การส่งออกของเมียนมาเกิน 234 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ท่ามกลางความต้องการผลไม้ที่สูงในช่วงตรุษจีน
ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์ เมียนมามีรายได้มากกว่า 234 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมถึง 5 มกราคมของปีงบประมาณ 2566-2567 เนื่องจากความต้องการผลไม้ของจีนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ดังกล่าวเมื่อใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ รายงานระบุว่าประเทศเมียนมาส่งออกผลิตผลทางการเกษตรสำคัญ เช่น ข้าวโพด ถั่วลันเตา ถั่วลูกไก่ ถั่วเนย ถั่วลิสง งา หัวหอม ขิงแห้ง ขมิ้น แตงโม อะโวคาโด ส้ม กล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และกล้วย รวมถึงในช่วงสัปดาห์นี้ ยังมีการส่งออกแตงโม แตงไทย (แตงกวา) และกล้วยจำนวน 35,000 ตันไปยังประเทศจีนผ่านทางด่านการค้าชายแดนเมืองเชียงตุง เมืองลเวเจ และกัมปะติ นอกจากนี้ ส้ม อะโวคาโด และกล้วยยังถูกส่งออกไปยังประเทศไทยผ่านทางด่านการค้าชายแดนท่าขี้เหล็ก และมอต่องอีกด้วย ตามรายงานดังกล่าว คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกผลไม้ อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ใกล้เข้ามา เมียนมาจะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับการส่งออกข้าวโพดไปยังประเทศไทย ซึ่งคาดว่าการขนส่งข้าวโพดจะเพิ่มขึ้น โดยทั่วไปเมียนมาส่งออกเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดมากถึง 2.6 ล้านตัน ดังนั้นผู้ค้าข้าวโพดจึงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายตลาดส่งออกข้าวโพด รวมถึงประเทศไทย (ผู้ซื้อข้าวโพดเมียนมารรายใหญ่) และประเทศอื่น ๆ ที่มีตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ฟิลิปปินส์ จีน สิงคโปร์ และเวียดนาม
MoALI รายงานการนำเข้ารถยนต์มากกว่า 6,900 คันใน 8 เดือน
กรมธุรกิจการเกษตรและการค้า ภายใต้ กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทาน รายงานว่า เมียนมาร์นำเข้ายานพาหนะมากกว่า 6,900 คัน รวมถึงรถยนต์ส่วนบุคคล 1,700 คัน ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ทั้งนี้ รายงานของกระทรวงฯ เผยให้เห็นตัวเลขการนำเข้ารถยนต์ส่วนบุคคล 1,784 คัน มูลค่า 39.04 ล้านเหรียญสหรัฐ รถบัส 54 คัน มูลค่า 1.04 ล้านเหรียญสหรัฐ รถบรรทุก 865 คัน มูลค่า 13.12 ล้านเหรียญสหรัฐ และเครื่องจักร 4,203 เครื่อง มูลค่า 136.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 1 ธันวาคม รวมทั้งมีการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 45.02 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจากตัวเลขโดยรวมแสดงให้เห็นถึงการนำเข้ายานพาหนะและรถยนต์เพิ่มขึ้น 235.02 ล้านดอลลาร์ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในปีงบประมาณนี้ มีปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้น 4,700 คัน และมีมูลค่านำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้น 107.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moali-reports-import-of-over-6900-vehicles-in-8-months/#article-title
MIC ไฟเขียวให้ 14 องค์กรลงทุนในเขตมัณฑะเลย์ในปี 2566
ดร. มิน ซอ อู ผู้อำนวยการคณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (เขตมัณฑะเลย์) ) กล่าวว่า คณะกรรมการการลงทุนเมียนมา (MIC) ไฟเขียวให้รัฐวิสาหกิจในประเทศทั้งหมด 13 แห่งที่พลเมืองเมียนมาร์ลงทุน และโครงการจากต่างประเทศ 1 โครงการในปี 2566 โดยองค์กรทั้ง 14 แห่งนี้จะสร้างรายได้ 1.7 แสนล้านจ๊าด และ 0.858 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งมีการจ้างแรงงานเมียนมาร์มากกว่า 650 คน และลูกจ้างชาวต่างชาติ 11 คน ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมการการลงทุนภูมิภาคมัณฑะเลย์ (MRIC) ได้มีการรับรองธุรกิจในประเทศแล้ว 9 แห่ง และวิสาหกิจต่างประเทศ 1 แห่ง อย่างไรก็ตาม โครงการที่ได้รับอนุมัติและรับรองเหล่านั้นมีเป้าหมายที่จะอัดฉีดการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป การจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า และการบริการโรงแรม นอกจากนี้ คณะกรรมการการลงทุนระดับภูมิภาคจะดึงดูดนักลงทุนให้กระตุ้นการลงทุนในการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ธุรกิจอุตสาหกรรม และบริการโรงแรมในปีงบประมาณ 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/mic-nods-14-enterprises-to-invest-in-mandalay-region-in-2023/#article-title
