นครโฮจิมินห์กลับมาเปิดประกอบการค้าปลีกใน ‘โซนสีเขียว’

เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการและผู้ค้าปลีกในเมืองโฮจิมินห์ เตรียมเปิดกิจการอีกครั้งในพื้นที่ “โซนสีเขียว” ทันทีหลังจากมาตรการเว้นระยะทางสังคม หลายๆพื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ของประเทศสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ เช่น กู๋จี, เกิ่นหย่อ, ฟูญวนและท๋าบิ่ญ เป็นต้น ในเมืองถูดึ๊ก (Thu Duc) ทั้งนี้ คุณเหงวียน ถิ กีม เงิน (Nguyen Thi Kim Ngoc) รองผู้อำนวยการเมืองอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าทางสำนักงานได้ประสานงานกับผู้ประกอบการ ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิต เพื่อให้แน่ใจว่าจัดสรรสินค้าจำเป็นพร้อมแล้วและยังส่งเสริมการขายแก่ผลผลิตทางการเกษตร อีกทั้งได้ร้องขอให้เขตต่างๆ และเมืองถูดึ๊ก วางแผนที่จะเปิดตลาดอีกครั้ง ในขณะที่ยังควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hcm-city-resumes-retail-activities-in-green-zones/208885.vnp

 

‘เวียดนาม’ เผย ม.ค.-สิ.ค. ยอดค้าปลีกและบริการดิ่งลง

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ รายได้รวมจากการค้าปลีกและบริการอยู่ที่ 133.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว ยอดค้าปลีกและบริการรวมลดลงอย่างมากถึง 34% เมื่อเทียบเป็นรายปี และ 10.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แตะอยู่ที่ 279.8 ล้านล้านดอง เนื่องจากหลายพื้นที่ดำเนินตามมาตรการทางสังคมที่เข็มงวด ภายใต้คำสั่งข้อที่ 16 ของรัฐบาล ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรก ยอดค้าปลีก 2.49 ล้านล้านดอง คิดเป็นสัดส่วน 82.1% ของยอดค้าปลีกสินค้าและบริการรวม ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1022936/retail-sales-of-goods-and-services-plunge-in-january-august.html

7-Eleven เปิดสาขาแรกอย่างเป็นทางการในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

ซีพี ออลล์ (กัมพูชา) ผู้ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์เจ้าของร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาแรกในกัมพูชา เปิดให้บริการแล้ว CPALL โดยเลือกกรุงพนมเปญเป็นที่แรก ซึ่งหลังจากที่ ซีพี ออลล์ (กัมพูชา) จำกัด หรือ CP ALL (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของซีพี ออลล์ ได้เข้าทำสัญญาแฟรนไชส์หลักสำหรับการดำเนินการร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศกัมพูชากับ 7-Eleven Inc. เมื่อปี 2020 ล่าสุด ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในกัมพูชาได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งในกัมพูชาร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จะแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ เช่น Smile Mini Marts ในท้องถิ่นและ Circle K แฟรนไชส์จากสหรัฐฯ และแคนาดา รวมถึง Kiwimart, Aeon MaxValu Express และ Lucky Express ที่ได้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้ออยู่ก่อนหน้าแล้วภายในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50925946/7-eleven-opens-first-store-in-phnom-penh/

จับตา ‘ลิ้นจี่เวียดนาม’ วางจำหน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในฝรั่งเศส

ลิ้นจี่สดของเวียดนามชุดแรกที่เพาะปลูกอยู่ในจังหวัดหายเซือง (Hai Duong) ไปวางจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตในฝรั่งเศส นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีการนำเข้าผลไม้ท้องถิ่นไปยังประเทศแถบยุโรป การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีผลบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหภาพยุโรป (EVFTA) เมื่อวันที่ 1 สิ.ค. 2563 ทั้งนี้ นาย Ngo Minh Duong ประธานบริษัท Thanh Binh Jeune กล่าวว่าการนำเข้าลิ้นจี่ โดยใช้ผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี ควบคู่กับมาตรฐานคุณภาพและกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้านั้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของธุรกิจ และช่วยให้สินค้ามีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคต่างประเทศ อีกทั้ง นาย Vu Anh Son หัวหน้าสำนักงานการค้าของเวียดนามในฝรั่งเศส กล่าวว่าความสำเร็จในการส่งออกลิ้นจี่ที่มีตราประทับแหล่งกำเนิดสินค้า ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลเวียดนามในการส่งเสริมธุรกิจต่างๆ ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-lychees-with-origin-tracing-stamp-hit-shelves-in-france-866010.vov

