กัมพูชาตระหนักถึงความเร่งด่วนในการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะ

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังเห็นว่ากัมพูชาขาดความหลากหลายทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งนโยบายการคลังมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจกัมพูชา โดยในช่วงห้าปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่นภาคการศึกษา, การศึกษาสายอาชีพและฝึกอบรมทางเทคนิค (TVET), การเกษตรและสุขภาพ ซึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลได้เพิ่มการลงทุนสาธารณะในประเทศรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในชนบทเพิ่มมากขึ้น โดยตอนนี้ระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าในแรงงานจะสูญเสียประสิทธิภาพการผลิตในระยะยาวเพราะคนงานเหล่านี้เรียนรู้และเข้าใจทักษะใหม่ๆได้ยาก ซึ่งการสำรวจทางสังคมและเศรษฐกิจกัมพูชาในปี 2558 พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของแรงงานไม่สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาหรือไม่เคยเข้าโรงเรียนเลย และน้อยกว่า 7% ของคนงานจบชั้นมัธยมศึกษา โดยการพัฒนาโปรแกรม TVET เพิ่มเติมจะช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภายในประเทศได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50658956/cambodia-must-recognise-urgency-of-developing-skilled-workforce/

ฮุนเซน ปล่อย เกิม สกคา ลดแรงกดดันนานาชาติ

ทางการกัมพูชาปล่อยตัว”เกิม สกคา”หัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) หลังจาก ถูกจับกุมตัวด้วยข้อหาทรยศชาติเมื่อกว่า 2 ปีก่อน แต่ยังคงมีคดีติดตัวอยู่เหมือนเดิม โดยศาลแขวงพนมเปญแถลงว่า เกิม สกคา เป็นอิสระจากการถูกกักบริเวณอยู่ภายในบ้านสามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้ในกัมพูชา แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองหรือเดินทางออกนอกประเทศเพราะยังไม่ได้พ้นผิด ซึ่งชิน มาลิน โฆษกระทรวงยุติธรรมเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าที่ปล่อยตัวเพราะ เกิม ให้ความร่วมมือกับทางการเป็นอย่างดี ประกอบกับเขามีปัญหาสุขภาพ ส่วนพรรค CNRP ของเขาถูกยุบก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2561 ซึ่งในช่วงนี้กัมพูชาถูกแรงกดดันอย่างหนักให้ลดการปราบปรามฝ่ายค้านลงในช่วงที่ EU กำลังพิจารณาว่าจะเดินหน้าตัดสิทธิพิเศษทางการค้า (EBA) กับกัมพูชาหรือไม่ โดย EU เป็นตลาดส่งออกหลักของกัมพูชากว่า 1 ใน 3 สินค้าสำคัญ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า และจักรยาน หากถูกตัดสิทธิพิเศษจริงย่อม ส่งผลต่อเศรษฐกิจกัมพูชาเป็นอย่างมาก ซึ่ง EU ได้มอบ EBA ให้กับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด

ที่มา : https://www.reuters.com/article/us-cambodia-politics/cambodia-lifts-opposition-leaders-house-arrest-before-eu-trade-decision-idUSKBN1XK022

สปป.ลาวตั้ง Grid เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชา

Electricite du Laos (EDL) ซึ่งดำเนินการโดยรัฐในประเทศสปป.ลาวได้เสร็จสิ้นการขยายโครงข่ายไฟฟ้ามากกว่า 80% ซึ่งจะส่งกระแสไฟฟ้าให้กับสายส่งของกัมพูชาที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยเกิดจากการลงนามในข้อตกลงการซื้อไฟฟ้าระหว่างสปป.ลาวและกัมพูชาในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนลาว ซึ่งกัมพูชาตกลงที่จะซื้อไฟฟ้าจำนวน 2,400 เมกะวัตต์ จากสปป.ลาวแบ่งเป็นสี่เฟสระยะเวลา 30 ปี เฟสแรกจะเริ่มในช่วงท้ายปี 2567 จำนวน 300 เมกะวัตต์ เฟสที่สองเริ่มในปี 2568 จำนวน 600 เมกะวัตต์ ในขณะที่เฟสสามจะเริ่มในปี 2569 จำนวน 600 เมกะวัตต์ และเฟสที่สี่จะเริ่มขึ้นในปี 2570 จำนวน 900 เมกะวัตต์ โดยสปป.ลาวจะส่งกระแสไฟฟ้าไปยังกัมพูชาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินสองแห่งใน Xekong ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงเวียงจันทน์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 530 กม. โดยรายงานว่าสปป.ลาวได้ตกลงที่จะขายไฟฟ้าผ่านสายส่ง 22 กิโลโวลต์และ 115 กิโลโวลต์ไปยังประเทศกัมพูชา นอกจากนี้รัฐบาลได้ลงนามในข้อตกลงขายไฟฟ้า 195 เมกะวัตต์ให้กัมพูชาในปี 2563

