แขวงหลวงน้ำทา หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน 1 ล้านคน ในปี 2567

นายเวียงสะหวัด สีพันดอน เจ้าแขวงหลวงน้ำทา ตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนหนึ่งล้านคนในปี 2567 เนื่องจากเป็นพื้นที่ชายแดนที่เชื่อมต่อกับตอนใต้ของจีน และเป็นต้นทางของเส้นทางรถไฟลาว-จีน เจ้าแขวงหลวงน้ำทาได้ขอให้ทางการจีนสิบสองปันนาช่วยส่งเสริมให้ชาวจีนเดินทางมาเยือนลาวมากขึ้น โดยได้กล่าวกับทางการจีนท้องถิ่นว่า “ทางการสิบสองปันนามีแผนจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 15 ล้านคน เป็น 50 ล้านคน ในปี 2567 และผมขอให้ชาวจีนของผมช่วยสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวบางส่วนมาที่ลาว” นอกจากนี้ “หากสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนได้หนึ่งล้านคนในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวมาเฉลี่ยวันละ 2,700 คน จำนวนนี้ค่อนข้างมาก และหลวงน้ำทามีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมที่จะรองรับผู้มาเยือน” เจ้าแขวงหลวงน้ำทากล่าว

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_02_LuangNamtha_y24.php

การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั่ว สปป.ลาว เติบโตในปี 2566

แม้ สปป.ลาว เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจในปี 2566 แต่การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศยังเติบโตได้ โดยมีบริษัทประมาณ 178 แห่ง เข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ทั่วประเทศ ทำให้เกิดโอกาสในการทำงานมากกว่า 3,600 ตำแหน่ง การลงทุนประกอบด้วยบริษัทในภาคบริการ 127 แห่ง ภาคอุตสาหกรรม 18 แห่ง ภาคการค้า 30 แห่ง และภาคเกษตรกรรม 3 แห่ง การลงทุนรวมกันมีมูลค่าเป็นเงิน 520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีทุนจดทะเบียน 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษยังสนับสนุนให้เกิดร้านค้าและสถานประกอบการกว่า 2,645 แห่ง สร้างรายได้ต่อปีสูงถึง 174 พันล้านกีบ (มากกว่า 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับงบประมาณของรัฐบาล โดยธุรกิจเหล่านี้จ้างคนงาน 3,644 คน แบ่งเป็นแรงงานลาว 3,572 คน และแรงงานต่างด้าว 72 คน

ที่มา: https://laotiantimes.com/2024/01/03/laos-sezs-surge-with-major-investments-fueling-economic-growth-amid-lingering-concerns-for-worker-safety

เส้นทางเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจลาว ปี 67 มุ่งเน้นการท่องเที่ยว ยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐาน

ปี 2566 ที่ผ่านมา สปป.ลาว เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และการขาดดุลการค้าที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาของประเทศ รัฐบาล สปป.ลาว ได้ริเริ่มแคมเปญ Visit Lao Year 2024 โดยหันมาใช้การท่องเที่ยวเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเอาชนะปัญหาทางเศรษฐกิจ และวางรากฐานสำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปี 2567 โดยมีมาตรการปรับปรุงการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ เน้นที่การลดความซับซ้อนของการขายตั๋วสำหรับรถไฟลาว-จีน แผนดังกล่าวยังรวมถึงการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จสิ้น เช่น ถนนและสนามบิน การฟื้นฟูทางหลวงที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการบริการ โดยความพยายามเหล่านี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้สภาพถนนที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในช่วงปีเยือนลาวปี 2567

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/12/27/laos-charts-course-for-growth-in-2024-with-tourism-focus-infrastructure-overhaul-amidst-economic-challenges/

จีนให้ความช่วยเหลือ สปป.ลาว สร้างศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน

