เผยราคากาแฟเมืองยวาร์งันยังทรงตัว แม้ COVID-19 ระบาดหนัก

นักธุรกิจเผยราคากาแฟเมืองยวาร์งัน รัฐฉาน ยังคงทรงตัวแม้มีการระบาดของโควิด -19 เทียบกับปีที่แล้ว โดยราคาเริ่มต้นของเมล็ดกาแฟสุก viss (1.6 กิโลกรัม) อยู่ที่ 600-700 จัตเมื่อปีก่อน เพิ่มขึ้นเป็น 800,900 ถึง 1000 จัต ซึ่งการเก็บเกี่ยวในทุกปีจะเริ่มช่วงเดือนธันวาคมและโดยพื้นที่เพาะปลูกมีมากกว่า 7,000 เอเคอร์ในเมืองยวาร์งัน ทั้งนี้คุณภาพของเมล็ดกาแฟลดลงเล็กน้อยในปีนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถึงแม้ราคาอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนักแต่การส่งออกทำได้ยากขึ้น ปัจจุบันเมียนมาส่งออกกาแฟไปยังสหรัฐฯ และมีความพยายามจะขยายตลาดไปยังญี่ปุ่น เกาหลี แคนาดา และยุโรป ซึ่งเมล็ดกาแฟหนึ่งตันสามารถดึงราคาส่งออกได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 1,000 ถึง 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้เมียนมามีพื้นที่ปลูกกาแฟประมาณ 50,000 เอเคอร์ทั่วประเทศ โดยการปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้ามีพื้นที่มากถึง 40,000 เอเคอร์ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/ywar-ngan-coffee-prices-stable-amid-covid-19-outbreak.html

สปป.ลาวประสบปัญหานักท่องเที่ยวตกต่ำเนื่องจากโควิด-19 รุนแรงมากขึ้น

จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศที่มาเยือนแต่ละแขวงของสปป.ลาวลดลงอย่างมากในปีที่แล้วเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด -19 แขวงจำปาสักลดลงประมาณ 90 % เมื่อเทียบกับปี 62 ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 142,435 คนลดลง 68 % เมื่อเทียบกับปี 62 อย่างไรก็ตามทางแขวงมีความหวังว่าการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นในปีนี้และตั้งเป้าหมายไว้ที่ 283,000 คนในปี 64 ด้านเมืองวังเวียง แขวงเวียงจันทน์ นักท่องเที่ยวคนลดลงประมาณ 35 % โดยคาดว่าในปีนี้จะมีผู้คนมาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำมากขึ้นและตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวชาวสปป.ลาวอย่างน้อย 300,000 คน หากการระบาดลดลงจะมีนักท่องเที่ยวชาวสปป.ลาวและชาวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 500,000 คน  แขวงอุดมไซเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวชาวสปป.ลาวและชาวต่างชาติเพียง 100,000 คนเท่านั้น ซึ่งลดลงประมาณ 40% เมื่อเทียบกับปี 62 ทำให้แขวงกำลังเร่งปรับปรุงที่พัก จัดกิจกรรมใหม่ ๆ และปรับปรุงคุณภาพการบริการเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นในปีนี้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Province18.php

“โควิด-19” ไม่สะเทือนเวียดนามรัฐ-เอกชนมองเศรษฐกิจยังโตต่อเนื่อง

นายฟัน จิ้ ทัน เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 64 ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี  โดยองค์กรการเงินระหว่างประเทศ อาทิ ธนาคารโลก (World Bank) ,กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ “ไอเอ็มเอฟ” (International Monetary Fund : IMF) และธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ “เอดีบี” (Asian Development Bank : ADB) คาดการณ์ไว้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ “จีดีพี” (GDP) จะเติบโตอยู่ที่ 6.5-7.0% ทั้งนี้ เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ได้ตั้งแต่ช่วงแรก ส่งผลทำให้แม้ว่าปี 63 เศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มี GDP เติบโตถึง 2.91 % ในปี 63 โดยอัตราการเติบโตของ GDP เวียดนามในช่วงปี 2559-2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.9% ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ ในอีก 5 ปี (2564-2568) ข้างหน้ารัฐบาลเวียดนามได้วางแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 10 ปี การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจฉบับใหม่ปี 2564-2573 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาแห่งชาติเวียดนามที่คาดว่าจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยที่สามารถนำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับนักลงทุนไทยที่จะเข้ามาในประเทศเวียดนามมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/466134