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-11/11/c_138545945.htm

อุตสาหกรรมประกันภัยของกัมพูชากับการเติบโตที่แข็งแกร่ง

อุตสาหกรรมประกันภัยในกัมพูชายังคงมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นโดยมีเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นอีกกว่า 14% ในช่วงครึ่งปีแรก โดยประธานสมาคมประกันภัยกัมพูชา (IAC) กล่าวว่าเบี้ยประกันภัยรวมในอุตสาหกรรมประกันภัยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 35% ต่อปีในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้อำนวยการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกล่าวว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนเบี้ยประกันขั้นต้นมีมูลค่าถึง 49.3 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเบี้ยประกันชีวิตไปพุ่งแตะ 66.3 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 55.3% ซึ่งกัมพูชามีบริษัทประกันภัยแบบทั่วไป 13 แห่ง บริษัทประกันชีวิต 11 แห่ง และ บริษัทประกันภัยขนาดเล็กอีก 7 แห่งตามรายงานจากกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง โดยจากรายงานการลงทุนของอาเซียนปี 2562 เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า FDI ในกัมพูชาส่วนใหญ่จะเป็นภาคการผลิตและบริการโดยเฉพาะด้านการเงินและการประกันภัย โดยภาคบริการคิดเป็นกว่า 79% ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศกัมพูชา

ที่มา :https://www.khmertimeskh.com/50658069/insurance-industry-sees-strong-growth/

คาดมีนักท่องเที่ยวราว 4 ล้านคนในงาน Water Festival ในกัมพูชา

กระทรวงการท่องเที่ยวระบุว่านักท่องเที่ยวหลายล้านคนทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าจะมาเที่ยวเทศกาล Water Festival ที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญในปีนี้ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เช่นชายฝั่งทะเลและแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ก็คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เช่นกัน โดยโฆษกของ Top Sopheak กล่าวว่าจะมีนักท่องเที่ยวกว่า 4 ล้านคนเดินทางมากรุงพนมเปญเพื่อชมการแข่งเรือและกิจกรรมต่างๆที่จะจัดขึ้น ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวได้ร่วมมือกับสถาบันที่เกี่ยวข้อง โดยได้ทำงานเพื่อให้กระบวนการของเทศกาล Water Festival ดำเนินไปอย่างราบรื่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจุดหมายปลายทางอื่นๆ เช่น Preah Sihanoukville, Kep, Kampot, Koh Kong, Siem Reap และพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชาก็คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสามวัน โดยเทศกาล Water Festival เป็นงานประจำปีและในปีนี้จะเริ่มตั้งแต่ 10 – 12 พฤศจิกายน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50658553/4-million-tourists-expected-at-water-festival/

กัมพูชาเป็นหนึ่งในสี่ประเทศในอาเซียนที่มี FDI อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

กัมพูชาเป็นหนึ่งในสี่ประเทศในอาเซียนที่มีการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจากการศึกษาของสำนักเลขาธิการอาเซียนและการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ซึ่งพบว่าการลงทุนโดยตรงภายในอาเซียนเพิ่มขึ้น 5% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 155 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว โดยมีสี่ประเทศที่ภาคการลงทุนทางตรงเพิ่มขึ้นคือ กัมพูชา, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์และเวียดนาม ตามรายงาน ซึ่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการผลิตและบริการสูงขึ้นกว่า 15% เป็น 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะภาคการเงินและภาคการประกันภัย ซึ่งภาคบริการคิดเป็นกว่า 79% ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในขณะที่ภาคการผลิตคิดเป็น 12% โดย Shenzhou International Group Holdings (จีน) ซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์รายใหญ่ของไนกี้เริ่มสร้างโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐในเขตเศรษฐกิจพิเศษของพนมเปญซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657917/cambodia-among-four-in-asean-receiving-fdi-at-record-level/