ผลสำรวจชี้ธุรกิจในเวียดนามขึ้นเงินเดือนในปี 63 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี

จากผลการสำรวจของเมอร์เซอร์ (Mercer) ในโครงการสำรวจค่าตอบแทนและสวัสดิการ (TRS) ได้เปิดเผยว่าบริษัทข้ามชาติ (MNCs) และบริษัทเวียดนามปรับเพิ่มเงินเดือนร้อยละ 6.5 และร้อยละ 5.2 ในปีนี้ และคาดว่าในปีหน้า จะเพิ่มเงินเดือนร้อยละ 7 และ 7.7 ตามลำดับ ในขณะที่ นาย Hoa Nguyễn หัวหน้าอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ด้านโซลูชั่นทุนมนุษย์ กล่าวว่าบริษัทข้ามชาติและบริษัทในท้องถิ่นร้อยละ 14, 34 ไม่ได้เพิ่มเงินเดือนในปีนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเชื้อ COVID-19 นับว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะสูงกว่าเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ธุรกิจน้ำมัน เหมืองแร่ ธนาคารและอุตสาหกรรมจัดหา มีการปรับเพิ่มเงินเดือนต่ำที่สุด ด้วยร้อยละ 2, 1, 5 และ 6 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินที่มิใช้ธนาคาร รวมถึงธุรกิจในกลุ่มวิทยาศาสตร์ จ่ายโบนัสสูงสุดร้อยละ 22.4, 20.1 และ 18.6 ตามลำดับ นอกจากนี้ ผุ้อำนวยการวิเคราะห์ด้านโซลูชั่นทุนมนุษย์ กล่าวว่าถึงแม้ธุรกิจจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่ธุรกิจร้อยละ 13 ยังคงจ่ายเงินโบนัสให้กับลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัส ในขณะเดียวกัน เมื่อพูดถึงเทรนด์การสรรหาบุคลากรในปี 2564 พบว่าธุรกิจส่วนใหญ่ร้อยละ 55 คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง รองลงมาร้อยละ 40 วางแผนที่จะเพิ่มพนักงานในปีหน้า และร้อยละ 5 ลด/ปลดพนักงานลง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/793465/salary-increases-in-2020-lowest-in-10-years-survey.html

EVFTA เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดค้าปลีกเวียดนาม

ความได้เปรียบจากการเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรียุคใหม่ อาทิ ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) คาดว่าจะเป็นแรงผลักดันใหม่สำหรับตลาดค้าปลีกในท้องถิ่นที่จะเติบโตดีขึ้น ท่ามกลางการระบาดของโรค COVID-19 ในขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์มองว่าเวียดนามประสบความสำเร็จจากการควบคุม COVID-19 ควบคู่กับการใช้ FTA ด้วยปัจจัยดังกล่าว ช่วยให้เวียดนามเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจากการประเมิน ชี้ว่าเม็ดเงิน FDI ยังคงไหลเข้าไปยังตลาดค้าปลีกในประเทศ ถือว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงการใช้จ่ายของครัวเรือนในท้องถิ่น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 10.5 ต่อปี และคาดว่าจะสูงถึง 714 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในปีนี้ อีกทั้ง ตลาดค้าปลีกในเวียดนามได้รับสัญญาไปในทิศทางที่เป็นบวก หลังจากดึงดูดผู้ค้าปลีกจากเกาหลีใต้ ไทยและญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

  ที่มา : https://vov.vn/en/economy/evfta-poised-to-become-driving-force-for-retail-market-growth-786276.vov

INFOGRAPHIC : ฮานอย: ศูนย์กลางเศรษฐกิจเวียดนาม

ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติกรุงฮานอย คาดการณ์ว่าในปี 2563 อัตราการเติบโตเศรษฐกิจภูมิภาค (GRDP) ของกรุงฮานอย ขยายตัวร้อยละ 4.5-5 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hanoi-economic-hub-of-vietnam/188456.vnp

เวียดนามแอร์ไลน์เผยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เสียรายได้กว่า 10.75 ล้านล้านด่อง