ผลประกอบการ Lao Airlines หดตัวร้อยละ 70 ในปี 2563

ผลประกอบการปี 2563 ของ Lao Airlines ลดลงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปี 2562 อันเป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด -19 ตัวเลขดังกล่าวได้รับการรายงานในการประชุมล่าสุดของตัวแทนขายของสายการบินและผู้เกี่ยวข้อง นายคำหล้า พรหมมะวัน ประธานสายการบินสปป.ลาวกล่าวในที่ประชุมว่า“ การระบาดของโรคนี้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงสปป.ลาว ปีที่แล้วเราบรรทุกผู้โดยสารได้เกือบ 380,000 คนในเที่ยวบิน 6,645 เที่ยวบินทั้งในสปป.ลาวและระหว่างประเทศซึ่งเป็นเพียงร้อยละ 30 ของจำนวนที่เราบรรทุกในปี 2562” ปัจจุบันมีการให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศเพียงเส้นทางเดียวของลาวแอร์ไลน์ คือเส้นทางเวียงจันทน์ไปคุนหมิงโดยมีเที่ยวบินไปและกลับเพียงสัปดาห์ละสองครั้ง ไม่เพียงแค่สายการบินที่ได้รับผลกระทบตาจากการแพร่ระบาดยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเช่นตัวแทนการท่องเที่ยวโรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งเป็นความท้าทายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสปป.ลาวในอนาคต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao17.php

สปป.ลาวคุมเข้มเฝ้าระวังชายแดนหลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เชื่อมโยงประเทศไทย

สปป.ลาวได้คุมเข้มการลักลอบเข้าเมืองหลังจากพบผู้ติดเชื้อ 2 ราย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับประเทศไทย  ที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่จากการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว สปป.ลาวกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเนื่องจากทั้งสองประเทศมีพรมแดนติดกันยาว 1,845 กิโลเมตรโดยส่วนใหญ่ปักปันแม่น้ำโขง ทำให้การลักลอบกลับมาของแรงงานสปป.ลาวที่ไปทำงานในประเทศไทยอาจทำได้ง่าย และอาจเป็นต้นตอให้เกิดการระลอกใหม่ในสปป.ลาว ณ ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อในสปป.ลาวอยู่ที่ 43 รายซึ่งยังคงเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันแล้ว 13,687 คน สูงเป็นอันดับ 6 ของภูมิภาค

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/thailand/general/2056823/laos-tightens-border-watch-after-virus-imports-from-thailand

กระแสตอบรับโรงแรมในหาดงาปาลีไม่สู้ดี หลังกลับเปิดมาใหม่อีกครั้ง

โรงแรมและรีสอร์ตประมาณ 10% ที่ชายหาดยอดนิยมอย่างหาดงาปาลีได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดใหม่แต่กระแสตอบรับของจำนวนนักท่องเที่ยวกลับน่าผิดหวัง แม้จะพยายามดำเนินการตามมาตรการป้องกัน COVID-19 ของกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬา โดยผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินไม่จำเป็นต้องได้รับการกักตัว แต่จะกักตัวเฉพาะผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งจากรายงานยังพบว่าบางโรงแรมและรีสอร์ตมีจำนวนผู้เข้าพักเป็นตัวเลขแค่สองหลักเท่านั้น สำหรับสถานประกอบการที่ได้รับอนุญาติให้กลับมาเปิดอีกครั้งมีเพียง 5 แห่ง จาก 60 แห่ง และต้องปฏิบัติตามแนวทางป้องกัน COVID-19 ได้แก่ Amazing Ngapali Resort Hotel, AZ Family Resort Hotel, Royal Linthar Lodge, Kyaw Myanmar Lodge และ Htein Linn Thar Guest House อย่างไรก็ตาม  Amazing Ngapali Resort ถูกสั่งปิดบริการเมื่อไม่นานหลังจากตรวจพบผลเป็นพบเชื้อ COVID-19 และกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 22 มกราคม 64 ที่ผ่านมา จากรายงานของคณะกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยวพบว่ามีโรงแรมอีกสิบแห่งได้ยื่นขออนุญาตเปิดให้บริการใหม่อีกครั้ง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/ngapali-hotels-open-poor-response.html

