม 690,829 ตัน สร้างรายได้เกือบ 540 ล้านดอลลาร์ รวมถึงส่งออกข้าวเปลือกจำนวน 2,893,750 ตันข้าวเปลือก มูลค่าเกือบ 725 ล้านดอลลาร์ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814769/agricultural-rice-map-updated-to-boost-production/

รัฐบาลกัมพูชาร่วมกับสภาหอการค้ายุโรปส่งเสริมการส่งออก

กระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมง (MAFF) ร่วมกับสภาหอการค้ายุโรป (EuroCham) ประจำประเทศกัมพูชา ได้สัญญาว่าจะร่วมมือกันพัฒนาภาคการเกษตรของกัมพูชาเพื่อขยายการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป โดยได้มีการหารือเกี่ยวกับภาคธุรกิจการเกษตรในวงกว้าง เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษอุตสาหกรรมเกษตร โครงการสนับสนุนระหว่างประเทศเพื่อการปรับปรุงการเกษตร การยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของภาคการเกษตร รวมถึงโอกาสและความท้าทายจากข้อตกลงการค้าเสรีที่ทางกัมพูชาได้ทำสัญญาร่วมเอาไว้ ซึ่งภาคเกษตรกรรมของกัมพูชาในช่วงของการแพร่ระบาดของ COVID-19 กัมพูชาถือว่ามีหลักประกันด้านความมั่นคงด้านอาหาร ไปจนถึงการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ จีน เกาหลี และสหภาพยุโรป เน้นไปที่สินค้าส่งออก เช่น ข้าวสาร พริกไทย มันฝรั่งทอด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กล้วย และมะม่วง เป็นต้น ภายใต้ความร่วมมือกัมพูชาต้องการการสนับสนุนทางเทคนิคด้านการเกษตรที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิต ความสามารถในการแข่งขัน ความครอบคลุมและความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการแปรรูปสินค้าการเกษตรในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814995/ministry-and-eurocham-to-collaborate-on-exports-to-eu/

รัฐบาลกัมพูชารายงานการจัดเก็บภาษีในช่วงเดือนมกราคม

กรมสรรพากร (GDT) กระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน รายงานถึงรายรับจากการจัดเก็บภาษีจำนวน 879 พันล้านเรียล (ประมาณ 217 ล้านดอลลาร์) ในช่วงเดือนมกราคมปีนี้ ซึ่งจัดเก็บได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึงร้อยละ 116 ของรายรับที่วางแผนไว้สำหรับเดือนมกราคม แต่เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปีที่แล้วรายรับที่ได้จากภาษีลดลงร้อยละ 8 อยู่ที่ประมาณ 19 ล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลได้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดเก็บภาษีและทำการปฏิรูประบบการจัดการให้มารวมกันเพื่อส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการรวบรวมรายรับจากภาษีมากขึ้น ภายใต้ผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งรายรับจากภาษีที่จัดเก็บทั้งหมดอยู่ที่ 2.889 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2020 ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาหดตัวถึงร้อยละ 3.1

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814324/217-million-collected-through-tax-in-january-pm/

ท่าเรือสีหนุวิลล์ในกัมพูชารายงานผลการประกอบการในปี 2020

ผลกำไรจากการดำเนินงานของ Preah Sihanoukville Autonomous Port (PSAP) ในปี 2020 ลดลงกว่าร้อยละ 54 สู่ระดับ 10.37 ล้านดอลลาร์ ตามงบการเงินปี 2020 ซึ่งแถลงการณ์ออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้รับการตรวจสอบโดย PricewaterhouseCoopers (PwC) โดยกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ลดลงจากร้อยละ 7 สู่ร้อยละ 2 ในปี 2020 ตามรายงาน อย่างไรก็ตามหุ้นของ PAS มีปริมาณการซื้อขายที่ดีในปี 2020 โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 35 จากปี 2019 ซึ่งราคาหุ้น ณ สิ้นปีอยู่ที่ 1.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น ปัจจุบันมูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 130.19 ล้านดอลลาร์ โดย COVID-19 มีผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียในหลายด้าน ซึ่งบริษัทยังคงต้องชำระคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการเปลี่ยนแปลงมีส่วนทำให้กำไรของบริษัทลดลง โดย PSAP เป็นท่าเรือน้ำลึกเชิงพาณิชย์แห่งเดียวในกัมพูชา ขณะนี้กำลังดำเนินโครงการขยายหลายโครงการ รวมถึงอาคารขนส่งสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เป็นสองเท่า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814565/sihanoukville-port-reports-profits-down-in-2020/

องค์กร NGO ของญี่ปุ่น มอบทุนสนับสนุนให้แก่กัมพูชา

องค์กรความร่วมมือแบบให้เปล่าแก่โครงการซึ่งดำเนินการโดย NGO ของญี่ปุ่น ได้ตกลงที่จะมอบเงินจำนวน 754,321 ดอลลาร์ แก่สององค์กรภายใต้กรอบของโครงการ Grant Assistance สำหรับโครงการนอกภาครัฐ (NGO) ของญี่ปุ่น ซึ่งสัญญาดังกล่าวลงนามโดยเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศกัมพูชาและตัวแทนของผู้รับทุนทั้งสองราย โดยรายแรกคิดเป็นจำนวน 371,479 ดอลลาร์ สำหรับการพัฒนาหลักสูตรการพลศึกษาของมหาวิทยาลัยในระยะเวลา 4 ปี ณ สถาบันการพลศึกษาแห่งชาติ ภายใต้โครงการ Hearts of Gold คาดว่าจะมีนักเรียนมากกว่า 930,000 คน ในกัมพูชาได้รับการศึกษาทางกายภาพที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการริเริ่มโครงการ และมอบเงินสนับสนุนอีกมูลค่า 382,842 ดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยในการทำเกษตรพันธสัญญา สำหรับเมล็ดมะม่วงหิมพานต์อินทรีย์ ผ่านสหกรณ์การเกษตรในโครงการ International Volunteers of Yamagata (IVY) เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรภายในประเทศให้ยั่งยืน โดยการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าสำหรับโครงการ NGO ของญี่ปุ่นในกัมพูชามีขึ้นตั้งแต่ปี 2002 โดยการให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจภายในกัมพูชาในระดับรากหญ้า นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดหาเงินกว่า 42 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการ 133 โครงการ โดยให้ความสำคัญกับสาขาการศึกษาระดับประถมศึกษา สุขภาพ และภาคการเกษตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50814017/japanese-ngo-projects-awarded-grants/