สปป.ลาว ได้ก่อสร้างศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานที่แขวงอุดมไซ ตั้งอยู่ห่างจากเวียงจันทน์ไปทางตอนเหนือราว 400 กม. โดยการก่อสร้างได้รับความช่วยเหลือจากจีน และได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ศูนย์แห่งนี้จะเปิดโอกาสให้คนงานบริเวณภาคเหนือของประเทศลาวได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับตลาดแรงงานให้ดีขึ้น นายบุญคง ละเจียมพร เจ้าแขวงอุดมไซ กล่าวในพิธีวางศิลาฤกษ์ว่า ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานแห่งนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากจีน เป็นตัวเชื่อมในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยศูนย์แห่งนี้ประกอบด้วยห้องเรียนและสถานที่ฝึกอบรมภาคปฏิบัติ อาคารสำนักงาน โรงอาหาร และหอพักสำหรับแรงงานที่เข้ามาเรียนรู้และผู้ฝึกอบรม เพื่อจัดการฝึกอบรมระดับกลาง และเจะใช้ในการฝึกอบรมครู สร้างความร่วมมือด้านการสอน และคัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถสำหรับโครงการแลกเปลี่ยนกับประเทศจีน นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแห่ง สปป.ลาว ยังได้กล่าวในพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วยว่าศูนย์แห่งนี้เป็นหนึ่งในสิบศูนย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน

ที่มา: https://english.news.cn/20231229/5e045060d21043c383b72185bf56d61a/c.html

รัฐบาล สปป.ลาว ‘ตั้งเป้าลดปัญหาเงินเฟ้อในปี 2567’

รายงานล่าสุดจากสำนักงานสถิติลาวเผยว่า ในเดือนธันวาคม 2566 อัตราเงินเฟ้อ สปป.ลาว อยู่ที่ 24.4% แม้ว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยจาก 25.24% ในเดือนก่อน โดยเงินเฟ้อใยหมวดหมู่โรงแรมและร้านอาหารมีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบเป็นรายปีที่ 35.9% ตามมาด้วยหมวดเสื้อผ้าและรองเท้า การรักษาพยาบาล และของใช้ในครัวเรือน สาเหตุหลักเกิดจากเงินกีบที่อ่อนค่าลง ผลผลิตในประเทศปรับลดลง มูลค่าการนำเข้าที่สูง และความยากลำบากในการควบคุมราคาในตลาดท้องถิ่น ทำให้ความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมราคาสินค้ายังเผชิญกับความท้าทาย ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ ธนาคารแห่งลาว (BOL) ให้คำมั่นที่จะใช้นโยบายการเงินเข้มงวด โดยมุ่งเน้นที่การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินกีบ ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการควบคุมต้นทุนสินค้าและบริการ ซึ่งสอดคล้องกับแผนของรัฐบาลที่จะลดอัตราเงินเฟ้อลง 9% ในปี 2567 ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26-27 ธันวาคม 2566 นายกรัฐมนตรี สอนไซ สีพันดอน ได้สั่งการให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ให้ทันสมัย ​​ระบุแหล่งรายได้ใหม่ และลดการรั่วไหลทางการเงิน นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงกฎระเบียบด้านเงินตราต่างประเทศ เพิ่มรายได้จากการส่งออก และดึงดูดการลงทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพของมูลค่าเงินกีบและลดอัตราเงินเฟ้อ

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/12/29/government-targets-lower-inflation-rates-in-2024/