โควิดแรง ชาวบ้านแห่ซื้อของห้างเพิ่ม30% พาณิชย์ยันไม่ต้องตื่นกักตุน

กรมการค้าภายใน เผย จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมีประชาชนจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น โดยนิยมซื้อสินค้าในร้านโชห่วยหรือร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ส่วนห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่จะซื้อสินค้าในกลุ่มอาหาร ซอสปรุงรส อุปกรณ์ประกอบอาหาร และของใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่ม 20%-30% ซึ่งมีการเตรียมสต๊อกสินค้าไว้เพียงพอ ขณะที่สินค้าจำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือยังคงมีปริมาณเพียงพอสามารถจัดส่งได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือให้ขายหน้ากากอนามัยไม่เกินกว่าราคาที่กำหนด และขอมั่นใจว่าปริมาณสินค้ามีเพียงพอไม่จำเป็นต้องกักตุน

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/842356

ตลาดค้าปลีกของเวียดนาม มีมูลค่าถึง 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 63

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เผยตลาดค้าปลีกของเวียดนามในปี 2563 มีมูลค่า 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ไปทั่วโลก แต่เวียดนามยังสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการฟื้นตัวในเดือนสุดท้ายของปี และการที่ยอดค้าปลีกในช่วงสิ้นปีมีอัตราการขยายตัวได้สูงนั้น เนื่องมาจากกลุ่มร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2563 ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการของเวียดนามโดยรวม มีมูลค่าสูงถึง 219.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปี 62 อย่างไรก็ตาม ในตามหัวเมืองต่างๆ หรือจังหวัด ชี้ให้เห็นว่าเมืองโฮจิมินห์มีการเติบโตของค้าปลีกอย่างแข็งแกร่งในปี 63 ด้วยอัตราการเติบโต 12%YoY ด้วยมูลค่า 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-retail-market-expands-7-to-record-high-of-us172-billion-in-2020-315740.html

ค้าปลีกเวียดนาม แตะ 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 68

จากรายงานชองกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าการใช้จ่ายของชนชั้นกลางและรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้รายได้ของภาคค้าปลีกเวียดนาม เพิ่มขึ้น 1.6% เท่าในปี 2563 และมีมูลค่าสูงถึง 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของปี 2568 รวมถึงคาดว่าปี 64-68 อัตราการขยายตัวของภาคค้าปลีก 9-9.5% ในขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในเวียดนาม ปี 2563 ใช้เวลาเพียง 22 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้ช่วยลดแรงกดดันต่อการบริโภคในประเทศ ทั้งนี้ ตามข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดของนีลเส็น เปิดเผยว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ ลดลงราว 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในไตรมาสที่ 2 และลดลง 26%, 19% ในตลาดสิงคโปร์และอินโดนีเซีย เป็นผลมาจากเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ทำให้ภาคค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะโตในปีหน้า จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและความพร้อมในการใช้วัคซีน

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/retail-market-size-to-hit-350-bln-by-2025-4214029.html

ตลาดค้าปลีกเวียดนามดึงดูดผู้ประกอบการญี่ปุ่น

จากรายงานเศรษฐกิจและสังคมของสำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม (GSO) ระบุว่าถึงแม้จะเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก แต่ว่าการส่งออกและนำเข้าของเวียดนามยังคงเติบโตไปในทิศทางเชิงบวก ในขณะที่ เดือนต.ค. ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วและร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ คุณ Tetsuyuki Nakagawa ผู้อำนวยการกลุ่มบริษัทอิออนเวียดนาม มองว่าสภาพแวดล้อมธุรกิจในอนาคตของเวียดนามอยู่ในทิศทางที่ดี ประกอบกับความพยายามของเวียดนามในการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ช่วยให้ภาคค้าปลีกกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเครือข่ายธุรกิจศูนย์การค้า

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnamese-retail-market-lures-japanese-firms-816274.vov

เวียดนามเผยยอดค้าปลีกและบริการลดลง ในเดือน สิ.ค.

เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เพิ่งประกาศสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในเดือนสิงหาคม พบว่ายอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการรวม อยู่ที่ 442,900 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อน เนื่องจากพบการระบาดใหม่ที่ดานัง อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับปีที่แล้ว ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 หากจำแนกพบว่ารายได้จากการท่องเที่ยวลดลงมากที่สุด ร้อยละ 62 ด้วยมูลค่า 974 พันล้านด่อง รองลงมารายได้จากที่พักอาศัย ลดลงร้อยละ 15 ในขณะที่ รายได้จากค้าปลีกลดลงเพียงร้อยละ 0.2 ยิ่งไปกว่านั้น รายได้จากบริการอื่นๆ ลดลงร้อยละ 4.5 ด้วยมูลค่ามากกว่า 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ อยู่ที่ 3.22 ล้านด่อง ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมืองไฮฟอง (Hai Phong) เป็นเมืองที่มียอดค้าปลีกสูงที่สุดเมื่อเทียบกับปี 2562 รองลงมาฮานอย ด่งนายและโฮจิมินห์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8, 9.4 และ 8.3 ตามลำดับ ขณะที่ ดานังและคั้ญฮหว่า มียอดค้าปลีกลดลงร้อยละ 5-6 นอกจากนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวในช่วง 8 เดือน อยู่ที่ประมาณ 13,100 พันล้านด่อง ลดลงร้อยละ 54.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้นโยบายการท่องเที่ยวในประเทศไม่ได้ดำเนินมาใช้ รวมถึงนักท่องเที่ยวยกเลิกทริปทัวร์และงานเทศกาลอีกหลายแห่ง

ที่มา : https://vnexplorer.net/retail-sales-of-consumer-goods-and-services-decreased-in-august-a202088640.html

ห้างฯ ยอมเฉือนเนื้อหั่นราคาระบายสต็อกครึ่งปีหลัง

นักการตลาด ชี้ ครึ่งหลังปีนี้ห้างใช้หมัดเด็ด ยอมขายขาดทุนดึงคนเข้าห้าง แห่กระหน่ำแคมเปญแรงลดสูงสุด 80% ช่วยกระตุ้นตลาด ระบายสต็อกเก่า นายชลิต ลิมปนะเวช อุปนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าขณะนี้บรรดาผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าต่างออกมาใช้กลยุทธ์ ยอมขายขาดทุนเพื่อเป็นตัวดึงดูดคนเข้าห้าง สำหรับช่วยระบายสต็อกสินค้าเก่าและกระตุ้นยอดขายชดเชยในช่วงที่ปิดให้บริการชั่วคราวไป 2 เดือน ซึ่งเห็นได้จากการที่ห้างยักษ์ใหญ่ต่างๆออกมากจัดแคมเปญ ลดราคา ตรึงราคา สินค้าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลังนี้เกือบทุกค่าย นายสเตฟาน จูเบิร์ท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารสินค้า และรักษาการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะใช้กลยุทธ์ เงินเพิ่ม มาโรบินสัน โดยจับมือร่วมกับพันธมิตรแบรนด์สินค้าชั้นนำ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องครัว และของใช้ในบ้าน ของใช้และของเล่นเด็กทั้งหมด 100 แบรนด์ รวม 10,000 รายการ เพื่อจำหน่ายสินค้าในราคาที่คุ้มค่า เช่น ตรึงราคาสินค้านาน 6 เดือน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค และกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายให้คึกคักขึ้น ทั้งนี้กลยุทธ์ดังกล่าวประกอบด้วย ราคาดี ถูกจริง ไม่มีการปรับราคาสินค้าขึ้นหรือลดลงในเวลา 6 เดือน ,จำหน่ายสินค้าราคาถูกหมดแล้วหมดเลย ,ซื้อมากลดมาก และจำหน่ายสินค้าลิมิเต็ด อิดิชั่น ในราคาพิเศษ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่โรบินสันเท่านั้น รายงานข่าวจาก บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้จัดแคมเปญ ไอคอนสยาม ช้อปปิ้ง ดับเบิ้ลโบนัส นำสินค้ามาลดราคาสูงสุด 80% พร้อมมอบของรางวัลและบัตรกำนัลต่างๆ อาทิ  กิ๊ฟว้อยเชอร์ 1,000 บาท บัตรชมภาพยนตร์ เพื่อต้อนรับวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 3-7 ก.ย.นี้ ที่ห้างไอคอนสยาม และในช่วงเดียวกันนี้ห้างสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ ยังได้จัดแคมเปญ เซลสุดพลังรับวันหยุดยาวตลอด5 วันเต็ม ยกกองทัพสินค้าแบรนด์ดังทั้งไทยและระดับอินเตอร์มาลดราคาสูงสุด 70% เพื่อให้คนไทยได้ปลดปล่อยพลังช้อปแบรนด์สินค้ามากมาย น.ส.นงลักษณ์ โลหะมาณพ ผู้จัดการใหญ่การตลาด คอปเปอร์เรท โปรโมชั่นทบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เดอะมอลล์ได้จัดแคมเปญ พกพอยท์ มาช้อปเวอร์ โดยสมาชิกเอ็ม การ์ด นำคะแนนสะสมมาแลกเป็นคูปงส่วนลดได้สูงสุด 40% เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/792801