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ (Vietnam Airlines) เปิดเผยว่าสูญเสียรายได้ถึง 10.75 ล้านล้านด่อง (463.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตามข้อมูลของนาย Tran Thanh Hien หัวหน้าแผนกการเงินและบัญชีของสายการบิน กล่าวว่าในเดือนม.ค.-ก.ย. มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 46,700 เที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารกว่า 11.9 ล้านคน รวมถึงปริมาณสินค้าที่บรรทุก 146,000 ตัน ในขณะที่ เวียดนามแอร์ไลน์ได้เปิดเส้นทางบินในประเทศใหม่ 22 เส้นทาง หลังจากประเทศสามารถควบคุมโรคโควิด-19 และเปิดโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวแห่งชาติขึ้นในไตรมาสที่สอง โดยปัจจุบันสายการบินเปิดเส้นทางบินในประเทศมากกว่า 60 เส้นทาง เฉลี่ยอยู่ที่ 300 เที่ยวบิน/วัน และจำนวนผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ เวียดนามแอร์ไลน์ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ของโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะวางแผนการดำเนินงานอย่างเหมาะสม

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-airlines-loses-vnd1075-trillion-in-nine-months-785937.vov

IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามโต 1.6% ในปี 2563

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจเวียดนาม (GDP) ในปี 2563 เหลือมาอยู่ที่ร้อยละ 1.6 จากเดิมร้อยละ 2.7 ในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่คาดว่าจะเติบโตในเชิงบวกปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ที่หดตัวมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ติดลบร้อยละ 8.3 รองลงมาไทย (-7.1%), มาเลเซีย (-6%) และอินโดนีเซีย (-1.5%) ทั้งนี้ หากประเมินในภาพรวมของเศรษฐกิจอาเซียน-5 คาดว่าจะหดตัวร้อยละ 3.4 ในปีนี้ ก่อนที่จะกลับมาขยายตัวร้อยละ 6.2 ในปี 2564 ในขณะที่ การเติบโตเศรษฐกิจเวียดนามในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ คาดว่าขยายตัวร้อยละ 2.12 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์เชื้อไวรัส COVID-19 นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ร้อยละ 2 ในสภาวะปกติ และร้อยละ 2.5 หากได้รับแรงหนุน

ที่มา : http://hanoitimes.vn/imf-trims-vietnam-gdp-growth-forecast-to-16-in-2020-314508.html

ยอดขายรถจักรยานยนต์เวียดนาม ลดลง 18.49% ในไตรมาสสามปี 2563

สมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม (VAMA) รายงานว่าตัวเลขยอดขายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ดิ่งลงร้อยละ 18.49 เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 677,739 คัน บริษัทฮอนด้ามอเตอร์เวียดนาม ระบุว่าในเดือนกันยายน เพียงเดือนเดียว มียอดขายรถจักรยานยนต์สูงถึง 169,917 คัน และมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 80.1 ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม-กันยายน ยอดขายรถจักรยานยนต์ทั้งหมด อยู่ที่ 1.92 ล้านคันและยอดขายชิ้นส่วนมากกว่า 214,000 ชิ้น/เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไม่สามารถทำยอดขายตรงตามเป้าที่ตั้งไว้ได้เหมือนกับปีก่อนๆ

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/motorcycle-sales-taper-off-1849-percent/188506.vnp

ค่าเงินด่องของเวียดนามมีแนวโน้มเสถียรภาพ

จากรายงานของฟิทช์ โซลูชันส์ (Fitch Solutions) ระบุว่าในระยะสั้น ทางธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) คาดว่ายังคงรักษาเสถียรภาพของค่าเงินด่องได้ เนื่องจากต้องควบคุมระดับของความสามารถทางการแข่งขันด้านการส่งออก ด้วยเหตุนี้  ฟิทช์ โซลูชันส์ปรับค่าเงินด่องเวียดนามเฉลี่ยที่ 23,250 ด่อง/ดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 และมาอยู่ในระดับที่ 23,400 ด่อง/ดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 ขณะที่ ค่าเงินด่องยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เดือนก.ค. ทั้งนี้ คาดว่าการเกินดุลการค้าของเวียดนามยังคงต่อเนื่อง เนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการส่งออกยังได้รับแรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับผลกระทบจากข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ที่ช่วยกระตุ้นการส่งออกของประเทศ ในขณะที่ การไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยในปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ ทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนก.ค. อยู่ที่ 84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางธนาคาร SBV มองว่ายังสามารถรักษาระดับของค่าเงินด่องในไม่กี่เดือนข้างหน้า และมีแนวโน้มว่าจำเป็นต้องซื้อเงินสำรองต่างประเทศมากขึ้น เพื่อที่จะให้ค่าเงินด่องกลับมาอ่อนค่าลง

ที่มา : http://hanoitimes.vn/stable-outlook-expected-for-vietnamese-dong-314500.html