บริษัทจากสหรัฐเร่งการลงทุนในกัมพูชา

การพบกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาขอให้สหรัฐฯเร่งการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม การผลิตอัญมณี การผลิตไฟและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตัวแทนสถานทูตสหรัฐฯกล่าวว่าในไม่ช้าจะมีการจัดเวทีที่มุ่งเน้นภาคเกษตร โดยเป้าหมายของการจัดงานคือการช่วยเหลือและสนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในกัมพูชา ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งนักการทูตสหรัฐฯกล่าวกับทางรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ว่า บริษัท General Electrics ได้แสดงความตั้งใจที่จะลงทุนในภาคพลังงานของกัมพูชา โดยโฆษกประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกากำลังส่งเสริมธุรกิจของสหรัฐฯให้แสวงหาโอกาสการลงทุนในกัมพูชารวมทั้งเชื่อมโยงบริษัทกัมพูชาเข้ากับธุรกิจในสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯกับกัมพูชา โดยวางแผนที่จะติดตามกิจกรรมนี้โดยเชิญ บริษัท ชั้นนำบางหลายแห่งของสหรัฐฯไปยังกัมพูชาในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อสำรวจโอกาสทางการค้าและการลงทุนในภาคเกษตรกรรมของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663745/us-companies-urged-to-invest-in-cambodia/

จังหวะของการลงทุน

ในระยะเวลาปีสองปีต่อจากนี้ไป คือช่วงเวลาเหมาะต่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากผ่านพ้นไปอีก 4 – 5 ปี คงมีโอกาสเป็นไปได้ยาก เพราะวันนี้สภาวะของอสังหาริมทรัพย์อยู่ในช่วงขาลงสุดๆ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่นำออกมาใช้ลดความร้อนแรงของราคาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อต้องการกระตุ้นการลงทุน ด้วยการออกนโยบายเงินขาว-เงินดำ แต่ก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผลมากนัก คือการออกนโยบายเก็บภาษีซื้อ-ขายที่ดินแบบบ้าระห่ำ ทำให้ไม่มีคนซื้อ ราคาตกไปเกือบ 20% ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ผ่านมา รัฐออกกฎหมายซื้อ-ขายที่ดินแบบอัตราก้าวหน้ามาใช้ ทำให้การซื้อการอสังหาริมทรัพย์ได้รับอานิสงค์ และการที่ค่าเงินจัตอ่อนลงถึง 80% ทำให้น่าลงทุน เพราะถูกลงเกือบ 80% เช่น ราคาที่ดิน และอาคารโกดังปีที่แล้ว อยู่ที่อยู่เอเคอร์ละ 600 ล้านจัต เป็นเงินบาทประมาณ 13.95 ล้านบาท ในขณะที่วันนี้ราคาตกอยู่ที่ 550 ล้านจัต ราคาประมาณ 11 ล้านบาท หรือลดลง 21.14% เรียกว่าตลาดเป็นของผู้ซื้อจริงๆ เนื่องจากเมียนมาเป็นประเทศที่อ่อนไหวต่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายง่าย เมื่อมีความต้องการที่จะแก้กฎหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ แค่นำเรื่องเสนอเข้าสภามีผลบังคับใช้ทันที ดังนั้นถ้ากฎหมายมีประโยชน์หรือมีความจำเป็น รับรองมีการประกาศใช้แน่นอน ถ้าหากเมียนมาเสนอให้เราแล้ว ต้องรีบยื่นเรื่องขอใบอนุญาต MIC (Myanmar Investment Committee) ทันที ซึ่งการที่จะถอนใบอนุญาตหรือยกเลิกการส่งเสริม มีทางเดียวคือทำผิดกฎหมายร้ายแรง นี่คือ “จังหวะของการลงทุน” อย่างแท้จริง