นายกฯ เศรษฐา เผยแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อระหว่างไทย, เวียดนาม, ลาว และกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อระหว่างไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชาหลังจากพบปะผู้นำทั้งสามเมื่อวันอาทิตย์ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดในกรุงโตเกียว เพื่อรำลึกถึงความร่วมมือ 50 ปีของญี่ปุ่นกับประเทศในกลุ่มอาเซียน นายกเศรษฐา กล่าวในการหารือกับประธานาธิบดีเวียดนาม หวอ วัน ทุ่ม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะฟื้นฟูการประชุมคณะรัฐมนตรีระหว่างทั้งสองประเทศ เวียดนามได้เสนอให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมปีหน้า นากยกฯ เศรษฐา กล่าวว่าวาระการประชุมจะรวมถึงราคาข้าวเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยประธานโว เสนอว่า ไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ต้องดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างราบรื่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางระหว่างประเทศต่างๆ ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแยกกัน นายกฯ เศรษฐา กล่าวชมเชยแนวคิดนี้ว่าสร้างสรรค์และกล่าวว่าเขาจะสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล หารือเกี่ยวกับปัญหานี้และทำงานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วทั้งสี่ประเทศ ในการหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา เศรษฐากล่าวถึงประเด็นต่างๆ รวมถึงการจัดตั้งสถานกงสุลไทยในเมืองเสียมเรียบเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมนครวัดอันโด่งดัง นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังขอบคุณเศรษฐาสำหรับการดูแลคนงานชาวกัมพูชาในประเทศไทย ในการเจรจากับประธานาธิบดี Joko Widodo ของอินโดนีเซีย Srettha ยืนยันว่าอินโดนีเซียจะซื้อข้าวไทยจำนวน 2 ล้านตัน การส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นไปยังอินโดนีเซียมีความโดดเด่นเนื่องจากภัยแล้งรุนแรงและฤดูฝนที่ล่าช้าซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ Joko Widodo ยังให้คำมั่นที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าพบนายธรรมนัส พร้อมเภา รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในต้นปีหน้า “สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มราคาและความต้องการข้าวไทย” ทั้งนี้ ประธานาธิบดียังแสดงความสนใจโครงการ Land Bridge มูลค่า 1 ล้านล้านบาทของประเทศไทย และจะมีการหารือเพิ่มเติมเร็วๆ นี้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/economy/40033917

สปป.ลาว วางแผนการขนส่งใหม่ในเวียงจันทน์ เพื่อลดมลภาวะทางอากาศและเสียง

โครงการขนส่งในเมืองอย่างยั่งยืนของเวียงจันทน์ แบบไร้เครื่องยนต์เพื่อช่วยลดระดับมลพิษทางอากาศและเสียงในเมืองหลวง โครงการนี้ริเริ่มโดยกรมโยธาธิการและการขนส่ง กระทรวงคมนาคม โดยจะสร้างพื้นที่หลักที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ในใจกลางเมือง รถสามล้อไฟฟ้าเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะช่วยให้ผู้สัญจรจากสถานี Bus Rapid Transit (BRT) เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในเมืองโดยไม่ต้องใช้ยานยนต์ e-pedicab เป็นรถถีบน้ำหนักเบาที่ขับเคลื่อนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับความนิยมในหลายเมืองทั่วโลกในด้านความสามารถในการขนส่งผู้โดยสารหลายคน ในขณะเดียวกันก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยรถสามล้อไฟฟ้าซึ่งบริหารโดยแผนกการจัดการการขนส่งในเมือง (UTMS) จะช่วยเคลื่อนย้ายผู้โดยสารได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและประหยัดมากขึ้นภายในพื้นที่หลัก เนื่องจากผู้โดยสารจะทำงานได้แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีเครื่องยนต์ เช่น Transit Mall แห่งใหม่รถสามล้อไฟฟ้าจะให้บริการตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 22.00 น. ทุกวัน โดยสามารถพบได้ที่สถานี BRT และที่จอดรถทุกแห่ง ราคาค่าบริการไม่แพงอยู่ที่ 12,500 กีบต่อกิโลเมตร สามารถชำระเงินและจองผ่านแอปสมาร์ทโฟน UTMS รถสามล้อไฟฟ้าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของความมุ่งมั่นของโครงการขนส่งเมืองอย่างยั่งยืนในเวียงจันทน์ในการสร้างการขนส่งที่มีประสิทธิภาพแต่ราคาไม่แพง ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดและปรับปรุงคุณภาพชีวิตสำหรับผู้ที่อาศัยและทำงานในพื้นที่หลัก โดยการลดมลภาวะทางอากาศและเสียง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_246_New_y23.php