อึคอมเมิร์ซเวียดนาม โต 18% ในปี 63

จากข้อมูลของกรมการค้าออนไลน์และเทคโนโลยีสารสนเทศของเวียดนาม เปิดเผยว่าเมื่อปีที่แล้ว การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกลำบาก รวมถึงกิจกรรมของการผลิตและธุรกิจเกิดหยุดชะงักลง อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอึคอมเมิร์ซเวียดนาม สูงถึง 18% ด้วยมูลค่าอยู่ที่ 11.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุดังกล่าวมาจากเวียดนามเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเติบโตของอีคอมเมิร์ซเป็นตัวเลข 2 หลัก ทั้งนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Temasek และ Bain & Company คาดการณ์ว่าจะเติบโต 29% ในช่วงปี 2563-2568 โดยขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามอาจสูงกว่า 52 พันล้านเหรียญสหรัฐ และติดอันดับที่ 3 ในภูมิภาคอาเซียนในปี 2568

  ที่มา : https://sggpnews.org.vn/business/ecommerce-growth-of-vietnam-achieves-18-percent-in-2020-90400.html

การฉีดวัคซีน Covid-19 รอบที่สองมีกำหนดจะเริ่มในเดือนเมษายน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่าโครงการฉีดวัคซีนโควิด -19 รอบที่สองจะดำเนินการได้ในเดือนเมษายนตามแผนโดยกลุ่มที่จะได้รับวัคซีนรอบสองเป็นกลุ่มแรกคือ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร ผู้สูงอายุ ผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรังและแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง นพ. สมไว องค์คำ หัวหน้าผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด -19 โรงพยาบาลมิตรภาพกล่าวว่า “ประชาชนกลุ่มแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนในเข้มแรกพบว่าไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างภูมิกันของโรคดังกล่าว” อย่างไรก็ตามวัคซีนทั้งหมดต้องใช้เวลาในการสร้างภูมิคุ้มกันและไม่มีวัคซีนใดที่สามารถรับประกันได้ว่าจะให้ภูมิคุ้มกันทั้งหมดในทุกราย ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่ใครบางคนจะล้มป่วยแม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสปป.ลาวอยู่ในระดับที่น่าพอใจแต่อย่างไรรัฐบาลยังคงเข้มงวดในมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการระบาดในระลอกใหม่ควบคู่ไปกับการตั้งเป้าในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคนในสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Second14.php

กระทรวงสาธารณสุขสปป.ลาวแนะประชาชนควรเฝ้าระวัง COVID -19 ต่อไปถึงแม้ยอดผู้ติดเชื้อจะต่ำ

กระทรวงสาธารณสุขของสปป.ลาวเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วประเทศปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลต่อการป้องกันการแพร่ระบาด COVID -19 การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการควบคุม COVID -19 อย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการงานแห่งชาติเพื่อการป้องกันและควบคุม COVID -19 แนะนำให้ประชาชนอย่านิ่งนอนใจหลังจากผู้ป่วย COVID -19 รายสุดท้ายออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทุกคนควรปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมไวรัสต่อไป โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดนของสปป.ลาวที่ติดกับไทย เวียดนาม เมียนมาร์และจีน ซึ่งปัจจุบันการแพร่ระบาดยังอยู่ในระดับที่น่ากังวล ทำให้พื้นที่ชายแดนจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2021/01/19/low-numbers-but-laos-health-ministry-urges-continued-vigilance-against-covid-19

IMF เตือนเศรษฐกิจเมียนมาอาจหยุดโตในปี 64

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยเศรษฐกิจเมียนมาคาดเติบโตช้าลงในปีนี้เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 แต่น่าจะพุ่งขึ้นในปีหน้า  ในปีนี้จะชะลอตัวลงเหลือ 0.5% จากที่คาดการณ์ไว้ 3.2% จากปีที่แล้ว กลุ่มผู้มีรายได้น้อยเอสเอ็มอีและผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่เสียงจะไก้รับผลกระทบ ทั้งนี้คาดว่าจะฟื้นตัวในปีหน้า 7.9% จากผลกระทบคาดว่าปัญหาความยากจนจะเพิ่มขึ้น ด้านธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ที่ผ่านมาคาดการณ์ว่าการเติบโตของเมียนมาจะชะลอตัวลงเหลือ 1.8% ในปีงบประมาณที่ 63 ส่วนปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเป็น 6% ทั้งนี้ IMF ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือจำนวน 372 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/imf-projects-muted-growth-2021-economy.html