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/trade/606619

สิงคโปร์กับการลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ในเมียนมา

สิงคโปร์ได้หารือเกี่ยวกับการลงทุนในภาคพลังงานแสงอาทิตย์และการธนาคารและยังให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่การลงทุนในภาคอื่น ๆ จากข้อมูลของผู้อำนวยการสำนักการลงทุนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนของเมียนมาร์ในการประชุมสุดยอดธุรกิจ 2019 เมียนมา – สิงคโปร์ เมื่อ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา สิงคโปร์ยังลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐานขั้นพื้นฐาน และการช่วยเหลือทางการเงิน ในบรรดา 49 ประเทศที่ลงทุนในเมียนมา สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการลงทุนมากที่สุดมูลค่าประมาณ 22 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/singapore-discusses-investment-in-myanmars-solar-energy-sector

ผู้ประกอบการเวียดนามลงทุนกว่า 430 ล้านเหรียญสหรัฐฯไปยังต่างประเทศ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

จากข้อมูลของสำนักงานลงทุนต่างประเทศ ภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าผู้ประกอบการเวียดนามลงทุนประมาณ 431.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังต่างประเทศ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยส่วนใหญ่ลงทุนในภาคการค้าปลีกค้าส่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.6 ของการลงทุนรวม รองลงมาภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเกษตรกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์ ตามลำดับ ซึ่งในบรรดา 30 ประเทศทั่วโลก นักการเงินเวียดนามส่วนใหญ่ลงทุนไปยังประเทศออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 140.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาสเปน กัมพูชา และสิงคโปร์ ตามลำดับ ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าว ธุรกิจท้องถิ่นได้อัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ตลาดใหม่ สังเกตได้จากเวียดนามอัดฉีดเงินทุน 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังสปป.ลาว สำหรับการลงทุนในประเทศ ส่วนใหญ่ลงทุนในภาคการเกษตรกรรม การเงิน ภาคธนาคาร ประกันภัยชีวิต และโทรคมนาคม เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnamese-firms-invest-over-us430-million-abroad-in-nine-months-406166.vov

เมียนมา ตลาดสุดท้ายของประเทศ CLMV

เมียนมาเป็นประเทศที่น่าสนใจ แม้ประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ ที่อยู่ห่างไกลออกไปยังเลือกที่จะเข้ามาลงทุน เช่น ประเทศสิงคโปร์ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้ามาที่นี่นานมากแล้ว ตั้งแต่ยุคประธานาธิบดี ลี กวนยู ยังมีชีวิตอยู่ เคยเดินทางมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ด้วยตนเอง อีกประการหนึ่งประเทศใน CLMV คือ เพื่อนบ้านเราที่อยู่ชายแดนติดกัน จึงน่าจะง่ายที่สุดในการค้าและการลงทุน หากจะเปรียบเทียบหรือวิเคราะห์ ระหว่างทั้ง 4 ประเทศแล้วประเทศกัมพูชา และสปป.ลาว (ซึ่งมีประชากรน้อย) หากจะไปแข่งขันกับประเทศที่มีเงินทุนหนา เทคโนโลยีสูง มีความฉลาด ขยันอดทน อย่างคนจีน ที่เข้าไปยึดหัวหาดไว้เกือบจะหมดแล้ว ไทยเราอาจจะสู้ได้ลำบาก ส่วนเวียดนามที่นั่นมีพัฒนามากเกือบจะล้ำหน้าไทยเราไปแล้ว อีกทั้งยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศก็เข้าไปแล้วทุกประเทศ ในช่วงนี้ใครที่เข้าไปลงทุนใหม่ๆ ต้องศึกษาให้ดีก่อน ดังนั้นประเทศเมียนมาเท่านั้น ที่เพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน ไทยมีโอกาสสู้ประเทศอื่นๆ ได้อยู่แล้ว เพราะกำลังเร่งพัฒนาประเทศกันอยู่ เราต้องนึกย้อนไปในช่วงไทยเริ่มต้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 1 เมื่อปีพ.ศ.2504 เพียงแต่เขาจะเร็วกว่าเรา เพราะยุคสมัยและเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งมาในช่วงที่ยุค IT กำลังบูม หากไทยมองเห็นช่องก็จะมีโอกาสรวยได้เช่นกัน