การค้าชายแดนจีน-เมียนมาเติบโตใน 9 เดือน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างเมียนมาร์และจีนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (เมษายน-ธันวาคม) ของปีการเงินปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 จาก 2.076 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่บันทึกไว้ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 525.6 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณที่แล้ว อย่างไรก็ดี เมียนมาร์ดำเนินการค้าขายข้ามพรมแดนกับจีนผ่านทางด่านมูเซ, โลจิ, ชินฉ่วยฮ่อ, กัมปะติ และ เชียงตุง โดยด่านมูเซมีมูลค่าการค้าสูงสุดที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์ รองลงมาเป็นด่านชินฉ่วยฮ่อ 703.06 ล้านดอลลาร์, ด่านกัมปะติ 95.546 ล้านดอลลาร์, ด่านโลจิ 70.111 ล้านดอลลาร์ Lweje และ ด่านเชียงตุง 24.086 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินค้าเกษตร ปศุสัตว์ การประมง แร่ธาตุ ป่าไม้ การผลิต และสินค้าอื่นๆ ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ สินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง สินค้าการผลิต และวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้า CMP
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/sino-myanmar-border-trade-sees-growth-in-9-months/#article-title
ราคาทองคำบริสุทธิ์แตะประมาณ 3.75 ล้านจ๊าดในตลาดภายในประเทศ
ราคาทองคำบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3.75 ล้านจ๊าดต่อ tical (1 tical = 0.578 ออนซ์หรือ 0.016 กิโลกรัม) ในตลาดที่ไม่เป็นทางการ แม้ว่าราคาทองคำสปอตและราคาอ้างอิงโดยสมาคมผู้ประกอบการทองคำย่างกุ้ง (YGEA) จะลดลงก็ตาม โดยราคาทองคำสปอตปัจจุบันอยู่ที่ 2,031 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ YGEA กำหนดราคาอ้างอิงไว้ที่ 3.6514 ล้านจ๊าดต่อ 1 tical ซึ่งมีราคาที่แตกต่างกัน 100,000 จ๊าดต่อ 1 tical ระหว่างราคาของ YGEA และมูลค่าตลาดจริง อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ YGEA ใช้อัตราการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารที่กำหนดโดยธนาคารกลางแห่งเมียนมา CBM ในการคำนวณราคาอ้างอิงสำหรับทองคำบริสุทธิ์ ซึ่งบ่งชี้ถึงช่องว่างขนาดใหญ่ที่ 400,000-500,000 จ๊าดต่อ tical ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนมีมูลค่าประมาณ 3,500 จ๊าดต่อดอลลาร์ ในตลาดซื้อขายที่ไม่เป็นทางการ
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/pure-gold-price-hits-around-k3-75-mln-in-domestic-market/#article-title
การส่งออกยางของเมียนมาร์สร้างรายได้ 144 ล้านเหรียญสหรัฐใน 9 เดือน
ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมส่งออกยาง 114,855 ตันไปยังต่างประเทศในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน คิดเป็นมูลค่ารวม 144.046 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทางสมาคมยางเมียนมาตั้งเป้าส่งออกยางประมาณ 300,000 ตันในปีงบประมาณนี้ อย่างไรก็ดี ราคาทั่วไปของยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 1,620 จ๊าดต่อปอนด์ และยางตากแห้ง 1,600 จ๊าดต่อปอนด์ สำหรับในตลาดยางของรัฐมอญ โดยความต้องการยางทั่วโลก การผลิตยางของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาด มีผลกระทบต่อราคายางของเมียนมาร์ ซึ่งราคายางในรัฐมอญ ถือเป็นรัฐผลิตยางที่สำคัญในเมียนมาร์ มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับปัจจัยดังกล่าวเหล่านั้น นอกจากนี้ยางร้อยละเจ็ดสิบที่ผลิตในเมียนมาร์ส่งออกไปยังประเทศจีน รวมทั้งยังจัดส่งไปยังสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อีกด้วย
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-india-ink-2-mous-under-quick-impact-projects/