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/trade/605146

MIC เผยนักลงทุนเกาหลีใต้ไม่ถอนการลงทุนจากเมียนมา

นักธุรกิจชาวเกาหลีใต้ในเมียนมาจะไม่มีการย้ายการลงทุนไปยังบังคลาเทศอย่างแน่นอน เลขาธิการคณะกรรมาธิการการลงทุนของพม่า (MIC) เผย จากแถลงการณ์ของสำนักงานเขตเศรษฐกิจบังกลาเทศ (BEZA) และ บริษัท เกาหลีอินดัสเตรียลคอมเพล็กซ์ จำกัด (KIC) เมื่อเร็ว ๆ นี้หนังสือพิมพ์ของบังคลาเทศรายงานว่าเกาหลีใต้ที่ลงทุนในเมียนมาต้องการย้ายไปบังกลาเทศ จากรายงานระบุว่าธุรกิจของเกาหลีใต้ประมาณ 100 รายต้องการย้ายไปยังบังคลาเทศเนื่องจากข้อบกพร่องในเขตอุตสาหกรรม แม้ว่า KIC จะลงทะเบียนในเมียนมาแต่ก็ยังไม่ได้เริ่มดำเนินธุรกิจ แต่จากข้อมูลพบว่าเป็นเพียงข่าวลือ ในปัจจุบันมีเขตอุตสาหกรรมสองเขต ได้แก่ เขตอุตสาหกรรมเกาหลี – เมียนมาที่ตั้งขึ้นรัฐบาลเมียนมาและเกาหลีใต้และอีกหนึ่งเขตตั้งขึ้นโดยบริษัทเอกชน รายงานของคณะกรรมการการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับหกมีการลงทุน 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐในธุรกิจ 179 แห่ง ส่วนใหญ่ลงทุนในน้ำมันและก๊าซ และธุรกิจการผลิต

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/no-withdrawal-south-korean-investors-says-mic.html

MIC อนุมัติการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ 8 แห่งมูลค่าสูงกว่า 270 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่า 150 พันล้านจัต

ในระหว่างการประชุม (ครั้งที่ 19/2562) คณะกรรมาธิการการลงทุนของเมียนมา (MIC) ได้อนุมัติการลงทุนในประเทศและต่างประเทศแปดแห่งมูลค่า 279.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐและสูงกว่า 156 พันล้านจัตสร้างงานในท้องถิ่นได้ถึง 33,279 อัตรา เป็นการลงทุนในที่อยู่อาศัย บริการการศึกษา อุตสาหกรรม และการเกษตร เป้าหมายการลงทุนสำหรับปีงบประมาณ 62-63 จะเกิดขึ้นเนื่องจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานแม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า การเลือกตั้งของเราในปีหน้าประชาคมระหว่างประเทศจะรอดูผลการเลือกตั้งและสถานการณ์ของรัฐบาลใหม่ ซึ่งเป็นปกติของ บริษัทข้ามชาติที่รอเฝ้าดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตามยังชี้ให้เห็นถึงการมีอยู่ของ Project Bank ที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาล ซึ่งรวมถึงโครงการระดับชาติและโครงการระดับกระทรวง สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานจะเชิญนักลงทุนในปีหน้าโครงการเหล่านั้นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากซางโครงการเหล่านั้นจะมีผลประโยชน์แม้จะมีการเลือกตั้ง เป้าหมายการลงทุนสามารถบรรลุได้หากโครงสร้างพื้นฐาน น้ำมันและก๊าซ และการสื่อสารได้รับการพิจารณา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/mic-approves-8-local-and-foreign-investments-worth-over-us270m-over-k150bn

การลงทุนในอุตสาหกรรมสปป.ลาวซบเซา

อัตราการเติบโตของโรงงานในสปป.ลาวยังคงอยู่ในระดับปานกลาง แม้รัฐบาลจะปรับปรุงนโยบายและกฎระเบียบเพื่อดึงดูดนักลงทุน จำนวนโรงงานเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 5 ต่อปี สปป.ลาวมีโรงงาน 13,148 แห่งในปี 59 ซึ่งรวมถึงหน่วยงานขนาดใหญ่ ขนาดกลางขนาดเล็กและครัวเรือน ปัญหาหลักในการประเมินในเชิงลึกของแต่ละอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถทำได้คือการรวบรวมข้อมูล อย่างไรก็ตามสถิติที่เก็บรวบรวมพบว่ามีโรงงานขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้โดยประมาณร้อยละ 80 เป็นธุรกิจครัวเรือน ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในการรักษาสิ่งแวดล้อมนั้นไม่เพียงพอ โรงงานหลายแห่งใช้พลังงานมากและปล่อยมลพิษทางอากาศในอัตราที่สูง โดยมีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของบริษัท 354 แห่ง เป็นกิจการร่วมค้า 2,115 บริษัท และการลงทุนในประเทศ 10,679 บริษัท โรงงานขนาดใหญ่ 714 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 5.43  ขนาดกลาง 784 แห่งหรือร้อยละ 5.96 ขนาดเล็ก 6,707 แห่งหรือร้อยละ 51.01 และเวิร์กช็อปในครัวเรือน 4,943 แห่งคิดเป็น 37.6% ของทั้งหมด โรงงานผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและบริการมากกว่า 80 ประเภทและอีกหลายโรงงานเป็นโรงสีข้าวและโรงงานข้าวโพดหวาน ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมีตั้งแต่คอนกรีตจนถึงเฟอร์นิเจอร์ เพื่อดึงดูดนักลงทุนเพิ่มเติม รัฐบาลควรดำเนินการทบทวนและระบุมาตรการที่สามารถปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/investment-lao-industry-stagnates-106623

ฮานอยยังคงเป็นจุดหมายในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงสุด ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62

จากข้อมูลของหน่วยงานคณะกรรมการประชาชนประจำนครเมือง (The Municipal People’s Committee) เปิดเผยว่ากรุงฮานอยมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประมาณ 6.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยมูลค่าเงินทุนจากต่างประเทศ 503 ล้านเหรียญสหรัฐฯจากทั้งหมด จะนำไปส่งเสริมโครงการใหม่ 631 โครงการ และนักลงทุนต่างชาติอัดฉีดเงินทุนกว่า 5.22 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไห้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น ผ่านการซื้อหุ้นและสนับสนุนเงินทุน ในขณะเดียวกัน กรุงฮานอยตั้งเป้ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2562 ซึ่งจะลงทุนผ่านการเป็นหุ้นส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นแหล่งเงินทุน FDI มากที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 10.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาสิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ตามลำดับ นอกจากนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังดำเนินงานปรับปรุงให้เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ และเร่งปฏิรูปการบริหารภาครัฐ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hanoi-remains-vietnams-biggest-fdi-magnet-in-nine-months-404452.vov

เวียดนามก้าวขึ้นแท่นเป็นประเทศต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการลงทุน

จากรายงานของสำนักข่าว US News & World Report เปิดเผยว่าประเทศเวียดนามก้าวเข้าสู่ประเทศที่น่าลงทุนของปีนี้ อยู่ในอันดับที่ 8 จาก 29 ประเทศ, เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ในอันดับที่ 23 ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่ 13, 14, 18 ตามลำดับ ทางด้านรายงานปฏิรูปเศรษฐกิจของนโยบายโด่ยเหม่ย (Doi Moi) ที่ก่อตั้งในปี 2529 ได้ช่วยให้เวียดนามมีความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมากขึ้น และมีความทันสมัย รวมไปถึงมีการดำเนินการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ และสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยแสดงให้เห็นถึงการเข้าร่วมกับองค์กรการค้าโลก (WTO) และภายในปี 2553 ได้เข้าร่วมเจรจาในข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership: TPP) นอกจากนี้ ยังเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ และฟอรั่มอาเซียน เป็นต้น ซึ่งข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนสิงหาคม เวียดนามดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงต่างประเทศรวมอยู่ที่ 22.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยังคงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม รองลงมาญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535610/viet-nam-ranked-in-top-countries-for-investment.html#aCBCVJlxoKaxLKaS.97